พระอาจารย์อ้ายนำสวดมนต์บูชาพระบรมสารีริกธาตุ และอธิษฐานขอพรเพื่อเป็นสิริมงคลแก่ตัวเองกัน (แล้วก็แอบภาวนาขอให้การเดินทางในครั้งนี้เป็นไปด้วยความราบรื่น เดินทางกลับบ้านด้วยความเรียบร้อยดังที่ได้ตั้งใจทุกประการด้วยเถอะ สาธุ สาธุ สาธุ)

เสร็จพิธีแล้วก็เก็บภาพหมู่กันสักภาพ

ส่วนหินแกะสลักรูปหัวสิงห์นี้เคยเป็นส่วนหนึ่งในสถูปสาญจีซึ่งตั้งอยู่ที่เมืองโพปาลค่ะ

(ถ้าอยากชมความสวยงามของสาญจีแบบเต็มๆ ที่ไม่ได้อยู่ในพิพิธภัณฑ์ ตามไปดูได้ที่ลิ้งค์นี้นะคะ "สาญจี-อชันต้า-เอลโลร่า-มุมไบ" )

เดินวนรอบอินเดียเกทครบหนึ่งรอบ พวกเราก็ไปเที่ยวพิพิธภัณฑ์กันต่อค่ะ (จริงๆ ถ้าหมอกไม่จัดขนานนี้ ระหว่างวนรถรอบอินเดียเกท เราน่าจะได้เห็นรัฐสภา และทำเนียบประธานาธิบดีนะ แต่วันนี้หมดสิทธิ์ค่ะ)

ที่พิพิธภัณฑ์แห่งชาติอินเดียนี้ถ่ายรูปได้นะคะ แต่ต้องเสียค่ากล้อง 300 รูปีค่ะ ราคาเท่าบัตรเข้าชมเลย แต่ถ้าเป็นนักศึกษาจะเสียค่าบัตร 10 รูปีและค่ากล้องอีกแค่ 10 รูปีค่ะ

ความยิ่งใหญ่ของอินเดียเกทค่ะ

วันนี้จะต้องกลับบ้านกันแล้ว หลายคนเลยแต่งกายด้วยเสื้อผ้าแนวปกติค่ะ ไม่เป็นมหาราชา มหารานีกันแล้ว กลัวกลับมาถึงเมืองไทยแล้วกลายเป็นของแปลกน่ะ (สร้อยเส้นใหญ่ที่พี่โอ๊ตถอยมาใหม่เนี่ย เด่นจริงๆ ยิ่งใส่กับเสื้อดำคอตั้งอย่างนี้นะ ใช่เลย)

พวกเราเปิดฉากท่องเดลลีกันที่อินเดียเกท ประตูชัยที่สร้างขึ้นเลียนแบบประตูชัยของปารีส เพื่อเป็นอนุสรณ์ระลึกถึงทหารที่เสียชีวิตในสงครามโลกครั้งที่ 1

วันที่ 11 วันอังคารที่ 30 ธันวาคม 2551 นิวเดลลี (New Delhi)
อรุณสวัสดิ์เดลลี เช้านี้หมอกเยอะมาก เมื่อคืนได้ดูข่าวเรื่องหมอกลงจัดที่เดลลีจนเครื่องบินหลายต่อหลายเที่ยวบินต้องยกเลิกหรือล่าช้าหลายชั่วโมง แล้วเที่ยวบินคืนนี้ของพวกเราล่ะ จะเป็นยังไงเนี่ย ช่วยกันภาวนาให้ได้กลับบ้านแบบไร้ปัญหาแล้วกันนะพวกเรา

เช้านี้พวกเรามีโปรแกรมไปอินเดียเกทและพิพิธภัณฑ์แห่งชาติอินเดีย ซึ่งเป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุซึ่งพวกเราจะได้ไปกราบนมัสการ เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ตัวเองด้วย และพอดีว่าวันนี้พระมหาอ้าย พระมหาว่าที่ดร. ท่านอยู่เดลลีพอดีค่ะ เราก็เลยได้โอกาสนิมนต์ท่านมาเป็นไกด์พิเศษให้ในวันนี้ ในฐานะคนพื้นที่(ที่อยู่มานาน) ด้วยคำนิยามว่า "มังกรพลัดถิ่นหรือจะสู้งูดินเจ้าบ้าน" ค่ะ (พระมหาอ้ายยังคงรักษาสถิติที่ว่าทุกคณะของวันแรมทางที่มาเดลลีจะได้เจอมหาอ้ายไว้ได้อย่างเหนียวแน่นจริงๆ ค่ะ)

เราเดินทางถึงเดลลีตอนประมาณสี่ทุ่ม ไปแวะกินอาหารค่ำกันก่อน แล้วก็เข้าที่พักโรงแรม Florence Inn ห้องพักดูดีสะอาดสอ้านค่ะ (เป็นโรงแรมที่ดีที่สุดเท่าที่เคยพักในย่าน Karol Bagh เลย ลองเปลี่ยนมาหลายโรงแรมแล้วก็ไม่ได้เรื่องเสียที เพิ่งเจอโรงแรมนี้แหละที่โอเค แต่ที่นี่มักจะเต็มเร็วกว่าที่อื่นๆ น่ะ)

มาถึงเดลลีก็เรียกได้ว่าการเดินทางที่ยาวนานของทริปนี้ได้จบลงแล้วค่ะ เหลือโปรแกรมท่องเที่ยวในเดลลีอีกเพียงวันเดียวซึ่งก็ไม่ต้องเดินทางไกลแล้ว (ยกเว้นนั่งเครื่องบินกลับบ้าน) คืนนี้พักผ่อนกันให้สบายนะคะ พรุ่งนี้เช้าตื่นมาจะได้สดใสไปตระเวนเที่ยวเดลลีกัน

ช่วงบ่ายๆ ได้เวลาแวะจิบชาร้อนๆ ค่ะ วันนี้แวะร้านริมทางแบบบ้านๆ (จริงๆ เราบอกคุณลุงทองมีว่าเวลาจะแวะห้องน้ำขอร้านดีๆ ดูสะอาด แต่เวลาจะกินชาของร้านบ้านๆ เพราะชาอร่อยกว่ากันเยอะ ร้านใหญ่มักไม่อร่อยสมราคาที่แพงเลย อันนี้ทุกเสียงยืนยันเป็นเอกฉันท์ค่ะ แต่ทางที่ดีไม่ควรเข้าไปดูกรรมวิธีทำนะคะ....เพื่อความสบายใจตอนดื่มน่ะ)

นอกจากร้านใหญ่ๆ ชาไม่อร่อยและแพงแล้ว แม้แต่ขนมขบเคี้ยวก็ตั้งราคาสูงจนน่าเกียจ อย่างเช่นเลย์ที่ปกติถุงละ 20-25 รูปี แต่มีร้านหนึ่งบอกราคาถุงละ 120 รูปีซึ่งพี่เอ็ดดี้รับไม่ได้อย่างแรง ถึงกับขอต่อว่าคนขายเลยทีเดียว มาแวะร้านนี้มีเลย์ขายเหมือนกัน ถุงละ 20 รูปีเอง พี่เอ็ดดี้เลยสอยมาเสียหลายถุง กินให้มันหายแค้น

เราแวะกินข้างกลางวันกันที่ร้านอาหารระหว่างทางค่ะ ช่วงเวลาที่รออาหารพร้อมเสิร์ฟ พวกเราก็...ช็อปปิ้งค่ะ

สวัสดีตอนค่ำค่ะพี่น้อง วันนี้ยุ่งๆ ทั้งวันเลย เพิ่งได้มีเวลาเข้ามาต่อ หลังจากเติมพลังด้วยอาหารเย็นแล้ว โค้งสุดท้ายแล้วนะ ถ้าไม่เหนื่อยจนเกินไป กะว่าคืนนี้จะเช็คบิลกระทู้นี้เสียที ยาวและนานทำลายทุกสถิติแล้วจ้ะ ไปเที่ยวต่อกันเลยนะ

วันที่ 10 วันจันทร์ที่ 29 ธันวาคม 2551 บิคาเนย์(Bikaner) - นิวเดลลี(New Delhi)
เรารวมพลกันที่ห้องอาหารเช้าของโรงแรมค่ะ จัดการอาหารเช้ากันเรียบร้อยก็ออกเดินทางไกลกันเลย วันนี้ไม่มีโปรแกรมเที่ยวที่ใดๆ เพราะระยะทางจากบิคาเนย์สู่เดลลีค่อนข้างห่างไกลกันมาก ต้องใช้เวลาราว 9-10 ชั่วโมงทีเดียว ตุนเสบียงขึ้นรถกันเต็มที่ วันนี้อีกยาวไกลจ้ะ

สวัสดีครับพี่ๆทุกคน    

สวัสดีตอนเช้า....เช้าพี่หนิงเตรียมตัวเรียบร้อยหรือยังขอให้เที่ยวให้สนุกนะสาหร่ายไปด้วยหรือเปล่าถ่ายรูปมาเยอะๆนะ

                 ช่าเองคะ

เข้ามารายงานตัวจ้า เดี๋ยวคุณครูมาช่า มาเช็คเหมือนวันก่อนกลัวโดนดุ

24 หน้าแล้วนะน้องนุ้ย อดทนหน่อยนะน้องเดี๋ยวก็เป็นไทแล้ว

ปิดท้ายด้วยผักทอดค่ะ ซื้อใส่ห่อด้วย แล้วก็กินกันที่ร้านด้วย สรุปแล้วไม่ได้อะไรกลับมาจากตลาดนอกจากผักทอด ซึ่งเป็นเมนูที่อร่อยที่สุดของอาหารค่ำคืนนี้ คือส่วนใหญ่ของเมืองนี้เป็นมังสวิรัต ที่โรงแรม Sagar ก็เหมือนกัน เมนูของคืนนี้ก็เลยไม่ค่อยถูกปากพวกเรานัก ผักทอดข้างทางอร่อยกว่าอาหารในโรงแรมอีก...ขอยืนยัน

คืนนี้เป็นคืนนี้ 9 ของทริปแล้วนะ เที่ยวอีกสองวันก็จะกลับบ้านกันแล้ว และพรุ่งนี้เราจะเข้าเมืองหลวงกันค่ะ คืนนี้ราตรีสวัสดิ์นะคะ

ตลาดที่เมืองนี้เป็นแบบบ้านๆ ค่ะ ไม่ได้มีของอะไรน่าสนใจสำหรับนักท่องเที่ยวอย่างพวกเรานัก แต่ก็ได้เห็นได้ลองพวกอาหารพื้นเมืองนะ อย่างเช่นน้ำผลไม้คั้นสดๆ น้ำส้ม น้ำทับทิบนี่แหละ