|
สังเวชนียสถาน 6-13 เมษายน 2551 | |
วันแรมทาง | ทริปเดินทาง 6-13 เมษายน 2551 รายชื่อผู่ร่วมทาง
ทีมงาน - 1. พระยุทธนา (พระวิทยากร-นำคณะตลอดเส้นทาง) 2. ปลา (ทีมงานวันแรมทาง) 3. นายปาทั๊ค (คนขับรถ)
คณะผู้แสวงบุญ - 1. คุณสุพลชัย 2. คุณแหวน 3. คุณเดือน
หมายเหตุ- คณะผู้แสวงบุญ ที่ทรหดอดทนอย่างมากทริปหนึ่งเลยค่ะ อากาศค่อนข้างร้อน ต้องนั่งรถไฟทั้งไปทั้งกลับ แถมขากลับยังตกเครื่องบิน ต้องอยู่ต่อที่กัลกัตตาอีกวันอีก |
ผู้ตั้งกระทู้ วันแรมทาง :: วันที่ลงประกาศ 2008-04-16 21:24:05 IP : 58.9.35.82 |
ความคิดเห็นที่ 32 (1289553) | |
bovorn ( pawat ) | สาธุ ๆ ดีครับโมทนาบุยด้วย ปลาย พ.ย - ต้น ธ.ค นี้จะมีงานสาธยายธรรม พระไตรปิฎกนานาชาติ ที่โพธิคยา หากมีทริปไปช่วงนั้น ลองดูนะครับจะได้ให้สมาชิกได้ชมงานพระจากทั่วโลกมาสาธยายธรรม และร่วมบุญใหญ่บางอย่างด้วยครับ |
ผู้แสดงความคิดเห็น bovorn ( pawat ) (bovorn-at-mgmfreight-dot-com)วันที่ตอบ 2008-07-14 11:29:39 IP : 203.188.44.152 |
ความคิดเห็นที่ 31 (1288801) | |
Admin | ยินดีค่ะ...คุณ Jeab : ) |
ผู้แสดงความคิดเห็น Admin วันที่ตอบ 2008-07-10 20:40:36 IP : 58.9.26.134 |
ความคิดเห็นที่ 30 (1288629) | |
Jeab | อยากพาแม่ไปบ้างจัง มีตังค์แล้วจะไปบ้างนะ |
ผู้แสดงความคิดเห็น Jeab วันที่ตอบ 2008-07-10 10:50:10 IP : 202.28.12.32 |
ความคิดเห็นที่ 29 (1263271) | |
คนรอนแรม | จริงอ่ะ..จริงอ่ะ.. |
ผู้แสดงความคิดเห็น คนรอนแรม วันที่ตอบ 2008-05-20 11:50:19 IP : 58.9.25.27 |
ความคิดเห็นที่ 28 (1262622) | |
แหวน | Hello คุณปลา |
ผู้แสดงความคิดเห็น แหวน วันที่ตอบ 2008-05-19 19:33:29 IP : 124.120.72.252 |
ความคิดเห็นที่ 27 (1164305) | |
ป.ปลา - คนรอนแรม | พอดีต้องเดินทางไปเนปาล 10 วัน ค่ะ |
ผู้แสดงความคิดเห็น ป.ปลา - คนรอนแรม วันที่ตอบ 2008-05-02 02:17:10 IP : 58.9.25.153 |
ความคิดเห็นที่ 26 (1156492) | |
ป.ปลา - คนรอนแรม | เช้าวันรุ่งขึ้น เราออกเดินทางกันแต่เช้ามืด เพื่อหลบอากาศที่ร้อนอบอ้าว อากาศในช่วงนี้เริ่มจะร้อนแล้ว อาทิตย์ขึ้นสว่างตั้งแต่ตีห้าครึ่ง เราต้องออกเดินทางกันแต่มืดเพื่อรีบไปเดินขึ้นเขาคิชฌกูฎกันแต่เช้า จะได้ไม่ร้อนกันมากนัก รถที่เราใช้ตลอดทางก็คันนี้แหละค่ะ |
ผู้แสดงความคิดเห็น ป.ปลา - คนรอนแรม วันที่ตอบ 2008-04-27 22:09:18 IP : 58.9.29.86 |
ความคิดเห็นที่ 25 (1156486) | |
ป.ปลา - คนรอนแรม | ตอนเย็นพวกเรามีโอกาสได้กราบพระเดชพระคุณ หลวงพ่อเจ้าคุณทองยอด เจ้าอาวาสวัดไทยพุทธคยา วัดไทยพุทธคยา (Wat Thai Buddhagaya) ตั้งอยู่ที่ตำบลโพธิคยา จังหวัดคยา รัฐพิหาร อยู่ในความอุปถัมภ์ของรัฐบาลไทย สร้างขึ้นด้วยเงินงบประมาณแผ่นดินและทุนของพุทธศาสนิกชนชาวไทย เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๐๐ (ค.ศ. ๑๙๕๗) ซึ่งถือเป็นวัดไทยแห่งแรกในต่างประเทศ เพื่อน้อมเกล้าถวายเป็นพุทธบูชา เนื่องใน วโรกาส ๒๕ พุทธศตวรรษ โดยการเชื้อเชิญของ ฯพณฯ ศรีเยาวหราล เนรูห์ อดีตนายกรัฐมนตรีของอินเดีย วัดไทยพุทธคยา นับว่าเป็นอาวาสที่เป็นต้นแบบของวัดไทยในสายต่างประเทศได้ เพราะมีองค์ประกอบของความเป็นวัดในพระพุทธศาสนาโดยสมบูรณ์ และเพียบพร้อมด้วยศิลปกรรมที่เป็นเอกลักษณ์ ทั้งนี้เพราะได้รับการดูแลเอาใจใส่จากรัฐบาลและพุทธบริษัทชาวไทยเป็นอย่างดียิ่ง โดยอาศัยเจ้าอาวาสผู้มีความอุตสาหะต่อศาสนกิจอันดีงาม ตั้งแต่สมเด็จพระธีรญาณ (ธีร์ ปุณฺณโก) พระสุเมธาธิบดี (บุญเลิศ ทตฺตสุทฺธิ) และพระเทพโพธิวิเทศ (ทองยอด ภูริปาโล) ตามลำดับ |
ผู้แสดงความคิดเห็น ป.ปลา - คนรอนแรม วันที่ตอบ 2008-04-27 22:05:29 IP : 58.9.29.86 |
ความคิดเห็นที่ 24 (1156479) | |
ป.ปลา - คนรอนแรม | พวกเราไปเที่ยววัดนานาชาติกันต่อ ในเขตปริมณฑลพุทธคยา ปัจจุบันนี้เป็นเหมือนมหาสังฆาราม ที่รวมวัดเล็กวัดน้อยเข้าไว้ในอาณาบริเวณเดียวกัน โดยที่ประเทศที่นับถือพระพุทธศาสนา ทั้งสายมหายานและสายเถรวาท ต่างก็มีศรัทธามา สร้างวัดขึ้น ด้วยมุ่งสู่ความเป็นเลิศทางศิลปะ สถาปัตยกรรมของประเทศตน จะเรียกว่าเป็นอาณาจักรแห่งพุทธศาสนิกนานาชาติได้ เพราะประกอบไปด้วยวัดต่าง ๆ เช่น สายเถรวาท มีวัดไทย วัดพม่า วัดลังกา วัดสงฆ์อินเดีย วัดโพธิ์คำอัสสัม วัดสงฆ์บังคลาเทศ สายมหายาน มีวัดจีน วัดธิเบต วัดญี่ปุ่น วัดเวียดนาม วัดเกาหลี วัดภูฐาน วัดสิกขิม วัดลาดัค และสถาบันที่ตั้งขึ้นเพื่อกิจกรรมทางศาสนา ซึ่งมีลักษณะคล้ายกับวัดอีกหลายแห่ง ผู้เดินทางมาถึงพุทธคยาแล้ว จะใช้เวลาในการเยี่ยมชมพุทธสถานเหล่านี้ด้วยความตั้งใจ มีกำไรเพิ่มขึ้นอีก |
ผู้แสดงความคิดเห็น ป.ปลา - คนรอนแรม วันที่ตอบ 2008-04-27 21:58:50 IP : 58.9.29.86 |
ความคิดเห็นที่ 23 (1156477) | |
ป.ปลา - คนรอนแรม | จากบริเวณบ้านนางสุชาดา พวกเราไปที่แม่น้ำเนรัญชรา ซึ่งอยู่ไม่ไกลกันนัก บริเวณ ท่าสุปปติฏฐะ ริมแม่น้ำเนรัญชราฝั่งตะวันออก ด้านสถูปบ้านนางสุชาดา ณ ที่จุดนี้ก่อน เพราะท่าน้ำอันเป็นที่เชื่อกันว่า พระมหาบุรุษได้ทรงอธิษฐานลอยถาดทอง ปัจจุบันตั้งอยู่ฝั่งตรงกันข้ามกับมหาเจดีย์พุทธคยา มีเทวาลัยซึ่งชาวบ้านยังนับถือ มีการนำเครื่องสักการะบูชาอยู่เนือง ๆ ติดกับฝั่งน้ำเนรัญชรานั้น มีบ่อน้ำโบราณอยู่แห่งหนึ่ง และต้นโพธิ์ใหญ่ให้ร่มเงาแก่พวกเราที่ไปนั่งฟังการบรรยายกัน ณ ที่นั้น ขณะนี้มีผู้สร้างรูปปั้นของโสตถิยพราหมณ์ ถวายหญ้าคาแก่พระพุทธองค์ ซึ่งในกาลต่อมาเป็นที่ใช้ปูอาสนะประทับนั่งตรัสรู้ ตามความในพระพุทธประวัติเล่าว่า เมื่อพระมหาบุรุษเสด็จลุกจากที่ประทับทรงถือถาดข้าวมธุปายาสเสด็จไปยังฝั่งแม่น้ำเนรัญชรา ประทับบ่ายพระพักตร์สู่บูรพทิศ แล้วทรงปั้นข้าวมธุปายาสได้ ๔๙ ปั้น เสวยจนหมด แล้วทรงถือถาดลงไปสู่แม่น้ำ ทรงอธิษฐานเสี่ยงทายพระบารมีว่า ถ้าจะได้ตรัสรู้พระปรมาภิเษกสัมโพธิญาณแล้ว ขอให้ถาดนี้จงลอยทวนกระแสน้ำขึ้นไป แล้วทรงลอยถาดทองนั้นลงในแม่น้ำเนรัญชรา ขณะนั้นอานุภาพพระบารมีของพระองค์ซึ่งทรงบำเพ็ญมาบริบูรณ์ดีแล้ว ได้แสดงให้เห็นเป็นอัศจรรย์ ถาดทองนั้นได้ลอยทวนกระแสน้ำเนรัญชราขึ้นไปประมาณ ๑ เส้น แล้วจึงสู่จมลงตรงนาคภพพิมานแห่งพญากาฬนาคราช |
ผู้แสดงความคิดเห็น ป.ปลา - คนรอนแรม วันที่ตอบ 2008-04-27 21:56:54 IP : 58.9.29.86 |
ความคิดเห็นที่ 22 (1156473) | |
ป.ปลา - คนรอนแรม | ยืนมองทอดสายตาตัดผ่านท้องทุ่งไปทางตะวันออกเฉียงเหนือ จะเห็นเขาดงคสิริที่มีลักษณะเหมือนหัวช้างพาดงวงอยู่ หากยกกล้องส่องไปทางตะวันออกเฉียงใต้ จะเห็นต้นอชปาลนิโครธ ที่นางได้ถวายข้าวมธุปายาสกับพระบรมศาสดา ซึ่งเป็นอาหารมื้อที่มีอานิสงส์มากในกาลก่อนตรัสรู้ |
ผู้แสดงความคิดเห็น ป.ปลา - คนรอนแรม วันที่ตอบ 2008-04-27 21:52:44 IP : 58.9.29.86 |
ความคิดเห็นที่ 21 (1156472) | |
ป.ปลา - คนรอนแรม | จากนั้นเราเดินทางไปที่บ้านนางสุชาดา บ้านนางสุชาดา สถูปโบราณที่มองเห็นแวดล้อมด้วยหมู่บ้าน ตาลต้นโตมี กองฟางสูงเรียงรายโดยรวมนั้น กล่าวกันว่า เป็นบ้านของนางสุชาดา ธิดากุฎุมพีแห่งตำบลอุรุเวลาเสนานิคม ผู้ถวายข้าวมธุปายาสอันประณีตแด่พระมหาบุรุษก่อนการตรัสรู้ อยู่ห่างจากฝั่งแม่น้ำเนรัญชรา ประมาณ ๒๐๐ เมตร ปัจจุบันนี้มีสะพานข้ามไปได้เกือบถึงบ้าน นับว่าสะดวกกว่าเมื่อก่อน ที่ต้องเดินลุยน้ำเนรัญชรา หรือลุยทรายไกลนับกิโลเมตร กว่าจะถึงจุดหมาย บริเวณนี้เรียกกันว่า สุขาฎากุฎี ลักษณะเป็นสถูปโบราณสูงประมาณ ๓ เมตร คล้ายที่ปรากฏในที่ทั่วโลก หากขึ้นถึงฐานบนจะเห็นว่าเป็นลานกว้าง มีร่องรอยการขุดค้นหาวัตถุโบราณ และมีเศษอิฐหักพังถมพื้นดินอยู่โดยทั่ว ยืนทอดสายตาตัดผ่านท้องทุ่งไปทางตะวันออกเฉียงเหนือ จะเห็นเขาดงคสิริที่มีลักษณะเหมือนหัวช้างพาดงวงอยู่ หากยกกล้องส่องไปทางตะวันออกเฉียงใต้ จะเห็นต้นอชปาลนิโครธ ที่นางได้ถวายข้าวมธุปายาสกับพระบรมศาสดา ซึ่งเป็นอาหารมื้อที่มีอานิสงส์มากในกาลก่อนตรัสรู้ ในพระพุทธประวัติเล่าว่า นางสุชาดา เป็นธิดาของคฤหบดีผู้มั่งคั่งในตำบลนั้น ได้เคยตั้งปณิธานบูชาเทพารักษ์ครั้งเมื่อยังสาวว่า ขอให้ได้สามีที่มีตระกูลเสมอกันและขอให้ได้บุตรคนแรกเป็นชาย ครั้นนางได้สามีและบุตรชายสมใจนึก จึงคิดจะหุงข้าวมธุปายาสอันประณีตด้วยเครื่องปรุงทุกประการไปบวงสรวงเทพารักษ์ที่ได้เคยบนบานไว้ ดั้งนั้น ในวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๖ จึงสั่งให้บ่าวไพร่ตระเตรียมทำข้าวปายาสเป็นการใหญ่ และกว่าจะสำเร็จเป็นข้าวปายาสได้ ก็ตกถึงเพลาเที่ยงคืน นางสุชาดาจึงสั่งนางปุณณทาสีหญิงคนใช้ที่สนิทให้ออกไปทำความสะอาด แล้วกวาดที่โคนต้นไม้นิโครธพฤกษ์นั้น เพื่อจะได้จัดเป็นที่ตั้งเครื่องสังเวยเทพารักษ์ นางปุณณทาสีจึงได้ตื่นแต่เช้า เดินทางไปยังนิโครธพฤกษ์นั้น เห็นพระมหาบุรุษประทับนั่งอยู่ ณ ควงไม้นั้น ผันพระพักตร์ทอดพระเนตรไปทางปราจีนทิศ (ตะวันออก) มีรัศมีพระกายแผ่ซ่านออกไปเป็นปริมณฑลงดงามยิ่งนัก นางก็นึกทึกทักตระหนักแน่ในจิตทันทีว่า วันนี้เทพยดาเจ้าลงจากต้นไทรมา นั่งคอยรับข้าวปายาสของสังเวยของเจ้านายด้วยมือทีเดียว นางดีใจรีบกลับมายังเรือนบอกนางสุขาดาละล่ำละลักว่า เทพารักษ์ที่เจ้าแม่มุ่งทำพลีกรรมสังเวยนั้น บัดนี้ได้มานั่งรออยู่ที่ควงไม้ไทรแล้ว ขอให้รีบไปเถิด นางสุชาดามีความปลาบปลื้ม กล่าวว่า ขอให้เจ้าเป็นลูกคนโตของแม่เถิด แล้วจึงมอบเครื่องประดับแก่นางปุณณทาสี และให้หยิบถาดทองมา ๒ ถาด ถาดหนึ่งใส่ข้าวปายาสจนหมด มิได้เหลือเศษไว้เลย ข้าวปายาสเต็มถาดพอดี แล้วให้ปิดด้วยถาดทองอีกถาดหนึ่ง แล้วห่อหุ้มด้วยผ้าทองอันบริสุทธิ์ ครั้นนางสุชาดาแต่งกายงามด้วยอาภรณ์เสร็จแล้วก็ยกถาดข้าวปายาสขึ้นทูนเหนือเศียรเกล้าของนาง ลงจากเรือนพร้อมด้วยหญิงคนใช้เป็นบริวารติดตามมาเป็นอันมาก ครั้นถึงต้นไทรเห็นพระมหาบุรุษงามด้วยรัศมีดังนั้น ก็มีความโสมนัสเป็นอย่างยิ่ง สำคัญว่าเป็นรุกขเทวดาโดยแท้ เดินยอบกายเข้าไปเฝ้าแต่ไกลด้วยคารวะ ครั้นเข้าไปใกล้จึงน้อมถาดข้าวปายาสถวายด้วยความเคารพยิ่ง
|
ผู้แสดงความคิดเห็น ป.ปลา - คนรอนแรม วันที่ตอบ 2008-04-27 21:51:19 IP : 58.9.29.86 |
ความคิดเห็นที่ 20 (1156461) | |
ป.ปลา - คนรอนแรม | พระมหาเจดีย์มหาโพธิ์ สันนิษฐานกันว่าพระเจ้าอโศกมหาราชสร้างขึ้นไว้ก่อนขนาดคงย่อมกว่านี้ แต่ด้วยแรงศรัทธาต่อพระพุทธองค์ จึงมีผู้มาต่อเติมเสริมสร้างและบูรณะปฏิสังขรกันต่อมาตามยุคสมัย เช่น ราว พ.ศ. ๖๗๔ พระเจ้าหุวิชกะ กษัตริย์แคว้นมคธ ทรงช่วยสร้างเสริมให้เป็นศิลปะต้นแบบ เป็นสถูปใหญ่ของพระพุทธศาสนาที่มีชื่อเสียงแผ่ไปไกล หลวงจีนถังซัมจั๋ง เรียกว่า มหาโพธิ์วิหาร อันเป็นผลิตผลทางสถาปัตยกรรมของอินเดีย มหาวิหารหลังนี้ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของต้นโพธิ์ในปัจจุบัน บริเวณมหาโพธิ์วิหารได้กลายเป็นที่สำคัญที่สุด เนื่องจากพระพุทธองค์ทรงตรัสรู้ใต้ต้นโพธิ์นี้ ประกอบกับที่นี้เป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่คนโบราณนับถืออยู่แล้ว เท่ากับว่าบริเวณนี้เป็นแผ่นดินศักดิ์สิทธิ์ที่สุดในโลก |
ผู้แสดงความคิดเห็น ป.ปลา - คนรอนแรม วันที่ตอบ 2008-04-27 21:45:24 IP : 58.9.29.86 |
ความคิดเห็นที่ 19 (1156454) | |
ป.ปลา - คนรอนแรม | ผู้จาริกแสวงบุญ เมื่อถึงสถานที่นี้ได้น้อมระลึกถึงพระบรมศาสดาที่ทรงตรัสรู้ใต้ควงไม้โพธิ์ เมื่อวันเพ็ญเดือน ๖ เมื่อเข้ากราบพระแท่นวัชระอาสน์ สวดมนต์ เจริญจิตตภาวนา นั่งสมาธิใต้ต้นโพธิ์ น้อมจิตตามธรรมคำสอน เหมือนได้เข้าเฝ้าพระพุทธองค์ถึงที่ประทับ บุญกิริยาที่ผู้มากราบไหว้ได้กระทำ อันปรากฏผลมหาศาล |
ผู้แสดงความคิดเห็น ป.ปลา - คนรอนแรม วันที่ตอบ 2008-04-27 21:42:52 IP : 58.9.29.86 |
ความคิดเห็นที่ 18 (1156451) | |
ป.ปลา - คนรอนแรม | พระศรีมหาโพธิ์ (ต้นที่ ๔) เมื่อ พ.ศ. ๒๔๒๓ (ค.ศ. ๑๘๘๐) รัฐบาลอังกฤษซึ่งปกครองอินเดียอยู่ในเวลานั้น ได้มอบธุระให้นายพล เซอร์ อเล็กซานเดอร์ คันนิ่งแฮม นักโบราณคดีชาวอังกฤษ ให้บูรณะสถานที่นี้ ระหว่างที่ทำการบูรณะอยู่นั้น ต้นโพธิ์ตรัสรู้ล้มลงอีก เห็นชาวบ้านในละแวกนั้น กำลังตัดก้านรานกิ่งไปทำเชื้อเพลิง และเป็นอาหารของสัตว์ ท่านนายพล เซอร์ อเล็กซานเดอร์ คันนิ่งแฮม จึงได้จัดการปลูกต้นโพธิ์ขึ้นใหม่ ณ ที่เดิม โดยได้พบหน่อโพธิ์ ๒ หน่อ สูงประมาณ ๖ นิ้ว และ ๔ นิ้ว จึงเลือกเอาต้นที่สูง ๖ นิ้ว ปลูกลงที่ต้นเดิม และส่วนต้นที่ สูง ๔ นิ้ว แยกไปปลูกไว้ทางด้านเหนือ ห่างจากต้นเดิม ๒๕๐ ฟุต ทั้งนี้เพื่อให้ชาวฮินดูได้ไปนมัสการพระวิษณุที่ต้นนั้น ส่วนชาวพุทธ นมัสการที่ต้นเดิม จะได้ไม่เกิดการกระทบกระทั่งให้กระเทือนใจซึ่งกันและกัน ถึงวันนี้ (พ.ศ. ๒๔๒๓ ๒๕๕๑) รวมอายุต้นโพธิ์ตรัสรู้ต้นสุดท้ายได้ ๑๒๘ ปี |
ผู้แสดงความคิดเห็น ป.ปลา - คนรอนแรม วันที่ตอบ 2008-04-27 21:41:23 IP : 58.9.29.86 |
ความคิดเห็นที่ 17 (1156424) | |
ป.ปลา - คนรอนแรม | จากเขาดงคสิริ เราตามรอยบาทพระพุทธองค์ไปที่ มหาเจดีย์พุทธคยา |
ผู้แสดงความคิดเห็น ป.ปลา - คนรอนแรม วันที่ตอบ 2008-04-27 21:21:15 IP : 58.9.29.86 |
ความคิดเห็นที่ 16 (1156415) | |
ป.ปลา - คนรอนแรม | สถานที่แห่งนี้เชื่อกันว่า เป็นที่พระมหาบุรุษทรงพำนักระหว่างบำเพ็ญทุกรกิริยา คือการทรมานพระองค์อย่างแสนสาหัสแบบอัตตกิลมถานุโยค ตามความเชื่อของบุคคล สมัยนั้นว่า สามารถหลุดพ้นได้จริง จึงทรงกระทำทุกรกิริยาด้วยประการทั้งหลายยิ่งกว่าจะมีฤาษีหรือดาบสผู้ใดในอดีตได้บำเพ็ญมาแล้ว และในที่สุดทรงอดอาหารจนพระสรีระซูบซีดเศร้าหมอง เหลือแต่หนังหุ้มกระดูก ชาวบ้านที่มาเลี้ยงวัวและสัตว์อื่น ๆ แถบตีนเขาพบปะพระองค์เข้า ก็พากันตกใจทักว่า เดิมพระมหาโพธิสัตว์มีรูปงามยิ่งนัก แต่บัดนี้ดูผอมคล้ำไปสิ้น น่าเอนจอนาถนัก รวมเป็นเวลาที่ทรงบำเพ็ญทุกรกิริยาอย่างแสนสาหัสถึง ๖ ปี จึงรู้ว่าเดินทางผิด เป็นทางตัน ที่ไม่อาจนำไปสู่ความรู้แจ้งได้ ครั้งนั้นสมเด็จพระอมรินทราธิราช ทรงกระทำนิมิตรหมายด้วยการทรงพิณทิพย์ ๓ สาย ดีดถวายพระบรมศาสดา สายหนึ่งตึงนัก เมื่อดีดก็ขาดกระเด็นไป อีกสายหนึ่งหย่อนนัก เมื่อดีดก็ไม่บรรลือเสียง ส่วนอีกสายหนึ่งไม่ตึง ไม่หย่อน ครั้นดีดเข้าก็ส่งเสียงไพเราะ เป็นที่เจริญจิต การที่พระองค์กลับมาเสวยภัตตาหารบำรุงเลี้ยงร่างกายให้มีเรี่ยวแรง เป็นเหตุที่ทำให้ปัญจวัคคีย์ คือ นักบวช ๕ คน ที่เฝ้าอุปัฏฐากพระมหาบุรุษ เห็นพระองค์สละเสียซึ่งอุกฤษวิริยะเช่นนั้น เข้าใจว่าทรงสิ้นหนทางตรัสรู้โพธิธรรม หันมาบำเพ็ญตนเป็นคนมักมากในการกินอยู่เสียแล้ว ก็สิ้นศรัทธาเลื่อมใส ละทิ้งพระองค์ เดินทางไปป่าอิสิปตนมฤคทายวัน เมื่อปัญจวัคคีย์หลีกหนีไปเช่นนั้น ทำให้พระองค์ทรงบำเพ็ญพรตเป็นเอกเทศได้ จนในที่สุดทรงได้บรรลุพระสัมมาสัมโพธิญาณ ณ ภายใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ์พุทธคยา |
ผู้แสดงความคิดเห็น ป.ปลา - คนรอนแรม วันที่ตอบ 2008-04-27 21:15:22 IP : 58.9.29.86 |
ความคิดเห็นที่ 15 (1156411) | |
ป.ปลา - คนรอนแรม | กว่าจะปีนขึ้นถึงปากถ้ำบำเพ็ญทุกรกิริยา ต้องมีเวลาให้ไม่น้อยกว่า ๓๐ นาที ทั้งที่มีทางขึ้นเป็นหินปู บางแห่งเสริมด้วยคอนกรีต ซึ่งพระลามะชาวธิเบตพากันสร้างว้า เมื่อขึ้นไปจะมีวัดลามะธิเบต สงฆ์สายมหายานอยู่ สามารถนั่งพักดื่มน้ำให้หายเหนื่อยแล้วค่อยไปชมถ้ำ ซึ่งเป็นโพรงตื้น ๆ ยาวประมาณ ๔ เมตรเศษ กว้างประมาณ ๓ เมตร และสูงก็ประมาณ ๓ เมตรเท่านั้น ภายในถ้ำมีชาวพุทธสร้างรูปปั้นพระมหาบุรุษ ปางบำเพ็ญทุกรกิริยาไว้ในถ้ำ ๑ องค์ |
ผู้แสดงความคิดเห็น ป.ปลา - คนรอนแรม วันที่ตอบ 2008-04-27 21:12:51 IP : 58.9.29.86 |
ความคิดเห็นที่ 14 (1156407) | |
ป.ปลา - คนรอนแรม | ดงคสิริเขาบำเพ็ญเพียร ทิวเขาดงคสิริทอดยาวมองเห็นแต่ไกล ห่างจากเจดีย์พุทธคยาประมาณ ๗ กม. ทางด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ต้องข้ามน้ำเนรัญชราไป เดินผ่านทุ่งนาโล่ง ๆ และหมู่บ้านเล็ก ๆ ๔๕ แห่ง จึงจะมองเห็นหน้าผาสูงชันบนทิวเขาใหญ่ยาวเป็นพืดทอดไปไกล หากไม่ใช่เพราะความเชื่อมั่นในความเสียสละอันใหญ่หลวงของพระพุทธองค์แล้ว ใครนำเสลี่ยงทองไปรับมาก็ยังจะไม่มองด้วยซ้ำ เพราะกว่าจะเดินถึงก็เมื่อยล้าเหน็ดเหนื่อย นี่เพราะพุทธานุภาพแท้ ๆ และเพื่อไม่เสียทีที่เป็นมนุษย์กับเขาชาติหนึ่ง ได้เดินทางไปทุกหนทุกแห่งที่พุทธองค์เสด็จ ถือว่าเป็นโชคลาภอย่างยิ่งในชีวิตของชาวพุทธที่นับถือพระรัตนตรัย |
ผู้แสดงความคิดเห็น ป.ปลา - คนรอนแรม วันที่ตอบ 2008-04-27 21:11:36 IP : 58.9.29.86 |
ความคิดเห็นที่ 13 (1156402) | |
ป.ปลา - คนรอนแรม | พวกเราขึ้นรถไฟกันตอนใกล้สี่ทุ่ม ด้วยความที่เราถึงคยากันแต่เช้า ฟ้าก็สว่างใสแจ๋วไม่มีเมฆหมอกเพราะเป็นฤดูร้อน วันนี้ดูท่าเวลาจะเหลือเฟือ ก็เลยพาคณะไปแถมนอกโปรแกรมซะเลยค่ะ เราไปกันที่ "เขาดงคสิริ" ค่ะ |
ผู้แสดงความคิดเห็น ป.ปลา - คนรอนแรม วันที่ตอบ 2008-04-27 21:06:29 IP : 58.9.29.86 |
ความคิดเห็นที่ 12 (1156396) | |
ป.ปลา - คนรอนแรม | ผู้คนมากมายจริงๆเลยเจ้าค่ะ .. |
ผู้แสดงความคิดเห็น ป.ปลา - คนรอนแรม วันที่ตอบ 2008-04-27 20:59:42 IP : 58.9.29.86 |
ความคิดเห็นที่ 11 (1156395) | |
ป.ปลา - คนรอนแรม | จากอนุสาวรีย์วิกตอเรีย เราไปพักอาบน้ำล้างหน้าล้างตากันที่วัดเบงกอล เป็นวัดชาวพุทธของทิเบตที่ให้นักเดินทางไปเช่าห้องพักได้ เราไปขอพักแค่ชั่งโมงเศษเพื่ออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วไปกินอาหารเย็นกัน พอท้องอิ่ม ก็ออกเดินทางไปที่สถานีรถไฟ Howrah สถานีดูสวย เปิดไฟสว่างไสว เต็มไปด้วยผู้คนมากมาย |
ผู้แสดงความคิดเห็น ป.ปลา - คนรอนแรม วันที่ตอบ 2008-04-27 20:58:40 IP : 58.9.29.86 |
ความคิดเห็นที่ 10 (1156393) | |
ป.ปลา - คนรอนแรม | อนุสาวรีย์วิกตอเรีย สร้างเป็นตึกหินอ่อนขาวขนาดใหญ่ เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระราชินีวิกตอเรีย แห่งอังกฤษ หลังจากเสด็จสวรรคตได้ ๑ ปี คือ ต้นปี พ.ศ.๒๔๔๔ (ค.ศ.๑๙๐๑) ก็สร้างราชานุสาวรีย์แห่งนี้ สิ้นงบประมาณก่อสร้าง ๗,๖๐๐,๐๐๐ รูปี โดยรูปแบบอาคารเป็นสถาปัตยกรรมสมัยเรอเนสซองของอีตาลี และมีปฏิมากรรมที่สวยงามตั้งแต่เชิงบันไดจนถึงยอดโดม |
ผู้แสดงความคิดเห็น ป.ปลา - คนรอนแรม วันที่ตอบ 2008-04-27 20:54:39 IP : 58.9.29.86 |
ความคิดเห็นที่ 9 (1156389) | |
ป.ปลา - คนรอนแรม | จากนั้นเรานั่งรถไปเที่ยวต่อกันที่ อนุสรณ์วิกตอเรีย ตั้งอยู่กลางเมือง เป็นสถานที่ซึ่งผู้มาเมืองกัลกัตตาทุกคนไม่ควรพลาดที่จะไปดู สร้างด้วยหินอ่อนล้วน เลือกเฟ้นศิลปกรรมชั้นเยี่ยมของโลกหลายแบบมาผสมให้เกิดความงามอันทันสมัยขึ้น กลมกลืนระหว่างศิลปะยุโรปกับอารยันผสมเปอร์เซียนิด ๆ ตามประวัติเล่าว่าสร้างขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่ พระนางวิกตอเรีย ผู้ได้รับการเฉลิมพระนามว่า เป็นจักรพรรดินีแห่งอินเดีย พ.ศ.๒๔๒๐ ท่านเซอร์ วิลเลียม อีเมอร์ซัน ผู้ออกแบบด้วยหวังให้กระทบไหล่อนุสรณ์ของมุมตัช หรือเป็นเลิศกว่าทัชมาฮาล ของราชวงค์โมกุล วันนี้อากาศร้อนได้ใจมากๆ ก่อนจะเดินหน้าเข้าหาตัวอาคาร จะพบอนุสาวรีย์ของพระนางวิกตอเรีย (Victorial Memorial) ที่หล่อด้วยสำริด ประทับนั่งอย่างสง่างาม พระหัตถ์ถือคทาอาญาสิทธิ์เป็นรูปโลก อันเป็นสัญลักษณ์ของเจ้าโลก เจ้าสมุทร ซึ่งในยุคอังกฤษเรืองอำนาจ กล่าวกันว่าในดินแดนอาณานิคมแห่งจักรวรรดิ์นั้น พระอาทิตย์ไม่เคยอัสดง |
ผู้แสดงความคิดเห็น ป.ปลา - คนรอนแรม วันที่ตอบ 2008-04-27 20:52:11 IP : 58.9.29.86 |
ความคิดเห็นที่ 8 (1142846) | |
คนรอนแรม | ป้ายยืนยันว่าผอบเหล่านี้ คือ ผอบที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ที่ขุดค้นพบ |
ผู้แสดงความคิดเห็น คนรอนแรม วันที่ตอบ 2008-04-22 10:28:02 IP : 58.9.32.106 |
ความคิดเห็นที่ 7 (1142844) | |
คนรอนแรม | พิพิธภัณฑ์ เมืองกัลกัตตา (Indian National Museum) เป็นอีกสถานที่หนึ่งที่ควรจะเข้าชมให้ได้ เพราะรัฐบาลได้เก็บสะสมวัตถุโบราณจากที่ต่าง ๆ มารวมไว้อย่างสมบูรณ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งวัตถุโบราณทางพระพุทธศาสนาที่ขุดค้นได้จากพุทธสถานหลาย ๆ แห่ง เช่น นาลันทา เวสาลี ปัตนะ พุทธคยา ราชคฤห์ เป็นต้น มีทั้งพระพุทธรูปสมัยต่าง ๆ พระโพธิสัตว์ที่สลักจากหินด้วยฝีมือประณีต เสาหินพระเจ้าอโศก สิ่งของเครื่องใช้ของกษัตริย์และชาวบ้านในสมัยโบราณ ที่น่าสนใจอย่างยิ่ง คือ พระบรมสารีริกธาตุที่ขุดได้จากสถูปใหญ่ ณ เมืองเวสาลี รัฐบาลได้เก็บรักษาไว้อย่างสมบูรณ์ ประกอบด้วยพระบรมสารีริกธาตุ ผอบหินที่จัดได้ว่าสมบูรณ์และสวยงามทุกชิ้น พร้อมด้วยเครื่องบูชาสมัยโบราณ นอกจากนั้นมีห้องแสดงวัตถุโบราณให้ได้ชมอีกมากหลาย |
ผู้แสดงความคิดเห็น คนรอนแรม วันที่ตอบ 2008-04-22 10:26:26 IP : 58.9.32.106 |
ความคิดเห็นที่ 6 (1142830) | |
คนรอนแรม | เมื่อกี้ว่าใหญ่แล้วนะ เดินไปอีกห้อง คราวนี้เจอโครงกระดูกทั้งตัวเลย |
ผู้แสดงความคิดเห็น คนรอนแรม วันที่ตอบ 2008-04-22 10:10:30 IP : 58.9.32.106 |
ความคิดเห็นที่ 5 (1142825) | |
คนรอนแรม | เครื่องบินไปถึงกัลกัตตาแต่เช้า พวกเราก็เลยมีเวลาไปเที่ยวที่พิพิธภัณฑ์ Indian Museum ภาพนี้เป็นงาช้างในอดีต ใหญ่มากๆขอบอก |
ผู้แสดงความคิดเห็น คนรอนแรม วันที่ตอบ 2008-04-22 10:08:50 IP : 58.9.32.106 |
ความคิดเห็นที่ 4 (1142814) | |
คนรอนแรม | คณะนี้เป็นคณะที่เล็กมากที่สุดเท่าที่เคยจัดมา ในปี 2551 นี้ค่ะ |
ผู้แสดงความคิดเห็น คนรอนแรม วันที่ตอบ 2008-04-22 09:56:03 IP : 58.9.32.106 |
ความคิดเห็นที่ 3 (1142156) | |
คนรอนแรม | มาแล้วจ้า.. ขออภัยที่ลงรูปให้ดูล่าช้าไปหน่อย |
ผู้แสดงความคิดเห็น คนรอนแรม วันที่ตอบ 2008-04-21 15:21:14 IP : 58.9.36.71 |
Copyright © 2007-2037 สงวนลิขสิทธิ์ภาพและบทความที่จัดทำขึ้นโดยเว็บไซต์ ห้ามลอกโดยเด็ดขาด |