พี่หน่อยเริ่มสนใจร้านรวงต่างๆ ..

ใจเย็นพี่ เพิ่งจะวันที่สองเอง อย่างเพิ่ง shop ดิ

เดินเล่นไปเจอฝรั่งอยากลองของ ..

ถึงโรงแรม กินข้าวกันเลย เนื่องจากหิวมากทุกคน จากนั้นเราก็เดินเล่นกันในเมืองมะนาลี อากาศเริ่มหนาวแล้วล่ะ ต่างกับที่เดลลี ลิบลับเลย

พอเข้าไปพักแล้วก็ถึงกับอึ้ง นาย NO-i บอกว่าห้องคู่ ห้องละ 600 รูปี ห้องดีกว่าที่คิดมากๆ วิวสวยติดแม่น้ำ มีน้ำอุ่นตลอด 24 ชั่วโมง .. ต้องขออภัยเหมือนอย่างที่เคย พอดีมันหิวกันจนตาลายเลยลืมถ่ายรูปมาฝากกัน ..

แต่ก็มีป้ายโรงแรมมาฝากนะ สนใจไปพักได้ รับรองไม่ผิดหวัง

รถบัสไปจอดส่งเราที่สถานีขนส่งในตัวเมืองมะนาลีตอนเที่ยงพอดี .. นั่งกันเมื่อยเลย

เราต่อรถตุ๊กตุ๊ก ขึ้นไปในเขตที่เค้าเรียกกันว่า มะนาลีใหม่ โรงแรมที่พักที่ นาย NO-i น้องชายของเรามาเล็งๆไว้ให้ก่อนหน้านี้แล้ว ตั้งอยู่แถวๆนั้น

ใช้ตุ๊กตุ๊กสองคัน แต่ก็ดันหลงกันอีกจนได้ รถที่เรานั่งพาเลยมาไกลพอควร กว่าจะติดต่อกันได้ ยืนรออยู่ตั้งนานแน่ะ

พอเข้าใกล้เมืองมะนาลี (Manali) สองข้างทางมีแต่ต้นแอปเปิ้ล มีตลาดขายส่งแอปเปิ้ลอยู่มากมาย กลิ่นหอมตลบอบอวลไปหมด ..โอยหิวจัง

ในรถอาจจะคับแคบไปหน่อย แต่วิวภายนอกรถเริ่มจะสวยขึ้นๆทุกๆนาทีที่รถวิ่งไปข้างหน้า

เราตื่นขึ้นมาพบกับสองข้างทางที่สวยงาม แค่นี้ก็ชื่นใจแล้วล่ะ

ข้างในเป็นรถนอน สภาพพอทน ..เพราะต้องทนนอนกันไปทั้งคืน

ซื้อของกันเสร็จ เราก็รีบวิ่งหน้าตั้งกลับไปขึ้นรถไฟฟ้าใต้ดิน metro กลับโรงแรม ใกล้เวลารถบัสจะออกแล้ว แต่ยังไม่ได้อาบน้ำ กินข้าว เก็บกระเป๋าเลย .. มัวแต่ shopping กันเพลินไปหน่อย..

แต่ในที่สุดเราก็ทัน แต่เกือบตกรถ แต่ไม่ถึงกับตก ha ha...  รถบัสคันนี้แหละ ราชรถของเราในวันนี้

ออกจาก Qutub Minar เราไปเดิน shopping ต่อกันที่ย่านถนนจันปาทร์ แห่ง Shopping ลือชื่อของนิวเดลี

ที่นี่มีนกแก้วเยอะมากๆเลยล่ะ

เรานั่งรถต่อไปเที่ยวที่ กุตุปมีนา (Qutub Minar) หอคอยสูงที่ได้ชื่อว่าเป็น landmark of india ที่นี่เสียค่าเข้าชมคนละ u$ 5 ค่ะ

จากทำเนียบ เราไปเดินเล่นกันต่อที่ India Gate ที่อยู่ไม่ไกลกันนัก 

India Gate หรือประตูชัยแห่งอินเดีย สร้างเพื่อเป็นที่ระลึกแก่ทหารอินเดียจำนวน 90,000 นาย ที่สละชีพระหว่างสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง พร้อมจุดไฟบูชาอมรชีวินแด่ชีวิตที่ไม่มีวันตาย แก่ทหารเหล่านั้น ตั้งแต่ พ.ศ. 2456 จนถึงปัจจุบัน

วันนี้ฟ้าคลื้มไปหน่อย รูปเลยไม่ค่อยจะสวยเท่าไรน่ะ

วันรุ่งขึ้น รถบัสที่จะออกจาก delhi ไปที่ Manali จะออกตอนประมาณทุ่มตรง เราเลยมีเวลาเหลือเฟือที่จะไปเที่ยวกันใน Delhi

เราตื่นแต่แล้วออกไปที่สถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน (metro) ค่ารถไฟ metro ของแขกถูกมาก ใกล้สุด 6 รูปี ไกลสุด 11 รูปี ประหยัดทั้งเงิน ประหยัดทั้งเวลา อยากไปไหนก็ไปได้รอบเมือง

เช้านี้เรานั่งไปโผล่ขึ้นที่สถานี Central Secretarial ค่ารถคนละ 11 รูปี บริเวณทำเนียบประธานาธิบดี (Rashtrapati Bhavan) ที่ทำงานและที่พักของประธานาธิบดีอินเดีย ประกอบด้วยห้องจำนวน 340 ห้อง อยู่บน Raisina Hill เป็นอาคารที่สวยงามด้วยเอกลักษณ์การก่อสร้างตามรูปแบบอินเดียผสมผสานระหว่างยุคโมกุลและแบบตะวันตก

หนีไปกินข้าวกับชาวแกงค์ภูสอยดาวมาอ่ะดิ.. เอาล่ะต่อนะ

J

อ้าว....ยังไม่จบทริปนี่....หนีไปไหนซะแล้ว

ถึง Delhi ปลามารอรับทุกคนที่สนามบิน นั่งรอนานเหมือนกันนะเพราะมาก่อนเวลานานมากแล้วเครื่องบินก็ดีเลย์นิดหน่อยด้วย

ออกจากสนามบินก็ม่งหน้าเข้าสู่ที่พักแถวๆทิเบตแคมป์ บริเวณใกล้ๆกับมหาวิทยาลัยเดลี แล้วนั้นเค้าเรียก Majnu Ka Tilla ค่ารถแท๊กซี่จากสนามบินไปที่โรงแรม ซื้อตั๋วที่ booth prepaid ราคาอยู่ที่คันละ 350-400 รูปี ขึ้นอยู่กับจำนวนกระเป๋า เราไปพักกันที่โรงแรม Wongdhen House ห้องคู่พักคืนละ 350 รูปี สภาพดีกว่าราคาเยอะเลย (เสียดายที่ไม่ได้ถ่ายรูปมาให้ดู)

ใครจะไปเองคราวหน้าก็ลองไปพักได้ อยู่ไม่ไกลจากสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินสถานีชื่อ Vidhan Sabba นั่งสามล้อ ปั่นจากโรงแรมไปขึ้นรถไฟแค่ 10 รูปี

เหมือนทุกครั้ง เราออกเดินทางจากที่นี่ "สนามบินสุวรรณภูมิ"

และแล้วก็ได้เวลากลับบ้าน มา update รูปสวยๆให้เพื่อนๆพี่ๆน้องๆได้ดูกันเสียทีนะคะ ขอโทษที่ทำให้รอคอยนานมาก..มาก..

ต่อไปนี้จะเอารูปลงให้ดูกันให้หายอยากตั้งแต่วันแรกจนวันสุดท้ายของการเดินทางเลยก็แล้วกัน

แค่เห็นรูปข้างบนก็สุดยอด สวยมากเลยค่ะ ดินแดนในฝัน...อินเดีย

กลับมาแล้วค่ะ การเดินทางที่แสนวิเศษ ประสบการณ์แปลกใหม่ที่สุดครั้งหนึ่งในชีวิตของเรา

ขอเวลาเลือกรูปกันหน่อยนึงนะคะ แล้วจะเอามาลงให้ดูกัน อดใจรอกันอีกไม่นาน..จ้า