กราบขอบพระคุณพระอาจารย์กิตติศักดิ์มากนะคะ ที่เข้ามาเยี่ยมชมและติดตามผลงาน ทราบว่าช่วงนี้พระอาจารย์อยู่เมืองไทย แต่ไม่มีโอกาสเข้าไปกราบนมัสการด้วยตัวเอง เพราะกำลังยุ่งกับการเตรียมงานของคณะที่จะเดินทางในวันที่ 26 กุมภาพันธ์นี้ค่ะ แต่คงได้เจอกับพระอาจารย์อีกในการเดินทางครั้งต่อๆ ไปของวันแรมทางนะคะ

กราบนมัสการด้วยความเคารพค่ะ

นุ้ย

ขออนุโมทนาและชื่นชมยินดีกับผู้จัดทำและผู้เดินกับวันแรมทาง ในการไปไหว้พระสวดมนต์ที่แดนพุทธภูมิด้วยความตั้งใจทุกๆท่าน หว่านพืชเช่นไรก็ย่อมได้ผลเช่นนั้น ขอให้ศาสนิกชนทุกๆท่าน ให้ทาน รักษาศีล และเจริญภาวนา เพื่อจิดใจของเราท่านทั้งหลาย มีพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ และบุญบารมีอยู่ในจิตใจติดตัวเราไปตลอด ด้วยกันทุกท่านทุกคนเทอญ สาธุ..............พระอาจารย์กิตติศักดิ์ กิตฺติธมฺโม ( ภูมิสิทธิ์  จ่าพันธ์ )  

ขอให้สมดังตั้งใจนะคะ ส่วนเรื่องข้อมูลเพิ่มเติมจากนี้ มีรายละเอียดมากมายค่ะ อยากทราบเรื่องใดบ้าง สอบถามมาเลยดีกว่า จะได้ตอบให้ค่ะ :)

ยินดีมากค่ะ ที่ข้อมูลของเราเป็นประโยชน์ และขอขอบพระคุณล่วงหน้านะคะ สำหรับเรื่องราวที่จะนำมาแบ่งปัน เพื่อผู้แสวงบุณรุ่นต่อๆ ไป รวมถึงผู้ที่ไม่มีโอกาสได้ไปด้วยตัวเอง จะได้รับรู้เรื่องราว และสืบทอดศรัทธาในพระพุทธศาสนาต่อไปค่ะ

สาธุ!!!....ด้วยคนค่ะ

บุญยังไม่ถึง...จึงยังไม่มีโอกาสไปกราบไหว้สักการะบูชาสังเวชนียสถานทั้ง 4 แห่ง...จึงได้แต่เฝ้ามองคนที่มีโอกาสและร่วมอนุโมทนา...สาธุ...ค่ะ

การเดินทางไปสักการะสังเวชนียสถานนั้น ต้องเตรียมความพร้อมทั้ง กาย และ ใจ ต้อง พกศรัทธา พาปัญญา จูงความเพียร สะสมบารมีให้เพียงพอต่อการใช้สอยในแต่ละวัน หากมีปัญญาอย่างจำกัด ปัญญาอย่างจำเขี่ย มีความเพียรอย่างจำใจ ก็คงจะไม่บรรลุผลและพลาดโอกาสที่จะเข้าถึงแก่นธรรม เพราะสิ่งที่ต้องนำไปนั้นเป็นบันไดที่จะทำให้เดินไปสู่จุดหมายปลายทาง

การปฏิบัตินั่นแล จะทำให้คนหลุดพ้นจากความโง่เขลา ไม่ใช่ความเชื่ออย่างงมงาย ไม่ใช่การร้องขอ อ้อนวอนใดๆ จากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ แต่เป็นการร้องขอต่อตนเอง ทำด้วยตนเอง ด้วยปัญญา

การสักการะสังเวชนียสถาน เป็นการเปิดปัญญาให้กับผู้แสวงบุญ ขอให้ทุกท่านพึงเกิดปัญญา สร้างบุญบารมีให้แก่ตัวเอง เราเชื่อว่า ไม่มีผู้ใดเป็นจวักในหม้อแกง

ปญฺญา โลกสฺมิ ปชฺโชโต  ::: ปัญญาเป็นแสงสว่างในโลก

สาธุ!!! 

ขอบคุณพี่แมวเหมียวมากๆ เลยนะคะ เป็นพี่ที่น่ารักอีกคนหนึ่งที่ให้โอกาสวันแรมทางได้นำทางสู่ดินแดนพุทธภูมิ และยังมีบทความดีๆ จากบันทึกการเดินทางมาฝาก เพื่อเป็นประโยชน์แก่ผู้ที่สนใจจะเดินทางในโอกาสต่อไปอีกด้วย ขอบคุณมากๆ ค่ะ

โอกาสหน้านุ้ยกับพี่ปลาจะไปเที่ยวเชียงใหม่อีกนะคะ ตอนไปขึ้นดอยหลวงเชียงดาวไม่มีเวลาพอที่จะแวะเที่ยวในเมือง เลยไม่ได้เจอพี่แมวเลย แล้วจะส่งข่าวไปล่วงหน้า ให้พี่แมวเป็นไกด์พาเที่ยวนะคะ คิดถึงพี่แมวและสหธรรมิกทุกคนนะคะ

                กลับมาถึงเมืองไทยโดยสวัสดิภาพ ขอขอบคุณ น้องปลา น้องนุ้ย และทีมงานทุกคนที่มุ่งมั่นเสียสละจัดทริปดีๆ ขึ้น รู้ว่าน้องๆ เหนื่อยกันมาก และขอบคุณมากสำหรับความมีน้ำใจและความช่วยเหลือในทุกๆ ด้านของ “น้องพลอย” บุญกุศลอันใดที่รับจากการแสวงบุญในครั้งนี้ ขอให้เป็นพรอันประเสริฐแก่ทีมงานวันแรมทาง สมาชิกผู้แสวงบุญทุกท่าน รวมถึงผู้คนทุกคน ขอให้มี อายุ วรรณะ สุขะ พละ สมบูรณ์ทุกประการ มีความสุข ความเจริญรุ่งเรืองในชีวิต ได้อุปถัมภ์ค้ำจุนพระศาสนา ร่วมกันกับคนดีเป็นกัลยาณมิตรสืบต่อไป จนกว่าจะถึงซึ่งนิพพาน

                สรุปส่งท้าย อินเดียเหมาะสำหรับคนที่อยากไป คนที่ไม่อยากไปก็สมควรไป ใครที่มีความสุขอยู่แล้วก็ควรไป ใครที่มีความทุกข์ ความเศร้า เหงา อ้างว้าง เครียด คิดมาก โกรธ แค้น เกลียด อิจฉาริษยา ร้อนอกร้อนใจ หรือเบื่อหน่าย ท้อแท้ สิ้นหวัง อกหัก อยากตาย ก็สมควรไปเป็นอย่างยิ่ง สาธุ!

                                            ท่ามกลางมรสุมแห่งชีวิต
                                            แม้มืดมิดเพียงใดใจยังหวัง
                                            คงถึงฝั่งที่ฝันในสักวัน
                                            ฝั่งนั้นหรือคือฝั่งพระนิพพาน

                12.  ทริปนี้มีโอกาสแวะซื้อของที่ระลึก 2 ที่ คือ ผ้าที่ร้านในเมืองพาราณสี ผ้าพันคอกับผ้าปูที่นอนสวยมาก แต่ราคาก็ต้องต่อมากเช่นกัน คณะเราโชคดีมี “คุณน้านิชานันท์” ต่อราคาเก่งมาก ต่อจนแขกใจอ่อน ลดแลกแจกแถมกันใหญ่ อีกที่หนึ่งก็คือหน้าธัมเมกขสถูป จะมีรถเข็นขายของที่ระลึกหลายอย่าง เช่น พระพุทธรูปที่แกะจากหินทราย ราคาไม่แพง มีหลายขนาด พระพิมพ์ดินเผา ขนาด 3 x 3 นิ้ว เช่า 2 องค์ ราคา 5 บาท (ใช้เงินไทยก็ได้, เงินรูปีก็ได้ค่ะ) ได้ยินราคาแล้วหัวใจจะวายเสียให้ได้เลยค่ะ ถ้าซื้อมากๆ จะแถมให้อีก หินอ่อนแกะสลักเป็นพระพุทธรูปปางต่างๆ เช่น แบบพระนิพาน ขนาด 2 x 5 นิ้ว ราคา 80 บาท เสาอโศกหินอ่อน มีหัวสิงห์ 4 หัว ราคา 80 บาท เช่นกัน อันเล็กถูกกว่านี้ก็มี ซื้อมากๆ ก็ลดให้อีก สมาชิกคนไหนที่มีรูปก็ส่งมาให้ผู้สนใจดูด้วยก็ดีค่ะ ส่วนมากแต่ละที่ที่ไปเป็นเมืองไม่ใหญ่มาก ที่แลกเงินแทบจะไม่มีค่ะ ไปอินเดียใช้เงินไทยเป็นส่วนใหญ่ เงินอินเดียที่ใช้ก็ได้จากที่น้องนุ้ยให้มา 2,200 รูปปี นอกนั้นใช้เงินไทยหมด ทั้งทำบุญ ทิป ซื้อของ ถ้าเดินๆ ไปมีคนมาสะกิดขอแลกเงินไทยเป็นเงินรูปีก็ให้ชีไปที่ Leader ซึ่งก็คือ น้องนุ้ยและน้องปลานะคะ เค้าได้เงินมาก็จะรอแลกกับคนไทยนี่แหล่ะค่ะ

                13.  ใครที่ไม่ชอบหัวหน้าทัวร์ที่พูดมาก วุ่นวาย ต้องไปกับ “วันแรมทาง” ค่ะ ลูกทัวร์ยังพูดมากกว่าอีก ^-^ เพราะน้องนุ้ยและน้องปลาส่วนมากหลับค่ะ ขอบอก Ha Ha ทัวร์บุญกับ “วันแรมทาง” อิ่มบุญ อิ่มใจ แล้วความสวยก็จะเพิ่มขึ้น เพราะหมอเม้งและหมอกว้าง เป็นหมอศัลยกรรมค่ะ จะช่วยดึงรอยเท้าของสรรพสัตว์บนใบหน้าให้หายไปได้ ลดพิเศษสำหรับสมาชิกวันแรมทางใช่ไหมคะ ^-^

                สมาชิกผู้ร่วมคณะเห็นด้วยหรือไม่อย่างไร ร่วมแสดงความเห็นกันได้นะคะ โดยเฉพาะรุ่นกลาง รุ่นเล็ก อย่างหมอกว้าง หมอเม้ง น้องมด น้องมิลด์ น้องพลอย

                11.  หมู่คณะใดหรือใครที่อยากไปทำบุญอย่างใดอย่างหนึ่ง หรือที่ใดที่หนึ่งเป็นพิเศษ เช่น ทอดผ้าป่า กฐิน สร้างสิ่งก่อสร้างต่างๆ ทุนการศึกษาสำหรับพระเณร ก็ถามข้อมูลจากทีมงานได้ค่ะ ว่าวัดไหนยังขาดอะไรบ้าง เหมาะจะทำแบบไหน แต่อยากให้ข้อมูลว่า ใครอยากทำบุญปรับปรุง ห้องน้ำ ห้องส้วม ถังน้ำ ขันน้ำ ติดเครื่องทำน้ำอุ่น และ เครื่องสุขภัณฑ์ ให้ทำที่วัดไทยพุทธคยา หรือไปทอดผ้าป่าที่วัดจีน ซึ่งเป็นวัดพุทธที่พระจีนก่อตั้ง และนิมนต์พระสงฆ์ไทยไปดูแล แต่ยังขาดปัจจัยอีกมาก วัดนี้มีพระพุทธรูปหินอ่อนที่มีพุทธลักษณะที่งดงามแบบพม่า แกะสลักโดยช่างชาวพม่า สวยมากจริงๆ (หวังว่าน้องนุ้ยคงมีรูปให้ดูนะจ๊ะ) วัดนี้อยู่ใกล้กับ “ธัมเมกขสถูป” มากค่ะ จะเดินไปก็ได้ และอยู่ไม่ไกลจากริมฝั่งแม่น้ำคงคา ที่เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ นั่งรถสามล้อเครื่องแป๊บเดียวก็ถึง สำหรับใครที่ชอบเมืองพาราณสี อยากอยู่นานๆ ควรพักที่นี่ค่ะ และขอบอก มีทีมงานของ “วันแรมทาง” อยู่ที่นี่ 1 คน (ชื่ออะไรนะคะน้องนุ้ย) สามารถช่วยดูแลได้ค่ะ ส่วนค่าธรณีสงฆ์และค่าอาหารในแต่ละที่คงต้องถามทีมงานค่ะ หรือใครจะทำบุญด้วยการทอดผ้าป่าเป็นยาและเวชภัณฑ์ก็ได้ค่ะ วัดไทยแต่ละแห่งจะเปิดคลินิกรักษาคนจนฟรี มีคนมารอคิวจำนวนมาก พระท่านก็พยายามช่วยเหลืออย่างสุดกำลัง หรืออยากไปวัดอื่นที่ไม่ได้มีในโปรแกรมก็สามารถถามทีมงานได้ค่ะ เพราะมีวัดไทยในอินเดียทั้งหมด 13 แห่งค่ะ

                7.  เนื่องจากต้องเดินตากแดดทุกวัน คนที่ชอบแสงแดดและออกกำลังกายกลางแจ้ง คงไม่มีปัญหา ใครที่ไม่ชอบแดดควรพกร่มและหมวดไว้ตลอด (เรื่องนี้สำคัญมากค่ะ^-^)

                8.  ใครที่ไม่ชอบแอร์ เตรียมหมวกหรือผ้าโพกผมไว้ใส่ในรถด้วยค่ะ แอร์ในรถบัสหนาวมากจริงๆ ลดก็ไม่ได้ค่ะ คนที่เวียนหัวเวลานั่งรถก็เตรียมตัวนะคะ นั่งรถโยกเยกเป็นระยะๆ ค่ะ

                9.  ใครที่ไม่เคยสวดมนต์ไหว้พระ แต่อยากไปทำบุญในทริปนี้ ก่อนไปลองหัดสวดมนต์ทำวัตรเช้า ทำวัตรเย็น สวดอิติปิโส สวดพาหุง ไว้ก่อนก็จะดีค่ะ พระอาจารย์ที่เป็นพระวิทยากรจะนำสวดมนต์ ทำวัตรเช้า (ในรถ) ทำวัตรเย็น (ในรถ) และบทอื่นๆ ตามแต่ท่านจะเห็นสมควร และเมื่อไปถึงสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แต่ละแห่ง พระอาจารย์ก็จะนำสวดมนต์และนั่งสมาธิตามแต่เวลาอันสมควร หนังสือสวดมนต์ไม่ต้องเอาไปค่ะ ทีมงานแจกให้ก่อนขึ้นเครื่อง ผู้ที่สามารถปาวรณาศีล และนุ่งขาวห่มขาวไปได้ก็ดีค่ะ

                10.  ผู้ที่อยากไปปฏิบัติธรรมที่ใดที่หนึ่งไม่ว่าจะไปคนเดียวหรือหมู่คณะ อยากแนะนำ 2 ที่เป็นพิเศษ คือ ไปพักที่ “วัดไทยพุทธคยา” แล้วทำบัตรพิเศษ เพื่อหลัง 3 ทุ่ม สามารถไปนั่งสมาธิใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ์ได้จนถึงรุ่งเช้า พลังงานดีมากค่ะ (สถานที่ปลอดภัย มียามดูแล อยู่ห่างจากวัดประมาณ 600 เมตร) อีกที่หนึ่งก็คือ “วัดไทยกุสินาราเฉลิมราชย์” ระเบียงหน้าห้องพักมีพรมแดงปูลาดยาว เดินจงกรมได้รอบพระมหาเจดีย์ “พระมหาธาตุเฉลิมราชย์ศรัทธา” เดินจงกรมได้ดี อากาศดี บรรยากาศสงบ สวยงาม ทั้งกลางคืนและตอนเช้า มีพลังงานดีมากเช่นกัน และอยู่ห่างจากปรินิพพานสถานไม่ไกลค่ะ

                3.  ใครที่กินมังสวิรัติ และกินไข่ได้ ไม่มีปัญหาค่ะ กับข้าวส่วนมากเป็นกับข้าวง่ายๆ เช่น ผัดผัก แกงจืด ไข่พะโล้ ไข่เจียว ผักต้ม สำหรับผลไม้ส่วนมากเป็นแอปเปิ้ลกับกล้วยค่ะ บางมื้ออาจจะไม่มีผลไม้เพราะหายากในบางที่

                4.  เตรียมปรับตัวเรื่องเวลากินอาหารด้วยค่ะ บางครั้งนั่งรถระหว่างเมืองใช้เวลานาน กว่าจะถึงที่หมายแต่ละที่ กว่าจะได้กินอาหารอาจทำให้ไม่สบายท้องได้ค่ะ เตรียมขนมไปกินรองท้องด้วยก็ดี แต่ทีมงานก็มีเตรียมไว้ให้ค่ะ เพียงแต่อาจจะไม่ถูกปากเราก็ได้ เช่น 6 โมงเย็นแล้ว แต่เรายังเดินทางไม่ถึงจุดหมายปลายทางเลย ถ้าเป็นเวลาบ้านเราก็ทุ่มครึ่งแล้ว อาจเลยเวลาอาหารเย็นของบางคนแล้ว เป็นต้น

                5.  เตรียมเงินแบงค์ 20 บาทไทย ไปมากๆ หรือ แบงค์ 10 รูปปี ของอินเดียก็ได้ค่ะ เนื่องจากว่าแต่ละวัดจะมีคนอินเดียมารับจ้างทำงานช่วยพระหรือแม่ชี เช่น เตรียมอาหาร ทำความสะอาด ยกของ ล้างจาน หรือตามแต่พระจะเรียกใช้ จนบางคนสามารถพูดไทยได้ เราจะทิปก็ได้หรือไม่ทิปก็ได้ แต่ถ้าให้ก็ดีค่ะ จะได้มีคนอยากมาช่วยงานที่วัดมากๆ พระหรือแม่ชีจะได้ไม่เหนื่อยมาก^-^

                6.  ค่าทิปของคนขับรถ คนนำทาง เด็กท้ายรถ ทีมงานจัดเตรียมไว้แล้วไม่ต้องกังวลว่าต้องจ่ายเพิ่มอีก เงินถวายพระวิทยากรทีมงานก็จัดเตรียมไว้แล้วเช่นกัน หรือสมาชิกสามารถร่วมทำบุญเพิ่มได้นะคะ (ทีมงานน่ารักมากเรื่องนี้ ขอชมเชยค่ะ^-^)

                สวัสดีค่ะ ไปทำบุญไหว้พระกับ น้องนุ้ย น้องปลา (ทีมงาน "วันแรมทาง") เพิ่งกลับมา มีความสุขและความอิ่มเอิบใจมาก ก็เลยอยากเล่าเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ให้กับผู้ที่สนใจอยากไปสังเวชนียสถานกับ “วันแรมทาง” ได้ทราบข้อมูลเพิ่มเติม เป็นความเห็นของคนที่เป็นลูกทัวร์ค่ะ ทีมงานอาจไปบ่อยจนชิน ก็เลยเฉยๆ เล่าไม่ค่อยเก่งนะคะ ขอแยกเป็นข้อๆ ดังนี้ค่ะ

                1.  การไปพักที่วัดไทยนั้นมีความสะดวกพอประมาณ อาจไม่สบายมากนักเพราะไม่ใช่โรงแรม ลักษณะเหมือนหอพักนักศึกษามากกว่า แต่ไม่มีกลิ่นแขกนะคะ เพราะมีแต่คนไทยมาพัก ที่สำคัญคือเราไปพักที่วัด ทางทีมงานจะจัดเงินบำรุงวัดเป็นค่าธรณีสงฆ์และค่าอาหาร ทางวัดก็จะมีรายได้จากตรงนี้ เราสามารถร่วมทำบุญเพิ่มได้ ใช้เงินไทยได้ทุกวัดค่ะ และเราก็จะได้พบกับพระสงฆ์ไทยที่ทำหน้าที่เผยแผ่พระพุทธศาสนาและดูแลวัดที่นั่น เป็นการไปให้กำลังใจแก่ท่าน และทำบุญไปด้วยค่ะ

                2.  ห้องพัก แต่ละวัดมีจำนวนเตียงไม่เท่ากัน บางวัดมี 3 เตียง, 4 เตียง, 5 เตียง, 7 เตียง ก็มีค่ะ ดังนั้น บางทีอาจต้องแยกย้ายกันตามความเหมาะสม หรือพักกับน้องนุ้ย น้องปลาบ้าง ก็เตรียมใจนิดนึงค่ะ โดยมากคนที่ไปทริปด้วยกันตั้งใจไปทำบุญจึงเป็นคนจิตใจดี ไม่มีปัญหาอะไรค่ะ

ได้มีโอกาศดูจนจบอีกทริปหนึ่ง เห็นถึงความตั้งใจของ
คุณ คนแรมทาง แล้วก็ขออนุโมทนาด้วยความจริงใจ
แล้วผมจะรอไปทริปกับคุณ คนแรมทาง นะคับ
แล้วก็ขออนุโมทนากับทุกๆ ท่านอีกครั้งนะคับ

Thank you very much for your dedication in the successful execution of this pilgrimmage trip to Bhudda circuit tour.  WE wish you the best.

Many thanks for Wan Ram Tang.

Udom and his Mother

และการเดินทางสู่สังเวชนียสถานทั้ง 4 ในครั้งนี้ก็บรรลุเป้าหมายแล้ว ทุกคนได้มากราบแทบบาทพระศาสดาด้วยตัวเอง ถึงดินแดนพุทธภูมิ ด้วยความตั้งใจที่แน่วแน่ แม้จะมีปัญหาเรื่องการเดินทางบ้าง เรื่องสุขภาพบ้าง เรื่องความไม่สะดวกสบายเหมือนอยู่บ้านไทยเมืองพุทธบ้าง แต่ทุกอย่างก็ผ่านไปได้ด้วยดี เพราะความศรัทธาคือพลังที่สามารถเอาชนะทุกอุปสรรคได้

ขอบคุณทุกๆ คนที่ร่วมเดินทางกับ "วันแรมทาง" ในครั้งนี้
ขอบคุณที่ทุกคนมีแรงศรัทธาเป็นที่ตั้ง ทำให้ทุกปัญหากลายเป็นเรื่องเล็กน้อย
ขอบคุณคุณย่าคุณยายทุกท่าน ที่ทำให้พวกเราได้มีรอยยิ้มและรู้สึกอิ่มเอมทุกครั้งที่ได้เห็นท่านก้มกราบด้วยใจที่ตั้งมั่น แม้ว่าร่างกายจะเหนื่อยล้าและอ่อนแรงจากการเดินทางที่ยาวไกล
ขอบคุณหลายสิ่งหลายอย่างที่ไม่อาจอธิบายได้ แต่ทำให้พวกเราได้เดินทางร่วมกัน ได้ทำบุญร่วมกัน และได้เข้าเฝ้าพระพุทธองค์พร้อมกันในครั้งนี้

ฐานสถูปทรงกลมของ "ธรรมราชิกสถูป" พระสถูปที่พระเจ้าอโศกมหาราชสร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์ที่แสดงธรรมชื่อ อนัตตลักขณสูตร ที่ปัญจวัคคีย์ได้สำเร็จพระอรหันต์ และเป็นที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ

"มูลคันธกุฎี" เชื่อกันว่าเป็นที่ซึ่งพระพุทธเจ้าประทับจำพรรษาแรก หลังประกาศพระธรรมจักร และพรรษาที่ 12

ยสเจตียสถาน สถานที่ซึ่งพระพุทธเจ้าทรงแสดงอิทธาภินิหารโปรดพระยสกุลบุตร ผู้เป็นบุตรเศรษฐีแห่งเมืองพาราณสี และได้มีพุทธวจนะว่า "ที่นี้ไม่วุ่นวาย ที่นี้ขัดข้อง"

คุณย่าคุณยายวัย 70 - 80 กว่าที่ร่วมเดินทางมาในทริปนี้ (คนขวาสุดคือคุณน้านิชานันท์ เป็นรุ่นลูกของคุณยายนะ)

คุณตาไพจิตร อาจารย์อีกท่านหนึ่งของพวกเราในการเดินทางครั้งนี้ ที่มีความรู้ดีๆ มามอบให้แก่ชาวคณะในการมาแสวงบุญร่วมกัน

หลังจากสวดมนต์แล้ว พระอาจารย์กิตติศักดิ์ก็นำทุกท่านเข้าสู่มุมสงบ เพื่อเจริญสมาธิภาวนา

จากคงคาพวกเราก็กลับไปกินข้าวเช้าที่วัด แล้วก็ออกไปนมัสการสังเวชนียสถานแห่งสุดท้าย “อิสิปตนมฤคทายวัน” สถานที่แสดงปฐมเทศนา เป็นการแสดงธรรมครั้งแรก ที่มีชื่อว่า พระธัมมจักกัปปวัตตนสูตร

พระอาจารย์นำสวดมนต์สักการะ ธัมเมกขสถูป ที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงปฐมเทศนาแก่ปัญจวัคคีย์ทั้ง 5 และฤษีโกณทัญญะ บรรลุโสดาบัน ทูลขอบวชเป็นพุทธสาวกรูปแรก และเป็นวันแรกที่มีพระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ ครบองค์รัตนตรัย

คุณตาไพจิตรแวะซื้อไม้สีฟัน ซึ่งคุณตาบอกว่าปกติก็ใช้อยู่แล้ว อยู่ที่เมืองไทยก็ใช้ไม้ข่อย ทุกคนก็เลยสนใจกันใหญ่ และพอคุณตาได้มาก็ทดลองใช้ให้เห็นกันเลย

พอขึ้นฝั่งมาก็เจอนักบวชรูปนี้ กำลังเพ็งพระอาทิตย์อยู่ คุณตาไพจิตรบอกว่าเขากำลังเพ็งกระสินธุ์ไฟ

ดูเพื่อปลงว่าชีวิตก็แค่นี้แหละ ชาวฮินดูเค้าอยู่ง่าย กินง่าย พอตายก็ง่ายๆ แค่เอามาเผาแล้วก็ลอยน้ำไป