เดินกันต่อไปท่ามกลางสายฝนพรำๆ บรรยากาศได้ใจจริงๆ จะมีอุปสรรคก็เรื่องถ่ายรูปนี่แหละ แต่ก็สู้ไม่ถอยค่ะ เพื่อเก็บภาพมาฝากทุกคน ต้องจัดเต็ม ยังคงเก็บดอกไม้รายทางต่อไปค่ะ

ดอกแรกนี้ Thermopsis brabata ไม่ค่อยเคยเห็นดอกไม้สีนี้เลยนะ

ดอก Primula macrophylla

สองดอกหลังนี่ไม่รู้ชื่อค่ะ

สักพักฝนก็เริ่มตก งัดเสื้อกันฝนและร่มออกมาใช้งานกัน

แล้วก็กลับมาถ่ายทุ่งดอกไม้ต่อ

พักถ่ายดอกไม้ มาถ่ายรูปตัวเองบ้าง

อยู่ในทุ่งเห็นไม่ชัดเท่าไหร่ ต้องส่องใกล้ๆ จะได้เห็นความงามของดอกชัดๆ ดอกแรก Campanula latifolia

ดอก Codonopsis virdis

ดอกนี้ก็ไม่มีข้อมูลจ้ะ อุตส่าห์ซื้อหนังสือกลับมาจากในเมืองแกงกาเรีย เพื่อจะเอาไว้ดูชื่อดอกไม้แต่ละชนิดที่ถ่ายรูปมา แต่ก็มีหลายดอกที่ไม่มีในหนังสือ ที่ในหนังสือมีแต่ไม่ได้เห็นก็เยอะ แต่ตามข้อมูลดอกไม้แทบทุกชนิดจะบานในช่วงมิถุนายน - สิงหาคม สงสัยต้องมาอยู่สัก 3 เดือน ถึงจะได้เจอดอกไม้ครบทุกชนิดนะ

ตอนทัพหลังเดินมาถึงหินก้อนใหญ่ มีนักท่องเที่ยวหลายคนนั่งพักบ้าง เดินไปเดินมาถ่ายรูปกันบ้าง ก็เลยเดินผ่านมาโดยไม่ได้แวะถ่ายตรงก้อนหินเลย

เดินผ่านก้อนหินใหญ่มา ก็เริ่มได้เห็นทุ่งดอกไม้ชัดเจนขึ้น เสียดายที่มีหมอกปกคลุมทั่วพื้นที่ เลยไม่ได้เห็นทุ่งกว้างๆ ไกลๆ น่ะ

ทัพหน้าเค้าถึงหินก้อนใหญ่กันก่อนทัพหลังเป็นชั่วโมงเลยจ้ะ

สาวงามกับทุ่งดอกไม้ค่ะ

แวะเก็บดอกไม้ต่ออีกหน่อย

ดอกสีขาว Anemone tetrasepala

ดอก Silene Edgeworthii

ดอกนี้ไม่มีข้อมูลจ้ะ

เห็นหินก้อนใหญ่อยู่ในม่านหมอกข้างหน้านั้นแล้ว

ข้ามสะพานนี้ไปก็ใกล้จะถึงหินก้อนใหญ่ ที่บอกว่าเป็นปากทางเข้าสู่ VOF จริงๆ กันแล้ว

เดินมาได้ 2,800 เมตร หรือ 2.8 กิโลเมตรแล้วจ้ะ ถึงหินก้อนใหญ่จะเป็นระยะทาง 3 กิโลพอดี 

เหนื่อยจ้ะ แต่ยังร่าเริงตลอดๆ 

ทัพหลังอย่างเราก็ตามมาห่างงงงงงงงงงง ห่างงงงงงงงงงงงงงง

ทัพหน้าเค้าไปต่อกันแล้ว

เดินผ่านมาแล้วจ้ะ

แวะถ่ายรูปอีกหน่อย 5 ก้าวหยุดถ่ายรูป 10 ก้าวหยุดถ่ายรูป...555 ถึงก็ชั่งไม่ถึงก็ชั่ง

ยังมีต่อจ้ะ

แวะไปชมลีลาของพี่น้องทั้งหลายในมุมนี้จากกล้องอื่นๆ กันบ้าง

ว้าววววววววว 

สวัสดีค่ะพี่อ๋อย ป้านุช ขอบคุณนะคะที่มาเอาใจช่วย ขออภัยที่คืบหน้าไม่เท่าไหร่ และเมื่อคืนก็เลิกไปเสียกลางคัน ไม่ได้ร่ำลาเลย เพราะรอน้องชายมารับกลับบ้านแม่น่ะ ระหว่างรอก็นั่งลงรูปไปเรื่อย พอจะออกจากบ้านเลยปิดเครื่องเลยน่ะ คืนนี้มาต่อจ้ะ

ขอเอาใจไปลุยหิมะด้วยคนนะจ๊ะ

เอาล่ะ ไปลุยหิมะกันเลย

ต้องเดินย้ำผ่านกองหิมะนี้ไปด้วยแหละ

แวะถ่ายรูปกันก่อน เดี๋ยวค่อยเดินต่อ

เด็กน้อยนั่งตระกร้ามาอย่างสบายอารมณ์ เห็นแล้วอยากเป็นเด็กจัง (พึ่งรู้ข้อมูลจากพี่คณะหลังที่ไปว่าผู้ใหญ่ก็นั่งตระกร้าได้ เค้าสามารถแบกได้ถึง 70-80 กิโลกรัมเลย ราคานั่งตระกร้าเข้า-ออก VOF ประมาณ 1,200 รูปีค่ะ)

สวยๆๆๆๆ

ใกล้เข้าไปอีกนิด

ขอบคุณมากค่ะป้านุชที่มาติดตามผลงานเสมอๆ ทริปนี้ยังมีรูปอีกเยอะมากค่ะป้า คงต้องลงกระทู้อีกหลายวันเลยค่ะป้า

 ลืมไปเลยค่ะมัวแต่ไปดูเฟซบุค แต่ก็ดีเหมือนกัน อ่านรวดเดียว 4หน้าเลย ยังยอดเยี่ยมเหมือนเดิมค่ะอ่านสนุก รูปสวยดูเพลิน เหมือนทริปอื่นๆค่ะ อ่านแล้วนึกภาพตามไป แล้วก็ปลง ว่าป้าคงไม่มีปัญญาไปแน่ๆ เดินซะขนาดนั้น

เส้นทางของพวกเรายังอีกยาวไกลลลลลลลลลล

เราก็ไปเรื่อยๆ เหนื่อยก็พักกันต่อตามประสา

เกือบลืมพาแวะไปดูกล้องคนอื่นๆ เสียแล้ว รู้สึกว่านี่จะเป็นทัพใหญ่นะ แต่ไม่รู้ว่าตอนนี้ในทัพเหลือกี่คน เริ่มกระจัดกระจายกันเดินน่ะ

เดินพ้นดงไม้ใหญ่มาได้หน่อย ภาพที่เห็นอยู่ตรงหน้าก็ทำให้เย็นสบายหายเหนื่อย

ธารน้ำที่ละลายจากหิมะ ทำให้อากาศบริเวณนี้เย็นจับใจยามไม่มีแดด มีสายหมอกลอยเอื่ยยๆ ยิ่งทำให้บรรยากาศบริเวณนี้เย็นฉ่ำปอดเลยทีเดียว

ตรงบริเวณนี้มีทีมลูกหาบมาดักรอด้วย คงกะว่ามาถึงตรงนี้คนที่เดินไม่ไหวหรือเหนื่อยหมดแรงจะได้ตัดสินใจใช้บริการพอดี พี่ปลาลองเข้าไปสอบถามราคาให้พี่น้อยชลซึ่งดูท่าทางจะอ่อนแรง แล้วก็ได้คำตอบที่น่าตกใจ (มากกกกก) 15,000 รูปี เข้าและออก โอ้!!!!...แม่เจ้า ฟันกันขนาดนี้เลยเหรอ ก่อนหน้าที่จะเดินเข้ามาเราก็ไม่ได้ลองสอบถามราคาเสียด้วย แต่เป็นไปไม่ได้แน่นอนว่าจะราคาสูงขนาดนี้ แข็งใจเดินเรื่อยๆ กันต่อไปแล้วกันนะพี่น้อยจ๋า ราคานี้รับไม่ได้จริงๆ จ้ะ

มาเก็บดอกไม้ต่อ

ดอกอะไรไม่รู้ ไม่มีข้อมูลน่ะ

ดอก Pedicularis bicornuta

พักเสียนานเลย มาเดินต่ออีกหน่อยดีกว่า

แล้วนุ้ยก็เดินห่างออกไปเรื่อยๆ...อิอิ เดี๋ยวค่อยไปหยุดรอข้างหน้า

เฮ้ยยยยยย...เหนื่อยยยยย....พักหน่อยดีกว่า

แล้วต้นไม้ต้นนี้อยู่ตรงไหนอ่ะ ไม่เห็นๆ เลยไม่ได้ถ่ายรูปท่านี้กับเค้ามั้งเลย