อีนี้ฉาน มุมตึก จ้ะนาย

นางเอกทั้งสองมาแจกลายเซนต์ด่วน แฟนคลับรออยู่

  โอ๊ย ขำ สนุกสุดยอด many thanks ตุ้ย

เสร็จสิ้นปฏิบัติการ

ความสนุกสนาน

สองเรา (ไซส์) เท่ากัน

มุมตึก (คู่แข่ง มุมตัส)

 เฮม่า มาแต่นางรอง

ความสนุกสนานระหว่างการถ่ายทำ

ความทุ่มเทของเหล่าช่างภาพ

ความทุ่มเทของเหล่าช่างภาพ

เบื้องหลังการทำงาน

ก่อนการถ่ายทำ

และแล้ว เฮม่า มาแต่นางรอง (คู่แข่ง เฮม่า มาลินี)

กับ มุมตึก (คู่แข่ง มุมตัส) ก็เริ่มงานการถ่ายทำ

และแล้วปฏิบัติการนางเอกหนังแขกที่เราหมายมั่นก็เริ่มขึ้น

หลังจากสอบถามราคาค่าตัวผู้กำกับรวมพร้อพประกอบฉาก

ซึ่งแพงเหลือใจ 30 รูปีต่อเซ็ท(เสื้อผ้ารวมอุปกรณ์ครบ)

พวกเราตกใจมากกับราคาถูกแสนถูกจึงไม่คิดจะต่อราคา

เป็นครั้งแรกที่ทุกคนลงมติเป็นเอกฉันท์เรื่องราคาโดยไม่ต่อรอง

ที่นี่เราจะมองเห็นสนามหญ้าสีเขียวขจีทอดตัวเป็นแนวกว้างในหุบเขา

ถูกโอบล้อมด้วยแนวของป่าสนและเทือกเขาสูงที่มีหิมะสีขาวปกคลุมบนยอด

ในสนามหญ้าเห็นฝูงม้ายืนและเล็มหญ้าอยู่อย่างมีความสุข

วันนี้ที่พาฮาลแกรมมีนักท่องเที่ยวไม่มากเท่าไหร่

ทำให้เราสามารถถ่ายภาพกันได้อย่างค่อนข้างสบาย

ม้าที่นี่ตัวใหญ่กว่าที่ โซนามาร์คแถมท่าทางจะซ่ากว่าด้วย

เส้นทางในวันนี้เป็นทางขึ้นเขาที่ชันและมีหินตะปุ่มตะป่ำไปตลอดทาง

ประกอบกับม้าในกลุ่มของเราซ่ามากๆ

พยายามเดินแข่งกัน แซงกันตลอดทาง

บางตัวก็ชอบตัดไปตามทางลัด

ทำให้ได้ตื่นเต้นกันตลอดเวลา

เกือบทุกคนจึงไม่สามารถถ่ายรูปได้จากหลังม้ากันเลย

จริงๆแล้วทัศนียภาพสองข้างทางระหว่างการขี่ม้า

มีความสวยงามเป็นอย่างยิ่ง

มีทั้งป่าสนเขาและภูเขาสลับซับซ้อน

แต่การที่ต้องลุ้นกับพฤติกรรมของม้าไปตลอดทาง

ทำให้พวกเราไม่สามารถชื่นชมความงดงามของธรรมชาติ

ได้อย่างเต็มที่เต็มอิ่มเท่าที่ควร

แต่ก็ได้รับประสบการณ์ใหม่ๆจากการขี่ม้ามาทดแทน

ใช้เวลาราวครึ่งชั่วโมงเราก็มาถึงหุบเขาแกะ หรือ พาฮาลแกรม

เรามาถึง พาฮาลแกรมประมาณ 11 โมง

ถ่ายรูปกันไปพลางเพื่อรอทานอาหารกลางวันก้นไปพลาง

หลังอาหารกลางวันก็เตรียมตัวขี่ม้ากันต่อ

ทริปวันนี้ขาดสมาชิกไป 3 คน คือพี่นุช พี่อ๋อยและชายแบงค์

พี่นุชกับพี่อ่อย ยังเข็ดจากการขี่ม้าที่โซนามาร์คอยู่ จึงขอนั่งรอ

ส่วนชายแบงค์รออยู่ที่บ้านเรือ เพราะว่าก้นเป็นฝีจากการขี่ม้าคราวแรก

เมื่อพ้นความแออัดจอแจในเมืองศรีนาคาร์

รถเรามุ่งหน้าสู่ พาฮาลแกรม 

คุณพ่อบ้านดีน ได้ชี้ชวนให้ดูบรรยากาศสองข้างทางที่รถแล่นผ่านไป

มีทั้งท้องทุ่งนาสีเขียวขจีของแปลงนาข้าว

แปลงนาที่กำลังไถพรวนเพื่อเตรียมปลูก Safron หรือ หญ้าฝรั่น

พ่อบ้านดีนบอกกับเราว่าหากเป็นช่วงเดือนตุลาถึงพฤศจิกา

เราจะเห็นท้องทุ่งที่เต็มไปด้วยหญ้าฝรั่นออกดอกสวยงามบานเต็มทุ่ง

เราเองก็เสียดายที่ไม่ได้เห็นบรรยากาศนั้นในทริปนี้

วันนี้มีเกร็ดเล็กน้อยเกี่ยวกับรถที่มารับเรา

เนื่องจากเมื่อวานที่ไปเที่ยวกุลมาร์คกันนั้น

คุณป๋าที่ขับรถให้กลุ่มเรานั่งแกขับได้หวาดเสียวได้ใจ

เวลาแซงแต่ละทีต้องลุ้นกันทั้งรถแทบขาดใจ

บวกกับสภาพรถของแกไม่สมบูรณ์เท่าที่ควร

วิ่งๆไปเกียร์เปลี่ยนไปเป็นเกียร์ว่างเองบ้าง

วิ่งๆไปเครื่องยนต์ความร้อนขึ้นต้องหยุดเติมน้ำบ้าง

พอรถติดป๋าแกก้อดับเครื่องรถทุกครั้ง ฯลฯ......

พวกเราก้อเลยพูดให้ ป. ปลาฟังในตอนเย็น

เข้าใจว่า ป. ปลา โทร.ไปต่อว่าเอเยนต์ทัวร์เกี่ยวกับเรื่องนี้

มาวันนี้รถที่มารับเราเลยปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการขับใหม่

โดยการขับด้วยความเร็วไม่เกิน 40 กม./ชม.

แม้ว่าหนทางข้างหน้าจะโล่งว่างไร้ซึ่งรถราใดๆ

แต่พี่แขกคนขับก้อยังรักษาจรรยาบรรณการขับของแกอย่างมั่นคง

พวกเราได้แต่หันมามองหน้ากันและพึมพำให้กันฟัง

ไม่รู้จะทำยังไง ก้อได้แต่ทำใจ

“ เอ็นดูเปิ้น “

เสน่ห์แห่งป่าสนที่ลดหลั่นกันไปตามระดับสูงต่ำของไหล่เขา

สลับกับสีสันของบ้านเรือนที่แทรกอยู่ บวกกับทุ่งหญ้าสีเขียวกว้างสุดลูกหูลูกตา

ที่นี่เป็นสถานที่สำหรับการถ่ายทำภาพยนตร์ของอินเดียที่เป็นที่นิยมมาก

ประเภทพระเอกยืนอยู่เนินเขาลูกหนึ่ง  นางเอกยืนอยู่อีกเนินเขาหนึ่ง

แล้วก็ร้องเพลงตอบโต้กันและวิ่งไล่จับกัน

กว่าจะจับตัวกันได้ก็หมดไปสักครึ่งชั่วโมงได้มั้ง

เช้าวันนี้หลังอาหารเช้าพวกเราก็เตรียมตัวพร้อมกันเพื่อเดินทางออกจากบ้านเรือ

จุดหมายปลายทางของวันนี้คือ  พาฮาลแกรม หรือ หุบเขาแกะ

หุบเขาแกะอยู่ห่างจากเมืองศรีนาคา 98 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง

หุบเขานี้ตั้งอยู่สูงจากระดับน้ำทะเลถึง 2,130 เมตร

หุบเขานี้เป็นทุ่งหญ้าสะวันนา และมีต้นสนยักษ์มากมาย

ไฮไลต์ของการมาเที่ยวที่นี่ คือ การขี่ม้าชมป่าสน ที่ถูกปกคลุมไปด้วยหิมะ

ขี่ม้าไม่เป็นไม่ต้องกลัว เพราะจะมีคนคอยจูงให้

พี่ตุ้ยจ๋า

up เวยเวยหน่อย

ทริปพาฮาลแกมพี่อ๋อยกับป้านุชไม่ได้ขึ้นไป รอดูอยู่จ้ะ