ว่างๆ ไปเจอกันที่สะพานมัฆวานกันป่าว

นุ่งโจงกะเบนสีแดง ทาหน้าแดง ถือสามง่ามไปด้วย รับรองได้ความระทึก

ถึงพี่น้องทุกท่าน :(

คาดว่าเรื่องมันจะเศร้าอีกแล้วนะ ทริปล่องแก่งของนายนุเนี่ย ก็อย่างที่รู้ๆ กัน ข่าวสารบ้านเมืองในช่วงนี้ ฝนตก น้ำท่วมน้ำหลากอย่างหนัก ถนนบางสายก็โดนน้ำเล่นงาน มีผลกระทบไปหลายจังหวัด รวมถึงแทบที่พวกเราจะไปด้วย คาดว่าในอาทิตย์นี้คงจะเสี่ยงเกินไป ต้องเลื่อนอีกแล้วงานนี้

และถ้าเลื่อนคราวนี้แล้ว คณะวันแรมทางก็ค่อนข้างจะหาวันลงยากแล้วนะ เพราะเข้าฤดูการท่องเที่ยวอินเดีย มีทริปที่ต้องออกเดินทางแน่นอนแล้วหลายทริป ยังไงถ้าช่วงไหน พี่ๆ น้องๆ หาแนวร่วมได้จำนวนพอสมควร ก็เซ็ทวันออกเดินทางกันได้เลยนะ ไม่ต้องรอจ้ะ แต่ส่งข่าวมาบอกด้วยล่ะ เผื่อไปได้จะได้ไปด้วย

คิดถึงบรรยากาศการท่องเที่ยวของพวกเราจังเลย เมื่อไหร่จะได้ไปด้วยกันอีกนะ :(

ว่าง 20-21 ด้วยคน....

ว่าง 20-21

ไปได้ทั้งสองคันพร้อมๆกันก็ได้นะ

แบบไปคันละครึ่งตัวไง ไม่ว่า

ลด cost ค่ารถด้วยได้ป่ะ....ไปรถ "เด็กไฟดูด" กับ "รถต้นแบบ" (ของน้องนะ)

แต่เราคงไม่ได้ไปนะ....เก็บเงินไป "เชียงราย" ก่อน...เดี๋ยวมีคนเคือง ถ้าไม่ไป...อิอิ

ฝนบอกว่าสนใจนะ แต่อยากไปพักที่บ้านมากกว่า(บ้านอยู่พิษณุโลก) ถ้าใครอยากลด cost ไปนอนบ้านฝนได้ จะให้นอกริมตลิ่ง

แจ้งเพื่อทราบและโปรดพิจารณานะพี่น้อง

ผลจากการไปเดินงานไทยเที่ยวไทยที่ผ่านมา พี่ปลากับนุ้ย ได้เห็นชอบให้นายนุจองทริปสำหรับล่องแก่งที่น้ำเข็ก(พิษณุโลก) ในราคา 1,350 บาท รวมล่องแก่ง ที่พัก 1 คืน และอาหาร 3 มื้อ/คน (แต่ไม่รวมค่ารถไป-กลับนะ) นุจองไว้ 1 ที่ และสำหรับเพื่อนๆ ที่จะไปด้วยกันก็จ่ายราคานี้แหละ

เลยอยากจะขอมติของพี่น้องทุกท่าน ว่ามีใครอยากไปด้วยกันบ้าง และสะดวกจะไปเสาร์-อาทิตย์ไหนดี ระหว่างวันที่ 13-14 (มันคือเสาร์-อาทิตย์นี้นะ) กับ 20-21 กันยายนนี้ (คือหลังจากนั้นทีมวันแรมทางจะยุ่งค่ะ เพราะเข้าช่วง Hi-seeson ของการไปเที่ยวอินเดียแล้วน่ะ)

ส่งเสียงมาบอกกันหน่อยนะจ๊ะ จะได้เตรียมตัว เตรียมงานต่อได้ เพราะต้องหารถไปเอง ถ้าหลายคนจะได้ติดต่อรถตู้ อยากเที่ยวจะแย่แล้วครับพี่น้อง ;)

โปรแกรมของนุ.....

แนน...ต้องสนใจแน่ๆ เลย : )

ฟังดูดีนะ ป่ะ.. เย็นวันศุกร์นี้เจอกัน (เผื่อวันเสาร์จะไปเที่ยวน่ะ)

รถต้นแบบเจ้านะเสร็จแล้วรึ เสร็จก็พอดีน้ำมันลง เยี่ยมไปเลย 

ถ้าไม่ได้ไปเพชรบูรณ์ อาทิตย์นี้มีงานเที่ยวไทย เราไปหา package สำหรับปลายปีนี้ดีกว่า นุเล็ง อารัง ราวี หลีเป๊ะไว้ ใครสนใจมั่ง?

ยังไม่ถอดใจจ้ะพี่น้อง ถึงหลายคนจะไม่ว่างและไม่สามารถลางานได้ ไม่ได้ไปถึงเพชรบูรณ์ก็ไม่เป็นไร แต่เราจะหาที่ไปใกล้ๆ แถวนี้แหละ(ซึ่งก็ยังสรุปไม่ได้ว่าจะไปไหนดี)

กะว่าจะชวนนะขับรถไปกันเอง มีสามพี่น้องในตระกูล และพี่ปลา ที่ชัวร์ๆ ก็มีสี่คนแล้ว อาจจะมีนายนุ (ซึ่งถึงไหนถึงกันทุกทริป) พี่เพ็ญ(ซึ่งก็ยังไม่ค่อยชัวร์ เพราะที่บ้านเป็นห่วงเรื่องสถานการณ์บ้านเมืองตอนนี้) แล้วก็อาจจะมีใครตามไปด้วยอีกป่าวไม่แน่ใจ ยังไงถ้าสรุปสถานที่ได้แล้วจะบอกอีกที เผื่อมีใครเปลี่ยนใจนาทีสุดท้าย (กว่าจะเลือกที่ได้ก็คงนาทีสุดท้ายเหมือนกัน) เดี๋ยวจะหาว่าไปไม่ชวน

จะไปกันแค่สามคนเหรอเนี่ย อือ

วันลาเหรอเพียบเลย ทำไงดี แต่วิตามิน M มันขาดแคลนอย่างแรง

ตอนนี้หมดไปกับทำรถ เดือนละหมื่น มึนไปเลย

โถ่ โถ่ เจ้านุ้ยอย่าเพิ่งถอดใจขนาดนั้น พี่จะบอกว่าถ้าไม่ได้ไปศุกร์นี้ ไปช่วงเดือนธันวาดิบรรยากาศดีมากๆ โดยเฉพาที่จุดชมวิวที่สูงที่สุดของเพชรบูรณ์ อย่างภูทับเบิก งัยหละ แถมได้มีโอกาสเห็นชาวบ้านเก็บกระหลำปลีน่าสนุกดีออก(เอหรือว่าเราสนุกอยู่คนเดียวหว่า) ....ถ้าไม่ได้ไปจริงๆก้ออดใจรอหน่อย เพราะหน้าหนาวท้องฟ้าที่นั่นสวยมากๆ.../ คนเคยไปจ้า

งานนี้ดูท่าจะกินแห้ว..แววล่ม ส่อเค้ามาแต่ไกล
นุ- พี่ติดโรคร้ายจากนุเสียแล้วหรือนี่

คราวหน้าให้คนอื่นคิดบ้างนา..จะได้ไม่ล่ม หึหึ

พี่นุ้ยเรามาส่งเสียงขอบายอีกคนหล่ะ.. ไม่ใช่ว่าทริปไม่น่าไปนะ แต่ติดงานและไม่สามารถลาป่วยวันศุกร์นี้ได้แล้วอ่ะ.. -.-" โทดนะค้าบบ

แต่ขอบคุณ สำหรับทริปดีๆที่หามาน้า

บ๊ายบายเค้าไปไม่ได้แล้วตอนนี้ก็กำลังป่วย..พึ่งจะไปห่หมอมา

ทริปนี้เงียบๆ นะ แววไม่ค่อยดีเลยอ่ะ ยังไงกันเนี่ยพี่น้อง คนที่บายก็แสดงตัวกันแล้ว คนที่ไม่แสดงอาการใดๆ ว่าไงกันจ๊ะ ไปหรือไม่ก็รีบตอบกันหน่อยนะ จะได้เตรียมตัว เตรียมใจถูก :(

ขอบาย เนื่องจากพึ่งไปมา และก็ต้องขึ้นไปทำธุระด่วนที่เชียงราย ดังนั้น ทริปนี้กุมารของด (อีกแล้ว! มันหลายทริปแล้วน่ะเนี่ย )

อยากเที่ยวโว้ย

เคยไปภูทับเบิกกะภูหินร่องกล้ามาแล้วและคาดว่าคงลาป่วยไม่ทันแห๋งคงต้องอดไปแน่แล้ว

เจ้าประจำไม่เคยขาดเลยสักนัดนะนายนุ

มาลงชื่อมั้ง ปลา กับ นุ้ย จ้ะ

อ่ะ.. มาแล้วมาแล้ว ที่เที่ยวของเรา..

โปรแกรมนี้ “ลอก” เขามานะ
ไม่มีเวลาคิดเอง เอามาให้ดูคร่าวๆละกัน
ก็ไปกันตามนี้แหละ ทัวร์เขาขายกัน ประมาณ 3,500 บาท เราไปกันเองคงไม่ถึง

เที่ยวหน้าฝนนะ เอาบรรยากาศเย็นฉ่ำไปอีกแบบ
กะหล่ำปลีที่ภูทับเบิก เห็นเขาว่ามันเพิ่งเริ่มปลูก หัวคงยังไม่โตเท่าไร ก็คงพอดูได้อยู่หรอก

เขาค้อ-น้ำหนาว-ภูหินร่องกล้า
5-7 กันยายน 51 (ตามนัด)
3 วัน 2 คืน

วันแรก
06.00 น.            ออกเดินทางจากกรุงเทพฯ สู่ จ.เพชรบูรณ์ มุ่งหน้าสู่อุทยานแห่งชาติน้ำหนาว

11.00 น.            เดินทางถึง อุทยานแห่งชาติน้ำหนาว แหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของเพชรบูรณ์ สภาพ พื้นที่ เป็นภูเขาสูงสลับกัน พบกับจุดชมวิวริมหน้าผา และยังมีถ้ำและน้ำตกที่สวยงามอีกหลายแห่ง

12.00 น.            รับประทานอาหาร บริเวณอุทยานฯ น้ำหนาว

15.00 น.            ออกเดินทางจาก น้ำหนาวฯ มุ่งหน้าสู่ หล่มสัก

16.00 น.            สักการะพ่อขุนผาเมือง กราบไหว้ขอพรปูชนียสถานคู่เมืองเพชรบูรณ์

16.30 น.            นมัสการเสาหลักเมือง ที่เก่าแก่ที่สุดในประเทศไทย

17.00 น.            เดินทางเข้าสู่ที่พัก

19.00 น.            รับประทานอาหารเย็น
พักผ่อนตามอัธยาศัย

วันที่สอง

07.00 น.            รับประทานอาหารเช้า

08.30 น.            ออกเดินทางสู่ ภูหินร่องกล้า

09.30 น.            พบกับร่องรอยประวัติศาสตร์ยุทธภูมิสำคัญของพรรคคอมมิวนิสต์ อุณหภูมิประมาณไม่เกิน 25 องศาเซลเซียส แหล่งท่องเที่ยวบนภูหินร่องกล้าได้แก่ พิพิธภัณฑ์สู้รบ, โรงเรียนคอมมิวนิสต์, กังหันน้ำ, ที่หลบภัยทางอากาศ, ลานหินแตก, ลานหินปุ่ม, ผาชูธง จุดปักธงแดง คอมมิวนิสต์ เป็นหน้าผาสูงชัน ฯลฯ บริเวณภูหินร่องกล้า

12.00 น.            รับประทานอาหารกลางวัน ณ อุทยานฯ

14.00 น.            ออกเดินทางมุ่งหน้าสู่ ภูทับเบิก จุดที่สูงที่สุดแห่งเพชรบูรณ์
ตะลุยหมู่บ้านทับเบิก ปัจจุบันชาวไทยภูเขาเผ่าม้ง ได้อพยพมาอาศัยที่หมู่บ้านนี้ พบแปลงภูเขากะหล่ำที่ใหญ่ที่สุดในโลก เลือกซื้อหาผักสดและสินค้าเกษตรได้จากชาวเขา, นอกจากจะเป็นที่ปลูกกะหล่ำที่ใหญ่ที่สุดแล้ว ยังเป็นดินแดนแห่งซากุระบาน ซากุระจะเริ่มออกดอกสะพรั่งทั่วภูเขาในช่วงเดือน พฤศจิกายน ถึงมกราคม

17.30 น.            ก่อนอำลาภูทับเบิก ที่คุณต้องไม่พลาดกับบรรยากาศยาม พระอาทิตย์ลับขอบฟ้าที่คุณจะประทับใจไม่รู้ลืม

18.30 น.            เดินทางกลับถึงที่พัก พักผ่อน ทำธุระส่วนตัว
รับประทานอาหารค่ำ ภายใต้ แสงดาว และขุนเขาเพื่อซึมซับค่ำคืนอันแสนหนาว และ โรแมนติก

วันที่สาม

07.00 น.            อาหารเช้า

08.00 น.            ออกเดินทางไปเที่ยวชมยังพระตำหนักเขาค้อ ซึ่งเป็นจุดสูงสุดของเขาค้อ ทางขึ้นค่อนข้างชัน พระตำหนักนี้สร้างขึ้นเพื่อน้อมเกล้าฯ ถวายแด่องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในวโรกาสที่เสด็จพระราชดำเนินทอดพระเนตรงานโครงการในพระราชดำริ เป็นอาคารคอนกรีตครึ่งวงกลม มีทั้งหมด 15 ห้อง เป็นพระตำหนักที่มีรูปทรงแปลกกว่าตำหนักอื่น ๆ บริเวณรอบๆ ตกแต่งด้วยพันธุ์พืชไม้ดอกเมืองหนาว

10.00 น.            และออกเดินทางต่อไปยังสถานที่ท่องเที่ยวอีกที่หนึ่งคือ หอสมุดนานาชาติ ตั้งอยู่ที่เดียวกับเจดีย์พระบรมสารีริกธาตุเขาค้อ เป็นหอสมุดขนาดใหญ่ ออกแบบเป็นรูปเพชรคว่ำ สร้างด้วยกระจกสะท้อนแสง ในเดือนธันวาคมของทุกปีจะมีการจัดงาน “วันนัดพบเอกอัครราชทูต ณ เขาค้อ” ซึ่งมีเอกอัครราชทูตจากประเทศต่าง ๆ มาร่วมงานเป็นจำนวนมาก

11.00 น.            เดินทางมาชมเจดีย์พระบรมสารีริกธาตุเขาค้อ ที่ยอดเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ซึ่งอัญเชิญมาจากประเทศศรีลังกา ในวันสำคัญทางศาสนาจะมีประชาชนและนักท่องเที่ยวมาร่วมกันประกอบพิธีกรรมทางศาสนา

เดินทางกลับ มุ่งหน้าสู่ จ.พิษณุโลก แวะกราบนมัสการพระพุทธชินราช ที่ จ. พิษณุโลก เพื่อความเป็นสิริมงคล
ออกเดินทางต่อมุ่งหน้าสู่จังหวัดนครสวรรค์

เที่ยง                 รับประทานอาหารกลางวัน ที่ จ.นครสวรรค์

20.00 น.            ออกเดินทางกลับกรุงเทพฯ

ปล.

อยากแวะดูการผลิตมะขามและซื้อมะขามแปรรูปของกลุ่มแม่บ้าน หมู่บ้าน วังบาล
แวะซื้อของฝาก ณ ไร่กำนันจุล ( ฟาร์มสเตย์ ) ไร่กำนันจุล เป็นผู้บุกเบิกการทำไร่ส้มเขียวหวานส่งออกขายทั่วประเทศและประเทศเพื่อนบ้านรายแรกๆ ของประเทศไทย
แต่ไม่รู้ว่ามันเป็นทางเดียวกับที่เราไปหรือเปล่า แล้วก็จะมีเวลาหรือเปล่าก็ไม่รู้

เอาไว้ดูอีกทีก็แล้วกัน

พี่น้องครับ

เราได้โปรแกรมคร่าวๆ มาแล้วนะ กิจกรรม 2 วัน 1 คืนของพวกเราจะเป็นประมาณนี้

วันเสาร์ที่ 28 มิ.ย. 51
07.00  ออกเดินทางจากกรุงเทพ นัดรวมพลจุดที่ 1 ที่คอนโดพี่ปลา ตรงสุขสวัสดิ์ สำหรับพวกเราเด็กฝั่งธน(หลายคนเคยมาแล้วตอนทริปดอกกระเจียว)

07.30  รวมพลจุดที่ 2 ในเมือง ตรงไหนจะบอกอีกทีนะ สำหรับพวกเด็กพระนคร

09.00  ถึงโรงเรียน จปร. นครนายก เริ่มทำกิจกรรมต่างๆ กันตามแต่ใจ โรยตัว โดดหอ ยิงปืน เพนท์บอล และอื่นๆ อีกมากมาย

12.00  หาข้าวกินกันแถวนครนายก แล้วอาจจะทำกิจกรรมต่ออีกสักพัก จากนั้นก็มุ่งหน้าสู่แก่งหินเพิง
             -  ถ้าเวลาเหลือเยอะ อาจจะเข้าที่พักก่อน ไปเก็บของ เปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วออกไปล่องแก่งกัน

15.00  ล่องแก่งหินเพิง ประมาณ 2 ชั่วโมง

17.00  กลับเข้าที่พัก อาบน้ำแต่งตัว ออกไปหาข้าวกินกัน หรืออาจจะซื้อเข้าไปให้พร้อมเลยก็ได้
            -  บ้านพักของเราอยู่ในสวน แถววังน้ำเขียวนะ เสียงดังได้เต็มที่ แต่คงไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกใดนัก เน้นประหยัดและปลอดภัยจ้ะ (นอนกลางดินกลางทรายยังทำมาแล้ว แค่นี้คงไม่ใช่ปัญหานะ)
           -  พักผ่อนกันตามอัธยาศัย ใครอยากทำกิจกรรมใดก็ตามสบาย

วันอาทิตย์ที่ 29 มิ.ย. 51
08.00  กินข้าวเช้ากัน เสร็จแล้วไปเที่ยวต่อกัน เริ่มจากในวังน้ำเขียว ซึ่งมีที่เที่ยวหลายแห่ง ส่วนใหญ่จะเป็นพวกไร่และสวน มีทั้งดอกไม้และผลไม้

12.00  มื้อกลางวันหาของอร่อยกินในวังน้ำเขียวก่อนดีกว่า แล้วก็ไปเที่ยวกันต่อ แถวมวกเหล็ก ปากช่อง หา ATV ขี่เล่นกันพอสะใจ สมควรแก่เวลาก็ตีรถกลับเข้ากรุงเทพกัน หรือจะหาข้าวเย็นกินกันก่อนแถวสระบุรีก็ได้อยู่นะ

ถึงกรุงเทพประมาณสัก 6 โมงหรือทุ่มนึง ปิดทริปแบบชิวๆ

งบประมาณที่ตั้งไว้ตอนนี้ ไม่เกิน 2,000 บาท(รวมค่ารถ ค่าน้ำมัน ค่าอาหาร ค่าที่พัก และกิจกรรมหลักๆ อย่างล่องแก่ง) กิจกรรมปลีกย่อยอื่นๆ จ่ายกันเองต่างหาก แล้วแต่ใครจะเล่นอะไรนะ แต่งบที่ตั้งไว้อาจจะต่ำกว่านี้ได้หน่อย ขึ้นอยู่กับค่าน้ำมันจ้ะ

ถ้ามีรายละเอียดอะไรเพิ่มเติมจะส่งข่าวนะจ๊ะ คนที่ยืนยันแล้วเตรียมตัวเดินทางได้เลยนะ แล้วเจอกันจ้ะ

กอล์ฟ ลงมาน่ะ ไม่พกตุลย์ลงมาด้วยล่ะ

เห็นบ่นแง้วๆๆๆๆๆ มาว่าจะไป จะไป

ตกลง Mega Project ไม่มีเสียงอื่นน่ะ งั้นปีนี้เป็นเขาหลวงนะจ๊ะ

นุ้ยฝากวางโปรแกรมเดือนตุลาหน่อยดิ อีก 3 เดือนเอง จะทันไหมน้อ

สวัสดีพี่น้องครับ

เราสรุปวันกันแล้วนะว่าจะไปเที่ยวเสาร์-อาทิตย์ที่ 28-29 มิ.ย. นี้นะ โปรแกรมหลักค่อนข้างแน่นอนว่าเป็นล่องแก่งหินเพิง ที่ปราจีนบุรี เพราะใกล้กรุงเทพ ไปแค่เสาร์-อาทิตย์ แต่ถ้าใครคิดว่ามีที่อื่นที่น่าสนใจกว่าก็บอกมานะ เปลี่ยนที่ยังพอได้ แต่เปลี่ยนวันไม่สามารถแล้วนะ เพราะนอกจากอาทิตย์นี้แล้ว เราไม่ว่างอ่ะ

โปรแกรมโดยละเอียดว่าออกเดินทางจากไหน กี่โมง พักที่ไหน เที่ยวรายทางอะไรบ้าง จะทยอยมาแล้วกันนะ ช่วงนี้ช่วยงานมูลนิธิวัดไทยกุสินาราอยู่ จะยุ่งมากๆ จนถึงวันเสาร์ที่ 21 นี้ หลังจากนั้นจะลุยทริปล่องแก่งเต็มที่ รอหน่อยนะ แต่เตรียมเคลียร์คิว 28-29 ไว้ได้เลย

ใครไปไม่ไปส่งข่าวด้วยนะ จะได้รู้จำนวนคน และเตรียมรถ เตรียมที่พักต่อไปจ้ะ

แก่งหินเพิง...

ลักษณะของสายน้ำ
แก่งหินเพิง เป็นแก่งหินตอนปลายสุดของแม่น้ำใสใหญ่ ซึ่งมีลักษณะทางธรณีวิทยาเป็นชั้นหินทราย ครั้นเมื่อถึงฤดูฝนกระแสน้ำจะไหลหลากอย่างรุนแรงจนทำให้เกิดเกาะแก่งต่าง ๆ มากมาย แก่งหินเพิงเป็นที่มีความเหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ชอบความท้าทายกับสายน้ำอันเชี่ยวกราก โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝนตั้งแต่เดือนกรกฎาคมถึงเดือนตุลาคมกระแสน้ำบริเวณแก่งหินเพิงจะไหลรุนแรงมาก

ระยะเวลาในการล่อง
ล่องได้เฉพาะช่วงฤดูฝนเท่านั้น จากแก่งหินเพิงเป็นจุดเริ่มต้นในการล่องถึงแก่งงูเห่าแก่งสุดท้าย ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง

ความตื่นเต้น ท้าทาย
การล่องแก่งสายนี้จุดเด่นอยู่ที่ตัวอก่งหินเพิงอันเป็นจุดเริ่มต้นของการล่องแก่ง เมื่อถึงฤดูฝนตั้งแต่เดือนกรกฎาคม - ตุลาคม กระแสน้ำจะไหลหลากอย่างรุนแรงก่อให้เกิดเกาะแก่งมากมาย ตัวแก่งหินเพิงมีลักษณะเป็นลานหินหักเทลื่นลงมาจนเกิดเป็นกระแสน้ำวนและเชี่ยวกราก ต้องใช้ความสามารถและทักษะในการพายเป็นอย่างยิ่ง จากจุดเริ่มต้นเหนือแก่งหินเพิงลงมาจะผ่านแก่งวังบอน บริเวณนี้จะมีโขดหินสองฝั่งขวางกระแสน้ำอยู่บีบให้กระแสน้ำเข้าหากับเป็นรูปตัววี และถ้าผ่านแก่งวังบอนมาได้ กระแสน้ำหลังแก่งวังบอนจะไหลย้อนทิศทางตรงนี้สามารถพักเรือบริเวณนี้ได้ ล่องเรือต่อมาจะพบกับแก่งลูกเสือ ซึ่งมีความสนุกสนานเร้าใจไม่แพ้แก่งหินเพิง และผ่านไปจนถึงแก่งวังไทร และแก่งงูเห่า ซึ่งเป็นแก่งสุดท้ายของการล่องแก่งสายน้ำช่วงนี้แก่งวังไทรจะมีลักษณะเป็นคลื่นใหญ่ม้วนตัวขึ้นเป็นวง สร้างความตื่นเต้นเร้าใจได้พอสมควร

แก่งต่างๆ ที่ล่องผ่าน
แก่งหินเพิง เป็นจุดเริ่มต้นของการล่องแก่งลักษณะหินของแก่งหินเพิงประมาณ 150 เมตร ในช่วงฤดูฝน ผ่านเกาะแก่งและชั้นหินต่างระดับลงมาเป็นชั้น ๆ ยาวประมาณ 200 เมตร เป็นสุดยอดของการล่องแก่งทริปนี้

1. แก่งหนามล้อม มีลักษณะเป็นวังน้ำขนาดใหญ่กระแสไหลวนไปมา
2. แก่งวังบอน มีลักษณะเป็นแก่งหินสั้น ๆ ยาวประมาณ 30 เมตร กระแสน้ำจะไหลลาดเอียงลงมาประมาณ 30 องศาผ่านชั้นหินและเกาะต่าง ๆ จากนั้นน้ำจะไหลเอื่อย ๆ ลงมายังแก่งลูกเสือ
3. แก่งลูกเสือ มีลักษณะเป็นแก่งน้ำเล็ก ๆ มีร่องน้ำสามารถพายเรือยางผ่านไปได้ แต่ต้องระมัดระวังอันตรายจากกิ่งไม้ที่ยื่นออกมา
4. แก่งวังไทร มีลักษณะเป็นแก่งหินกว้างประมาณ 50-60 เมตร ยาวประมาณ 150 เมตร ความกว้างของแก่งพอ ๆ กับแก่งลูกเสือมีความลาดชันประมาณ 30 องศา กระแสน้ำจะไหลผ่านเกาะแก่งต่างๆ แล้วม้วนตัวเป็นวงคลื่นต้องใช้ทักษะความชำนาญในการพายเรือค่อนข้างสูง
5. แก่งงูเห่า ตั้งอยู่บริเวณหน่วยพิทักษ์ป่าที่ขญ.9 ถ้าปริมาณน้ำไม่มากนักจะแลเห็นเกาะแก่งต่าง ๆ โผล่ขึ้นมาเหนือน้ำ แต่ถ้าอยู่ในช่วงฤดูฝนกระแสน้ำจะไหลท่วมเกาะแก่งต่าง ๆ จนมีลักษณะคล้ายกับฝายกั้นน้ำ

การล่องแก่งหินเพิงส่วนมากจะมาขึ้นฝั่งกันบริเวณแก่งวังไทร เพราะมีห้องสุขาและห้องอาบน้ำไว้บริการนักล่องแก่ง หรืออยากจะพักผ่อนนั่งรับประทานอาหารกลางวันที่ทางรีสอร์ทจัดไว้ให้ก็ได้ เป็นอันสิ้นสุดการผจญภัยในแก่งหินเพิง

เหมือนจะเป็นง่อยถ้าไม่ได้ไปเที่ยว

ไปทุกที่ ที่จัดมา ... โอ๊ก..ๆๆๆๆ  จะลงแดงงงงงงงตายยยยยยย แย้ววววววววว........

ปล. น้ำเข็กเราไปมาแล้ว ก็เอาเรื่องอยู่น่ะ แต่หนุกอยู่น่ะ

โหดไปหน่อยหรือเปล่า สำหรับ คนที่ไม่เคยล่องแก่ง คนที่ว่ายน้ำไม่เป็น คนที่กลัวตกน้ำ ฯลฯ

หาไอ้ที่มันโหดน้อยกว่านี้หน่อยดิ
ทริปนี้สมาชิกค่อนข้างหลากหลาย

เท่าที่รู้ คนที่สนใจจะไปมีเยอะนะ มีคนว่ายน้ำไม่เป็น มีคนไม่เคยล่องแก่ง อยู่หลายคนด้วยอ่ะ

ล่องแก่ง...(ถ้าไม่อยากไปใกล้...ก็ไกลหน่อยละกัน)

" น้ำเข็ก " ถือเป็นเส้นทาง ล่องแก่ง ที่น่าตื่นตาตื่นใจ เนื่องจากความแรงของสายน้ำที่มีตั้งแต่ระดับ 1-5 และทิวทัศน์ 2 ข้างทาง ใช้ระยะทางประมาณ 8 กิโลเมตร และใช้เวลาประมาณ 2-3 ชั่วโมงแล้วแต่กระแสน้ำ

สรุปแก่งที่ท้าทาย 18 แก่ง ได้แก่
   - แก่งท่าข้าม เป็นแก่งที่ไม่ใหญู่นัก ความยากก็อยู่ประมาณ 1-2
   - แก่งไทร เป็นแก่งที่มีความยากในระดับ 3-4
   - แก่งมรดกป่า เป็นแก่งที่มีความยากในระดับ 3
   - แก่งปากยาง ที่แก่งปากยางนี้จะมีความยาวต่อเนื่องกันประมาณ 100 เมตร กระแลน้ำไหลจะอยู่ทางด้านซ้ายของลำน้ำ ความยากของแก่ง ปากยางอยูในระดับ 2-3 แลัวแต่ความมากน้อยของน้ำ
   - แก่งหินลาด จะเป็นช่วงลุดท้ายของแก่งปากยาง เป็นหินลดระดับลงห่างกันประมาณ 1 เมตร เมื่อผ่านแก่งไปได้ สายน้ำ จะลดความรุนแรง ลงกลายเป็นน้ำนิ่งไหลเอื่อยๆ
   - แก่งสวนรัชมังคลา 1 , 2 ความรุนแรงในระดับ 3-4 ถ้าเป็นช่วงที่น้ำ มากๆ จะมียอดคลื่นสูงเกิน 1เมตร
   - แก่งซาง จะอยู่ไม่ไกลจากแก่งสวนรัชมังคลา ก่อนที่เรือจะถึงแก่งซางนั้นสายน้ำจะค่อนข้างเรียบ ลักษณะของแก่งซางจะเป็นลานหินกว้างมาก และลดระดับ ลงในแต่ละช่วง ลงไม่ต่ำกว่า 10 เมตรทีเดียว แก่งนี้จึงมีความยากในระดับ 4-5 เมื่อเรือผ่านน้ำนิ่ง สายน้ำจะหักเลี้ยวซ้ายทันทีที่เรือ เลี้ยวซ้าย มาตามลายน้ำ คุณจะไต้พบกับความยิ่งใหญ่ของ แก่งซาง จึงจัดได้ว่าเป็นแก่งที่ค่อนข้างจะอันตราย
   - แก่งโสภาราม เป็นแก่งหักศอกตัว s ความ รุนแรงไม่เท่าไหร่ แต่จะโค้งหักศอก
   - แก่งดงสัก เป็นแก่งที่มีความยากในระดับ 3
   - แก่งนางคอย จะอยู่ห่างจากแก่งซางไม่ไกลนัก ลักษณะของแก่งนางคอยจะเป็นการลดระดับของชั้นหิน และกระแสน้ำ ที่มีความสูงเกือบๆ 2 เมตร ความยากจะอยู ในระดับ 4-5 ควรจอดเรือบนลานหินเหนือ แก่งแล้วลองเดินไปดูสภาพของแก่งเลียก่อน ว่าควรจะ นำเรือไปตามล่องน้ำ ด้านใหน
   - แก่งดูด เป็นแก่งที่มีความยากในระดับ 1-3
   - แก่งยาว จะมีความยาวกว่า 100 เมตร สมกับชื่อของแก่ง จะเป็นแก่งที่สายน้ำจะผ่านโขดหินมากมาย และค่อยๆลดระดับลาดเอียงลงสู่ด้านหน้าของแก่ง ความ ยากของแก่งยาวนี้จะอยู่ในระดับ 3-5 แล้วแต่ระดับของน้ำ
   - แก่งวังน้ำเย็น ความยากในระดับ 1-2
   - แก่งทับขุน ความยากในระดับ 1-2

ตอนนี้กำลังหาที่ล่องแก่งอยู่นะพี่น้อง รออีกอึดใจ จะจัดให้แล้วจ๊ะ

ว่าแต่สะดวกช่วงไหนกัน เสาร์-อาทิตย์ไหนดี 28-29 มิ.ย. นี้ได้กันมั้ยเอ่ย มีใครติดอะไรป่าว ส่งข่าวมาแล้วกันนะ แต่คิดว่าถ้าไม่มีใครค้าน จะไปช่วงสิ้นเดือนนี้แหละ

ใครจะไปยกมือขึ้น เดี๋ยวรายละเอียดจะตามมานะจ๊ะ คิดถึงจัง ไม่ได้เที่ยวด้วยกันตั้งนานนะ :)

ถึงทุกๆ ท่าน

ทริปล่องแก่งที่เมืองกาญจนบุรี น่าสนใจมากๆ ค่ะ และต่อด้วยที่พะเยา  ได้หมดค่ะ ขอหลังเดือน เมษายนนะคะ
ขอบพระคุณทุกๆ ท่านที่ได้เสนอสิ่งดีๆ ที่เข้ามาในชีวิตตุลย์ค่ะ เป็นปลื้มจริงๆ ค่ะ
 
                                                                                 ตุลย์

เออ... คือว่ามีอยู่โปรแกรมนึงของ TK น่ะ
อยากไปมานานแล้ว แต่ไม่ได้ไปสักที

ลองอ่านกันดูนะ เผื่อว่าจะสนใจ
ใครที่ไม่ได้เที่ยวแล้วก้กำลังจะลงแดง ก็ลองอ่านดู..

ไป อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี (เดินป่า ล่องแก่ง ครบสูตรแค่เสาร์-อาทิตย์)
ทริปนี้เป็นทริปเดินป่าระยะสั้นเสาร์-อาทิตย์ (ระยะทาง 5กม. ทางราบ)เพื่อไปชมน้ำตกของห้วยที่หินเป็นสีทอง(แร่ควอทที่อยู่ในหินจะสะท้อนแสงสีทองยามบ่าย)น้ำตกป่งป๊ง และบวกด้วย

การล่องแก่งแม่น้ำรันตีตอนบนด้วยเรือยาง ที่ต้องผ่านแก่งระดับ 2-3-4 ตลอดสายน้ำรันตีกลับออกมา(ปกติจะเคยได้ยินเฉพาะนั่งช้างล่องแพไม้ไผ่ ความจริงแม่น้ำรันตีมีมากกว่านั้นครับ) เป็นทริปที่ครบสูตรทั้งเดินป่า และ ล่องแก่งด้วยระยะเวลา 2 วัน 1 คืน

คืนเดินทาง
21.00 เดินทางจาก กทม นัดออกรถที่สำนักงาน ทีเคที เดินทางไปนอนพักรอเดินทางตอนเช้าต่อไป ได้เที่ยวเต็มที่และไม่เพลียมาก

วันแรกของการเดินทาง ไปที่สะพานรันตี ก่อน ถึงอ.สังขละบุรีนิดหน่อย ลงเรือวิ่งทวนน้ำเข้าสู่แม่น้ำรันตี
จนสุดกระทั่งเรือไปต่อไม่ได้อีกแล้ว (ผาบ่ง) จึงลงจากเรือ ทานอาหารกลางวันกัน แล้วค่อยออกเดินเท้า
ย้อนน้ำขึ้นไปสู่น้ำตกงามกลางป่าชื่อจั๊กจี้ น้ำตกป่งป๊งน้ำตกสูง ประมาณ 70 ม. น้ำตกพิเศษในห้วยหินสีทอง และพักแรมหน้าน้ำตกหนึ่งคืน

วันที่สองของการเดินทาง  ตื่นแต่เช้า เดินป่ากลับออกมา 4 กม. ถึงแม่น้ำรันตี สูบเรือยางทดสอบการลองแก่งตอนบนของแม่น้ำรันตีไม่ต้องกลัวอันตรายครับ เพราะน้ำไม่ลึกไม่มีไฮโดรและ

เรามีชูชีพให้ทุกคน ระยะทางล่องแก่งประมาณ 10 กม.ออกมาที่หมู่บ้านกองม่องทะทานอาหารแบบโฮมเสตย์ที่หมู่บ้านก่อนนั่งเรืออกมา และ กลับ กทม.

ลองชมภาพน้ำตกป่งป๊งที่ไปมาครั้งก่อน
http://trekkingthai.com/cgi-bin/webboard/generate.pl?board=trip&content=5129

ค่าใช้จ่าย คนละ 2000 บาท
ส่วนใครต้องการลูกหาบแบกของส่วนตัว ตลอดการเดินทาง เพิ่มอีกคนละ 300 บาท เป็น 2200 บาท ต่อท่าน (จะมีคนมาแบกของให้นะครับ)

สมาชิกแบบเสียเงินรายปีลด 100 บาท สมาชิกตลอดชีพลด 150 บาท

ราคานี้รวม ...
ค่าเดินทาง อาหารรวม 6 มื้อ ค่าเข้าเขตฯ ค่าเรือ ค่าแพยาง
เจ้าหน้าที่นำทาง ค่าตอบแทนสตาฟ ทีมแบกของท้องถิ่น
มีประกันอุบัติเหตุมูลค่า 200,000 บาท