สวัสดีค่ะพี่ช่า ไม่ต้องอิจฉานะ โอกาสหน้าพี่ได้ไปด้วยกันแน่ๆ สัญญากับพี่หนิงไว้แล้วนิ (แค่ขายเครื่องเพชรสักชุดก็มีตังค์เที่ยวแล้วจ้ะ) รออยู่นะจ๊ะ

ต่อๆ สาวโคราชกับสาวนางรองค่ะ

สวัสดีคะน้องนุ้ย...ยและป.ปลา พี่ช่าแอบมาดูก็จะจบแล้วหรือ ส้วย...สวยจริงๆ ไม่นึกว่าจะสวยขนาดนี้ เห็นทุกคนสนุกได้ใจจริงๆ    เห็นเล่นหิมะกันแล้วอิจฉาจัง.... เอาไว้ถ้ามีตังส์พี่ช่าคงได้มีโอกาสไปกับทุกคน(หวังไว้อย่างนั้นคะ)

รฤกถึงทุกคน

        ช่าเองคะ

คนนี้เด็ดสุด เป็นสีสันที่สดใสที่สุดของวันนี้ค่ะ ชุดนี้พี่หนิงเตรียมพร้อมมาจากเมืองไทย เห็นบอกว่ามารอบก่อนก็เอามาด้วยแต่ไม่ได้ใส่เพราะโปรแกรมทัชมาฮาลล่ม รอบนี้เลยเตรียมมาเพื่อวันแรมทางเลยทีเดียว เต็มที่เลยพี่หนิง ชุดนี้ใส่แล้วถ่ายรูปสวยจริงๆ ขอบอก (คนก็สวยอยู่แล้วนะคะ ไม่ใช่แค่ชุด)

เอาและ....เข้างานๆ ถึงทัชมาฮาลกันแล้ว หลายคนคงรออยู่นะ

ขอเปิดประเดิมด้วยภาพพระมารดากับทัชมาฮาลค่ะ

สวัสดีค่ะพี่ท่าน

พี่หนิงมาแต่เช้ามืดเช่นเคยนะคะ ถ้ายังติดใจบรรยากาศและตลาดที่แคชเมียร์อยู่ รอบหน้าจะพาไปช็อปปิ้งให้ฉ่ำปอดเลยค่ะ ส่วนสาวนางรองน่ะ จะไปพร้อมพี่หนิงหรือป่าวค่ะ เผื่อว่าเมล็ดพันธุ์ที่ซื้อมาปลูกขึ้น ออกดอกสวยงามจะได้ไปซื้อเพิ่ม แต่ถ้าไม่ขึ้นจะได้ไปต่อว่าพ่อค้าได้ค่ะ แล้วถ้าพวกเราจะไปบุกบ้านเมื่อไหร่จะไม่บอกล่วงหน้านะ (กลัวเจ้าของบ้านหนีออกนอกบ้านน่ะ....อิอิ)

รูปหน้าบ้านดอกอะไร เหมือนกล้วยไม้บ้านเราเลย  สวยดีเน๊าะ

พี่ซื้อเมล็ดพันธุ์กลับมา เพราะความเกรงใจ  อุตส่าห์เสียเวลา จอดเรือให้ถ่ายรูป

กำลังให้คุณแม่ลองปลูก ไม่รู้จะขึ้นหรือเปล่า  ช่างเถอะ ถ้าไม่ขึ้นก็ไม่เป็นไร

ได้ถ่ายรูปกับดอกไม้ก็คุ้มแล้วจ้ะ  เมื่อไรมานางรองบอกละกัน จะได้ปิดบ้านหนี

เอ้ยเปิดบ้านรอ 

สวัสดียามเช้าจ้า.. เห็นดอกไม้สีเหลืองวันนี้ก็ชอบอีกแล้ว ดูแล้วสดชื่นดี อันที่จริงบรรยากาศที่แคชเมียร์

คิดว่าสมาชิกทุกคนที่ร่วมเดินทางยังติดใจกันอยู่  หลายคนที่ได้เดินตลาดร้านค้าที่นั่นยังไม่เต็มอิ่มโดยเฉพาะพี่เอง

อ้อ!..มีสาวนางรองด้วยอีกคนจ๊ะ  แต่ด้วยเวลามีจำกัดอีกอย่างก็เห็นใจมิสเตอร์ดิล ด้วยเพราะต้องกลับไปดูแลเรื่องอาหาร

ให้พวกเราทุกคน  ( ไม่เป็นไรวันพระไม่ได้มีหนเดียว555 )

เย้ เย้... ดีใจจังที่วันนี้ฟ้าเปิด นี่เป็นครั้งแรกอีกเช่นกันที่ได้เห็นเงาของทัชมาฮาลในน้ำ มาก็ตั้งหลายทีแล้ว แต่เจอฟ้าครึ้ม ไม่ก็หมอกลงตลอดเลย คิดไว้ว่าถ้ามาคราวนี้ยังมีอุปสรรคอีก จะไม่เข้าทัชมาฮาลแล้ว เพราะคงจะไม่ถูกกัน แต่พอได้เห็นอย่างนี้ค่อยโล่งใจหน่อย

ผ่านด่านตรวจกระเป๋าเข้ามาด้านในกันเรียบร้อยค่ะ (ก่อนเข้าทัชมาฮาลจะมีการตรวจตัว ตรวจกระเป๋านะคะ ถ้าเจ้าหน้าที่พิจารณาว่ากระเป๋าที่เราถือใบใหญ่เกินไป ก็อาจจะไม่อนุญาตให้ถือเข้าไปด้านใน ขนม ลูกอมต่างๆ ก็ไม่อนุญาตนะคะ ทางที่ดีคือไม่ต้องถืออะไรที่ไม่จำเป็นไปด้วย เอาแค่พาสปอร์ต สตางค์ กล้องและของมีค่าติดตัวไปก็พอค่ะ)

ฟังคุณไกด์บรรยายถึงส่วนต่างๆ ของทัชมาฮาลกันก่อนค่ะ แล้วเราจะเข้าไปยลโฉมทัชมาฮาลกัน

วันที่ 6 จันทร์ที่ 6 เมษายน 2552  :  ทัชมาฮาล (Taj Mahal) - เดลลี (Delhi)
อรุณสวัสดิ์เมืองอัครา เรานัดเวลากินอาหารเช้ากันหกโมงครึ่งค่ะ พอเติมพลังกันเรียบร้อยก็ออกเดินทางสู่ทัชมาฮาลกันเลย

รถมาส่งพวกเราถึงที่จอด แล้วก็ต้องต่อไฟฟ้าเข้าไปอีกระยะหนึ่ง จากนั้นก็เดินเท้าอีกทอดค่ะ มันอาจจะฟังดูยุ่งยากหน่อยนะคะ แต่เพื่อไม่ให้มลพิษจากควันรถยนต์ไปทำลายความสวยงามและความขาวบริสุทธ์ของทัชมาฮาล ทางรัฐบาลจึงต้องห้ามรถยนต์เข้าไปส่งใกล้ๆ ค่ะ

พวกเราเข้าประตูด้านตะวันออก (East Gate) นี่แหละค่ะ

เราพักกันที่โรงแรม Royal Residency ค่ะ ห้องนี้เป็น triple room ห้องสำหรับ 3 คนค่ะ (จริงๆ มันนอนได้ถึง 4 คนนะ เพราะมันแบ่งออกเป็นสองห้องนอน และนอนได้ห้องละ 2 คนค่ะ)

พักผ่อนนอนหลับกันตามอัธยาศัย พรุ่งนี้เราจะออกไปเที่ยวทัชมาฮาลกันแต่เช้า จะได้ไม่ร้อนมากนัก แบบว่าอยู่แคชเมียร์อากาศเย็นจนหนาว มาถึงเดลลีและอัคราอากาศก็ร้อนจนเกือบปรับตัวกันไม่ทันน่ะ ราตรีสวัสดิ์ทุกคนค่ะ

คิดถึงสมาชิกบ้านแสนสุขทุกคนด้วยค่ะ

ขอพักคอมไปสองชั่วโมงกว่า มาต่ออีกสักหน่อยแล้วกันนะ

เราต้องเผื่อเวลาไปถึงสนามบินศรีนาการ์ก่อนเวลาบินประมาณสองชั่วโมง เหมือนกับจะบินระหว่าประเทศเลย เพราะที่สนามบินนี้มีขั้นตอนการตรวจที่ละเอียดมาก หากไม่เผื่อเวลาเยอะๆ อาจจะตกเครื่องได้ค่ะ เพราะตรวจกันตั้งแต่รถเข้ามาในพื้นที่สนามบินเลยทีเดียว แต่พวกเราก็ผ่านฉลุยค่ะ ถึงจะเสียเวลากับการตรวจกระเป๋าถือของแทบทุกคนไปบ้าง นี่ขนาดเตือนทุกคนแล้วว่าให้ถือของติดตัวมาน้อยที่สุด อะไรโหลดได้ก็โหลดไปเลย ก็ยังต้องเทกระเป๋าออกมาตรวจกันถ้วนหน้า

เครื่องออกช้ากว่าเวลาเล็กน้อย แต่ก็โอเค บนเครื่องเสิร์ฟอาหารกลางวันด้วยค่ะ ถึงเดลลีราชรถก็มารับและมุ่งหน้าสู่เมืองอัครากันเลย วันนี้เรามีสมาชิกมาเพิ่มมีหนึ่งคน ขึ้นเครื่องมาพร้อมกันจากศรีนาการ์เลย เป็นหนุ่มร่างใหญ่นามว่า "จิมมี่" ค่ะ เป็นผู้ช่วย (escort) ที่มาคอยประสานงานและอำนวยความสะดวกให้พวกเรานับจากวันนี้จนกระทั่งส่งคณะกลับค่ะ

หลังจากนั่งรถมากว่า 2 ชั่วโมง พวกเราก็แวะดื่มชากาแฟยามบ่ายกันค่ะ จากนั้นก็ออกเดินทางต่อถึงเมืองอัครา แวะทานอาหารค่ำกันที่ร้านอาหารก่อน แล้วถึงเข้าที่พักค่ะ

ดูรูปแล้วคิดถึงทุกคนจัง

เป็นเด็กดีนะตาล กลับมาเมื่อไรบอกด้วยนะ

จะไปเรียนดำน้ำที่เกาะเต่าด้วยคน

ทานอาหารเช้าและแพ็คของลงกระเป๋ากันเรียบร้อย ก็รอเวลาออกเดินทางไปสนามบินค่ะ วันนี้ไม่มีโปรแกรมอะไร เพราะไม่อยากเสี่ยงกับการตกเครื่อง เนื่องจากเคยเจอกรณีที่เครื่องบินขึ้นก่อนเวลาถึง 2 ชั่วโมงมาแล้ว พักผ่อนเก็บบรรยากาศสบายๆ ของบ้านเรือกันให้เต็มอิ่มดีกว่า

บ้านเรือลำนี้แหละ ที่พักหนึ่งในสองลำของพวกเรา

ระหว่างรอเวลาอาหารเช้าก็เก็บภาพบรรยากาศยามเช้าของทะเลสาปดาลไปพรางๆ ค่ะ วันนี้เราจะบอกลาบ้านเรือกับทะเลสาปดาลกันแล้ว

เรือที่ลอยลำอยู่นี้กำลังหาปลาอยู่ค่ะ รู้สึกว่าจะได้ปลาด้วยนะ เมื่อวานมื้อค่ำก็เป็นเมนูปลา ยังถามพ่อครัวเลยว่าปลาที่เอามาทำให้พวกเราทานเป็นปลาในทะเลสาปนี้หรือป่าว เค้าบอกว่าไม่ใช่เป็นปลาจากที่อื่น (เสียดายจัง เลยไม่ได้ชิมปลาในทะเลสาปดาลเลย....อิอิ เป็นงั้นไป)

อุปกรณ์การชั่งตวงของที่นี่ก็เป็นแบบบ้านๆ ค่ะ ใช้มือถือเครื่องชั่ง แล้วก็ใช้หินเป็นตัวถ่วงน้ำหนัก หินก้อนไหนหนักเท่าไหร่ก็คงต้องจำกันเอาเอง ของใครของมัน แต่ที่แน่ๆ คือเค้าค้าขายแบบเชื่อใจกันนะ ไม่งั้นจะเชื่อได้ไงว่าหินมันหนักหนึ่งกิโลสองกิโลจริงๆ

วันที่ 5 อาทิตย์ที่ 5 เมษายน 2552  :  ตลาดน้ำ - เดลลี - อัครา
รวมพลกันตอนตีห้าครึ่ง เรือมารับพวกเราล่องไปชมตลาดน้ำ

ฟ้ายังไม่สว่างดีแต่พ่อค้าก็มารวมตัวกันเยอะแล้ว

หมดเวลาชมตลาดแล้ว กลับถึงที่พักค่ำตามระเบียบ เราเที่ยวกันจนแสงหมดทุกวันเลย แต่พี่ยิ้มก็ยังกลับมาเข้าครัวทันนะ คืนนี้พี่ยิ้มโชว์ฝีมือทำต้มยำด้วยแหละ ถึงเครื่องจะไม่ครบเท่าไหร่ แต่ก็อร่อยชนะใจทุกคนค่ะ

หลังมื้อค่ำก็ช็อปปิ้งทิ้งทวนคืนสุดท้ายในบ้านเรือกัน คืนนี้พระจันทร์ทรงกลดด้วย ทั้งที่พระจันทร์ก็ไม่เต็มดวงนะ แปลกดี เลือกผ้ากันอยู่ดีๆ ก็วงแตกวิ่งออกไปดูพระจันทร์กัน เสร็จภารกิจการช็อปแล้วก็รีบเข้านอนค่ะ พรุ่งนี้เราจะล่องเรือไปชมตลาดน้ำกันแต่เช้ามืดค่ะ