และแต่ละบานจะเป็นทางเข้าออกของฝ่ายในแต่ละคน แยกกันเป็นเอกเทศ

ซุ้มประตูด้านในพระราชวัง ลวดลายวิจิตรได้ใจ มีทั้งหมด 4 ประตู ซึ่งแต่ละประตูจะมีสีสันและลวดลายต่างกันไป

อาคารที่ทาสีเหลืองในภาพ เป็นเสมือนเขตพระราชฐานด้านใน ส่วนมหาราชายังคงประทับอยู่ที่นี่

พระราชวังแห่งนี้ สีสันสดใสมาก

ในยุคนี้จะไม่มีมหาราชาแล้ว แต่ City Palace ก็ยังเป็นสมบัติส่วนพระองค์ และชาวเมืองชัยปุระบางส่วนก็ยังนับถือพระองค์อยู่แม้พระองค์จะไม่มีอำนาจใดๆ แล้วก็ตาม

ประตูบานใหญ่ที่มีรายละเอียดสวยงามของพระราชวังแห่งนี้

เต็มอิ่มกับพระราชวังแอมเบอร์แล้ว เราไปต่อกันที่ City Palace ซึ่งเป็นพระราชวังใหม่ โดยมหาราชา ไสว ชัย สิงห์ ที่ 2 ได้ย้ายเมืองหลวงจากพระราชวังแอมเบอร์มาที่นี่ ปัจจุบันภายใน City Palace เปิดเป็นพิพิธภัณฑ์ แสดงของใช้ส่วนพระองค์ของมหาราชาแห่งเมืองชัยปุระ 

หน้าประตูทางเข้าวัง มีช้างหินอ่อนยืนเฝ้าอยู่คู่หนึ่ง

มุมนี้ก่อนบอกลาพระราชวังแอมเบอร์ พี่อูสามารถมากที่กล้าโพสท่านี้ เพราะพวกเราน่ะ หวาดเสียวมากๆ พลิกตัวไปนิดเดียว หงายหลังไปแย่แน่

มุมนี้เป็นมุมยอดฮิต แล้วพวกเราจะพลาดได้ไง 

แสงกำลังงาม ต้องหมู่ๆ

ความกว้างใหญ่ของพระราชวังแห่งนี้ ที่เห็นนี่แค่ส่วนเล็กๆ นะ

หมู่กันซะหน่อย

ลวดลายหินอ่อนแกะสลักที่โคนเสา ซึ่งไกด์โชว์ให้พวกเราดูว่ามีสารพัดสัตว์อยู่ในลายนั้นด้วย 

ผ่านประตูสีสันสดใส ลวดลายสวยๆ เข้าไปชมพระราชวังด้านใน

ช้างหัวเสาลักษณะนี้ เป็นสัญลักษณ์ของกษัตริย์

ขบวนช้าง ถ่ายจากมุมสูงบนป้อม

ส่วนเรากับพี่ปลาคอยปิดท้าย แต่กลับไปถึงก่อนคนอื่นๆ เลย เพราะควานช้างตัวที่เรานั่ง ใจร้ายมาก ตีช้างแรงๆ ให้มันเดินเร็วๆ แซงเค้าไปตลอดทาง หวังแต่จะให้รับนักท่องเที่ยวได้หลายๆ รอบ แถมยังขอทิปไปตลอดทาง พอเราทำท่าจะไม่ให้ เพราะไม่ชอบใจที่เค้าตีช้าง เค้าก็ไม่ยอมพาช้างเข้าไปเทียบท่าเสียที เลยต้องจำใจให้ไปยี่สิบ ยังมาบ่นอีกว่าน้อยไป ต้องให้โวยวายถึงยอมเข้าเทียบให้เราลงจากช้างได้

ระหว่างทางที่นั่งช้างมาทุกคนยังอารมณ์ดี สนุกสนานนะ แต่ตอนลงจากหลังช้าง อารมณ์เสียกันทุกคนเลย สรุปว่าที่ไกด์ท้องถิ่นบอกเราว่าช้างใช้เวลาเดินประมาณ 45 นาที เจอควานช้างหน้าเลือดเข้าไป ใช้เวลาอยู่บนหลังช้างแค่ 30 นาทีได้

ตามมาด้วยคู่พี่อูกับบี

พวกเราไปถึงที่ขึ้นช้างประมาณ 8 โมงกว่าได้ คนเยอะมาก นักท่องเที่ยวต่อแถวกันยาวเหยียด เราก็ต้องไปต่อแถวกับเค้ามั้ง แต่รอไม่นานเท่าไหร่ ก็ถึงคิว ช้างหนึ่งตัว นั่งได้สองคน นั่งไปเที่ยวเดียว ไม่ได้นั่งกลับ 550 รูปี ที่นี่เค้านั่งช้างกันแปลกๆ นะ เค้าให้นั่งหันข้าง ไม่ได้ให้หันไปข้างหน้าอย่างบ้านเรา ไม่รู้ว่าเพื่อให้ขึ้นลงสะดวก หรือว่าเพราะเหตุผลอื่น แต่เราว่านั่งแบบบ้านเราดีกว่า

และคู่ที่ได้ออกตัวไปก่อนก็คือพี่ติ้งกับพี่ออด

ขออภัยท่านผู้ติดตามทุกท่านที่หายไปหลายวัน กลับบ้านไปเลือกตั้งมาน่ะ เลยถือโอกาสพักผ่อนไปด้วยเลย ทริปนี้เที่ยวได้ค่อนทางแล้ว มาต่อกันเลยดีกว่า

วันที่ 7 ธันวาคม 2550 ไจปูร์ (Jaipur) - อัครา (Agra)
กินอาหารเช้าที่โรงแรมเรียบร้อย ก็รีบออกไปที่พระราชวังแอมเบอร์ (Amber Palace) ซึ่งเป็นป้อมปราการด้วย จึงมีชื่อเรียกกันติดปากว่า ป้อมปราการแอมเบอร์ (Amber Fort) ที่ต้องออกกันแต่เช้า เพราะพวกเราต้องไปนั่งช้างขึ้นไปบนป้อม ถ้าไปสายนักท่องเที่ยวจะเยอะมาก และแดดจะร้อนด้วย แต่ระหว่างทางก็ขอแวะถ่ายรูปที่พระราชวังสายลมกันซะหน่อย เพราะถ้ามาแวะช่วงสายหรือบ่ายกว่านี้ จะถ่ายรูปไม่สวยเพราะย้อนแสงน่ะ

เที่ยวในจอดปูร์ได้ครึ่งวัน หลังอาหารกลางวันแล้ว พวกเราก็ตีรถสู่จัยปูร์ (Jaipur) หรือชัยปุระกันต่อเลย ไปถึงจัยปูร์ก็ค่ำๆ แต่เมืองนี้ค่อนข้างเจริญแล้ว มีร้านรวงมากมาย และยังไม่ปิดด้วย แต่โรงแรม Chandragupt ที่พวกเราพักอยู่ใกล้กับสถานีรถบัส ซึ่งผู้คนมากมายพลุกพล่าน ลุงเน็คบอกว่าอันตราย ไม่ให้ออกมาเดินเล่น แต่พวกเราขอให้ขับรถพาออกไปซื้อของที่ร้านมินิมาร์ท In & Out ที่อยู่ในปั๊ม ซึ่งพวกเราเล็งกันไว้แล้วตั้งแต่ตอนนั่งรถผ่าน เข้าไปช็อปน้ำหวานๆ เย็นๆ และเลือกขนมกันมาได้หอบใหญ่ ตบท้ายด้วยกาฟและขนมในร้านกาแฟ Cafe ที่อยู่ในปั๊มเดียวกัน ก่อนจะกลับไปกินอาหารค่ำที่โรงแรม และแยกย้ายกันนอนพักผ่อนเก็บแรงไว้เที่ยวต่อพรุ่งนี้ ซึ่งเป็นวันที่ 7 ของการเดินทางแล้ว

ส่วนต้อนรับของโรงแรม Chandragupt ซึ่งลุงเน็คพาเข้ามาทางด้านหลังโรงแรม บรรยากาศภายนอกก่อนเข้ามาเลยดูน่ากลัวไปหน่อย แต่พอเข้ามาข้างในแล้วก็โอเค

ถึงจะไม่ใหญ่โตมากนัก แต่ก็เป็นสิ่งปลูกสร้างที่สวยงามทีเดียว 

ออกจากป้อมเมรันกาฎแล้ว เราไปเที่ยวต่อกันที่ Jaswant Thada อนุสรณ์สถานที่สร้างด้วยหินอ่อนสีขาว เป็นที่ฝังพระศพของมหาราชา Jaswant Singh ที่ 2 และสมาชิกในราชวงศ์

หุ่นกระบอกแบบแขกที่ขายอยู่ภายในป้อม สีจัดจ้านดีจริงๆ

นครสีฟ้า มุมมองจากบนกำแพงป้อม

ห้องนี้สีสันสดใส เป็น Gallery จัดแสดงผ้าโพกหัวแบบราชาสถาน (Turbans of Rajasthan) มีสารพัดแบบเลย และพ่อหนุ่มผู้มีหน้าที่ดูแลห้องนี้ ก็แสดงการโพกให้เราดูกันสดๆ จากผ้าที่กว้าง 1 เมตรและยาวถึง 9 เมตร

Sheesh Mahal - The Hall Of Mirrors เป็นอีกห้องที่สวยมาก ทั้งแสงและสี

บันทึกภาพหมู่กันหน่อย