และสิ่งที่ทำให้ห้องนี้ดูสะดุดตาคือหน้ากากสีสดที่ใช้ในเทศกาลสำคัญของวัดซึ่งแขวงกระจายอยู่บนคานไม้ของห้องนี่แหละ

มาต่อแล้วค่ะ

Protector Room เป็นห้องเทพพิทักษ์ ซึ่งเก็บรักษาพระคัมภีร์ และข้าวของสำคัญของวัดค่ะ

กินลมชมวิวกันพอสมควรแล้ว เราก็เคลื่อนพลลงไปด้านล่างกัน

พอเดินเข้ามาถึงด้านในพวกเราก็ได้ยินเสียงลามะน้อยกำลังท่องหนังสือ หรือสวดมนต์อยู่ด้วย

ภาพใบไม้เปลี่ยนสีจากเขียวเป็นเหลือง ตัดกับสีฟ้าสดใสของท้องฟ้า สะกดพวกเราให้ใช้เวลาอยู่ตรงนี้นานทีเดียวค่ะ

วัดต่อไปของพวกเราก็อยู่บนภูเขาค่ะ (จริงๆ แล้วทั้งวัดและวังทุกแห่งของเลห์จนถึงซันสการ์ตั้งอยู่บนภูเขาเกือบทั้งหมดค่ะ ขึ้นอยู่ที่ว่าจะเป็นภูเขาสูงหรือเตี้ยแค่ไหน และรถสามารถขึ้นไปได้ถึงไหนเท่านั้นเอง)

จากวิวที่เห็นนี้ คงไม่ต้องบอกว่าวัดนี้อยู่สูงแค่ไหน แต่โชคดีที่รถขึ้นมาส่งได้ แค่เดินต่อเข้าไปถึงตัววัดในแนวราบเท่านั้น ไม่ต้องไต่ระดับค่ะ

เอาหินมาเรียงเป็นผนังแบบนี้ก็สวยดีนะ

ตินเลย์บอกว่าอาคารนี้คือวังเก่าค่ะ แต่ไม่มีคนดูแล และไม่ได้เปิดให้เข้าไปด้านใน เนื่องจากขาดการบูรณะซ่อมแซม ภายในก็เป็นแค่ห้องโล่งๆ ค่ะ

เจดีย์สามองค์ ซึ่งมีให้เห็นอยู่ทุกวัดค่ะ (แต่จำไม่ได้แล้วว่ามีความหมายยังไง ขอหาตัวช่วยก่อนนะ แล้วจะมาเฉลยค่ะ)

สถูปสีสดใสนี้ สร้างขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองในโอกาสที่องค์ดาไลลามะเสด็จมาซันสการ์ค่ะ

ขออภัยที่จำชื่อวังและวัดแห่งนี้ไม่ได้ (ไม่รู้เอาเอกสารข้อมูลไปเก็บไว้ที่ไหน หรือหายไปตอนย้ายบ้านก็ไม่รู้น่ะ) เอาเป็นว่าถ้ามีข้อมูลเพิ่มเติมจะเอามาลงให้นะ ระหว่างนี้ก็ชมแต่ภาพไปก่อนแล้วกันค่ะ

อู้งานไปพักผ่อนสมองมา 2-3 วัน กลับมาถึงก็ต้องเข้างานกันซะหน่อย ขอบคุณพี่ตุ๊กนะคะที่ยังติดตามและคอยให้กำลังใจอยู่ตลอด ไปต่อกันเลยนะ :)

วันที่ 12 เสาร์ที่ 26 กันยายน 2552 / พาดัม (Padum) - ซันสการ์ (Zanskar)

สวัสดีเช้าวันใหม่ในเมืองพาดัม วันนี้มีโปรแกรมเที่ยวหลายวัดทีเดียว เลยต้องตื่นกันแต่เช้าหน่อย พอเติมพลังด้วยอาหารเช้ากันเรียบร้อย เราก็ออกเดินทางไปเที่ยววัดเที่ยววังในซันสการ์กันเลย

ที่แรกนี้เป็นวังเก่า และมีวัดอยู่ในบริเวณวังด้วย ตั้งอยู่บนภูเขา ซึ่งไม่มีนักท่องเที่ยวมาเยือนมากนัก เพราะไม่ได้มีการบูรณะปฏิสังขรณ์ใดๆ ไม่สามารถเข้าไปชมด้านในตัวอาคารได้ แต่ที่ตินเลย์พามาที่นี่ด้วย เพราะเป็นจุดหนึ่งที่สามารถชมวิวทิวทัศน์ในมุมสูงของซันสการ์ได้อย่างดี และมีมุมให้ถ่ายรูปได้ไม่น้อยเลย (ส่วนหนึ่งคงเป็นเพราะริกซินกำชับมาว่าให้พาพวกเราเที่ยวแบบเก็บรายละเอียดในทุกๆ ที่ เพื่อให้เราได้เห็นทุกๆ อย่าง ทุกๆ มุมของซันสการ์ จะได้เก็บข้อมูลไปประกอบการจัดทริปสู่ซันสการ์ในโอกาสต่อไปน่ะ)

มาส่งเสียงและให้กำลังใจจ้ะ ว่ายังติดตามกท.อยู่จริงๆ ไม่ได้หนีไปไหน คนลงกท.จะได้มีแรงลงต่อ อิอิ

พวกเรามาแวะหาเครื่องดื่มร้อนแก้หนาวที่ร้านอาหารของโรงแรม Gakyi ก่อนจะเดินกลับที่พักตอนใกล้ค่ำ พระจันทร์ขึ้นแล้ว ฟ้าก็กำลังสวยเชียว ถ้ามีขาตั้งกล้องคงเก็บแสงได้งามกว่านี้นะ

กลับมาถึงที่พัก กะว่าน้ำน่าจะใช้ได้เป็นปกติแล้ว แต่มันไม่เป็นอย่างที่คิด ปั๊มน้ำของโรงแรมซ่อมแล้ว แต่น้ำในห้องน้ำไม่ไหลเลย คนดูแลที่พักบอกว่ามีห้องน้ำด้านล่างซึ่งตักน้ำใส่ถังไว้ให้แล้ว แต่มันอยู่นอกตัวอาคาร แถมเมื่อคืนที่ค้างบ้านริกซินพวกเราก็ไม่ได้อาบน้ำกัน คืนนี้ตั้งใจว่าถ้าหนาวมากอย่างน้อยก็ต้องได้ล้างหน้าล้างตา  พรุ่งนี้เช้าค่อยอาบก็ได้ พอน้ำในห้องไม่ไหล ทุกอย่างเลยล้วนไปหมด แม้แต่จะเข้าห้องน้ำทำภารกิจส่วนตัวก็ยังลำบาก สุดท้ายพวกเราตัดสินใจย้ายที่พักตอนหัวค่ำนั้นเอง คนดูแลเค้าก็เข้าใจดี ไม่ได้ว่าอะไรพวกเรา และไม่ได้คิดเงินสักรูปีเดียว ผู้คนที่นี่น่ารักและมีน้ำใจจริงๆ

ตอนเดินกลับมาจากตลาด พวกเราเห็นโรงแรมที่พักอีกหลายที่ และยังวิพากษ์วิจารณ์กันอยู่ว่าที่ไหนน่าพักยังไง พอต้องเลือกที่พักใหม่ขึ้นมาจริงๆ ตอนที่มืดค่ำและอากาศข้างนอกเย็นยะเยือก สุดท้ายที่พวกเราคิดออกก็กลายเป็นโรงแรม Gakyi ที่ไปนั่งดื่มชาร้อนกันมาเมื่อเย็นนี้เอง เพราะเป็นหนึ่งในไม่กี่โรงแรมที่ยังเปิดบริการ และอยู่ติดถนน สะดวกต่อการเข้าออกและขนสัมภาระ พอตินเลย์ติดต่อเรื่องโรงแรมได้เรียบร้อยก็ไปว่าจ้างรถมารับพวกเราไปที่พักใหม่ เพราะรถของทีมยังซ่อมล้อไม่เสร็จเลย

สภาพห้องก็โอเค กว้างขวาง สะอาดพอประมาณ พอเก็บของเข้าห้องเรียบร้อย เราก็ไปสั่งอาหารค่ำกินกัน แล้วก็แยกย้ายไปพักผ่อน ถึงจะเปิดฉากคืนแรกในเมืองพาดัมไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่ทุกอย่างก็ผ่านไปด้วยความเรียบร้อย พวกเราได้อาบน้ำอุ่น (ซึ่งต้องบอกให้เค้าต้มน้ำร้อนใส่ถังมาให้ แล้วเอามาผสมน้ำเย็นให้อุ่นได้ระดับตามใจชอบ) ได้นอนหลับสบาย และได้พักผ่อนให้หายเหนื่อยจากการเดินทาง เก็บแรงไว้เที่ยวซันสการ์ต่อพรุ่งนี้กัน

ราตรีสวัสดิ์ค่ะ