ขอตอบตามตรงเลยนะคะว่าไม่ทราบจริงๆ และไม่เคยได้ยินว่ามีข้อห้ามอะไร แต่เวลาที่เราคิดจะหาของไปฝากใครที่อินเดีย ก็จะนึกถึงเรื่องความเชื่อ หรือศาสนาที่เขานับถือมากกว่า ว่าเขานับถือฮินดู หรือมุสลิม แล้วอะไรที่เป็นของต้องห้ามของศาสนานั้นๆ เราก็ตัดออกไปค่ะ

ขอถามหน่อยนะค่ะว่าที่ประเทศอินเดีย

เขาถือเรื่องของที่ระลึกหรือของฝากอะไรไหม

ที่ไม่สามารถเอาไปให้ได้อะค่ะ

ไงก็รบกวนตอบหน่อยนะค่ะ

จะเอาไปทำรายงานอะค่ะ

และถ้ารู้ของประเทศอื่น ๆ ด้วยก็จะขอบคุณมาก ๆ เลยนะค่ะ

บอกเหตุผลด้วยนะค่ะว่าเพราะอะไรถึงห้ามอะค่ะ

สวัสดีค่ะคุณนา ตามที่ถามมา ขอตอบให้เท่าที่ทราบนะคะ

1.  อากาศช่วงปลายปีที่ดาร์จีลิ่ง-สิกขิม จะเย็นมากถึงหนาวค่ะ ในบางจุดที่ไปเที่ยวอย่างทะเลสาปฉางกูอาจจะหิมะตก หรือน้ำในทะเลสาปเป็นน้ำแข็งเลย ที่ยุมถังก็เหมือนกัน ต้องเตรียมอุปกรณ์กันหนาวดีๆ นะคะ

2. สำหรับรถไฟ ขึ้นรถไฟจากนิวเดลลี ควรไปลงที่สถานีเมืองนิวจัลไปกุรี (New Jalpaiguri) แล้วต่อรถจี๊ปเข้าดาร์จีลิ่ง หรือสิกขิม แต่ห้องเฉพาะ 2 คนไม่มีนะคะ จะเป็นห้อง 4 คนค่ะ ถ้าจองตู้นอนชั้น 1 ห้องก็จะมีประตูปิดมิดชิด แต่ถ้าเป็นชั้น 2 ก็จะปิดด้วยม่านค่ะ

3.  ถ้ามีวีซ่าอินเดียแล้ว และวีซ่ายังไม่หมดอายุจนกระทั่งวันที่จะเดินทางกลับออกนอกประเทศอินเดีย ก็สามารถใช้วีซ่าเดิมได้ค่ะ แต่สำหรับการขอเข้าสิกขิม อาจจะต้องเอาวีซ่าเดิมไปให้ทางสถานทูตประทับตรา ซึ่งปัจจุบันไม่แน่ใจว่ายังทำได้หรือไม่ หรือเท่ากับต้องขอวีซ่าใหม่ และระบุว่าต้องการเข้าสิกขิมด้วยเลย อันนี้ไม่แน่ใจนะคะ คงต้องเช็คกับทางสถานทูตดูค่ะ

ปล. เรื่องรถไฟที่อินเดียมีหลายขบวนมากๆ ค่ะ ต้องเลือกขบวนที่ค่อนข้างน่าเชื่อถือ จะได้ไม่มีปัญหาเรื่องรถไฟเสียเวลามากนัก ยังไงลองดูรายละเอียดจากโปรแกรมที่เราจัดอยู่ได้ค่ะ คิดว่าลองขบวนที่ลงตัวที่สุดแล้ว เผื่อจะเป็นประโยชน์ในการวางแผนการเที่ยวของคุณนาบ้างไม่มากก็น้อยค่ะ

โปรแกรมเที่ยวสิกขิม

ขอถามด้วยค่ะ จะไป ปลายปีจะไปดาร์จีลิ่ง-สิขขิม

1.อากาศข่วงนั้นเป็นอย่างไรบ้างค๊ะ

2.ถ้าจะขึ้นรถไฟจาก น วเดลลี ควรจะไปลงสถานนีไหนลงที่ ดาร์จีลิ่งเลยได้หรือไม่ แล้วมีรถไฟที่มีห้องเฉพาะ 2 คนหรือไม่

3.มีวีซ่าอินเดียแล้ว แต่วีซ่าจะเหลือเวลา ประมาณ 2 เดือนในเดือนธันวาคม ต้องทำอะไรเพิ่มหรือไม่ เช่นขอวีซ่าเข้าสิกขิมต่างหาก

ขอรบกวนถาม แค่นี้ก่อนนะค๊ะ ขอบคุณค่ะ

เท่าที่เคยซื้อเป็นบางอย่าง..
รองเท้า..ที่โภคราจะแพงกว่าทาเมลนะคะ
เสื้อผ้า.. ก็พอๆกันค่ะ ถูกกว่าบ้าง แพงกว่าบ้าง แล้วแต่ต่อรอง
พวก ของที่ระลึก..อย่างโปสการ์ด ที่โภคราถูกกว่านะ

สรุปแล้ว ก็ลองๆต่อรองดูแล้วกันค่ะ ถ้าชอบและราคาถูกใจก็ซื้อเลยค่ะ ที่ไหนก็เหมือนกัน

ปล. ของที่ ทาเมล จะเยอะกว่าค่ะ

ขอบคุณสำหรับความมีน้ำใจที่มอบมาให้นะครับ

ขอถามเพิ่มอีกหน่อยครับ คือเสื้อกันหนาวและรองเท้าควรซื้อที่โพคราหรือทาเมลดีครับ แบบว่าน่าจะเดินทางผ่านโพคราก่อนไปกาฐมัณฑุ

ขอบคุณมากครับ

ถ้าเข้าไปแค่ที่ลุมพินี จะใช้เป็นเงิน Indian Rupee ก็ได้ค่ะ เขตแนวชายแดนจะสามารถใช้เงินได้ทั้งสองสกุล ไม่จำเป็นต้องแลก (แต่ต้องระวังให้ดีนิดนึงเวลาจะจ่าย ถามเขาก่อนว่า ราคาที่เขาบอกมา เป็นเงินสกุลไหน อินเดียรูปี หรือ เนปาลรูปี ถ้าไม่ระวังเดี๋ยวจะขาดทุนค่ะ)

แต่ถ้าจะเข้าไปถึง kathmandu หรือ เมืองอื่นๆ ก็ต้องแลกเป็นเงิน Nepali Rupee ค่ะ

จะเอาเงินอินเดียรูปี ไปแลกเป็นเงินเนปาลรูปีก็ได้ หรือจะใช้ดอลล่าร์แลกก็ได้ค่ะ สามารถแลกที่ด่าน โซเนาลี หรือ จะไปแลกที่ กาฐมัณฑุ ก็ได้ค่ะ (ใช้เงินดอลล่าร์ไปแลกก็จะได้เรทดีกว่าค่ะ)

ขออนุญาตถามแทรกด้วยคนครับ เพื่อไม่ให้เปลืองกระทู้

ถ้าไปเนปาล ควรเอาเงินสกุลอะไรไปดีครับ  แบบว่าเดินทางมาจากอินเดียทางด่านโซเนาลี ครับ

ขอบคุณคณะวันแรมทางมากครับ

สวัสดีค่ะคุณปรียา

สำหรับเรื่องวีซ่า เท่าที่ทราบถ้าจะไม่ผ่านก็เพราะว่าพาสปอร์ตของเรามีอายุเหลือไม่ถึง 6 เดือน เพราะอินเดียให้วีซ่าขั้นต่ำ 6 เดือนค่ะ สาเหตุอื่นๆ ก็อาจจะเป็นรายชื่อที่ติดแบลคลิสท์ของอินเดีย คืออาจจะเคยไปแล้วทำอะไรผิดไว้ หรืออีกกรณีหนึ่งคือเป็นพวกนักข่าว ซึ่งอาจจะโดนเรียกไปสัมภาษณ์เป็นพิเศษ ก่อนจะให้วีซ่า ทางที่ดีคือลงรายละเอียดว่าเป็นพนักงานบริษัท เพื่อไปท่องเที่ยวดีที่สุด รายละเอียดเพิ่มเติมอื่นๆ ลองเข้าไปดูตามลิงค์นี้นะคะ

http://www.ivac-th.com/thai/index.aspx

ส่วนเรื่องโรคประจำตัว คงต้องรู้ก่อนว่าจะไปที่ไหนของอินเดีย เพราะบางเส้นทางอย่างเที่ยวเดลลี อัครา ชัยปุระ หรือเมืองต่างๆ ที่เจริญแล้วคงไม่ได้ปัญหา แค่เตรียมยาของตัวเองไปให้พร้อมก็น่าจะไปได้หมด แต่ถ้าเป็นเส้นทางที่เดินทางลำบาก ห่างไกลความเจริญ หรือไม่ได้อยู่ในพื้นที่ราบปกติ อย่างไปทางเลห์-ลาดัคห์ ซึ่งอยู่สูงมาก อากาศเบาบาง และต้องนั่งรถนาน คนที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคความดันโลหิตสูง โรคน้ำในหูไม่เท่ากัน โรคไต โรคหัวใจ  โรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ ควรหลีกเลี่ยงค่ะ และถึงไม่ได้เป็นโรคพวกนี้ ก็ยังมีความเสี่ยงเรื่องโรคแพ้ความสูง ซึ่งเป็นโรคสุ่ม บางคนเป็นบางคนไม่เป็น

สรุปแล้วคือต้องรู้ว่าตัวเองจะไปที่ไหน สภาพภูมิประเทศและภูมิอากาศเป็นอย่างไร แล้วประเมินตัวเองก่อนว่าพร้อมมั้ยที่จะเดินทางไปที่นั้น ถ้าไม่พร้อมก็ควรจะหลีกเลี่ยง กันไว้ดีกว่าแก้ค่ะ