สังเวชนียสถาน 18-24 กันยายน 25...
ReadyPlanet.com


สังเวชนียสถาน 18-24 กันยายน 2550
avatar
วันแรมทาง


 

ทริปเดินทาง 18 – 24 กันยายน 2550  รายชื่อผู่ร่วมทาง

    1.   ปลา (ทีมงานวันแรมทาง)

    2.   นุ้ย (ทีมงานวันแรมทาง)

    3.   คุณอุทัย (แม่คุณนุ้ย)

    4.   คุณวี

    5.   คุณอ้อ (แฟนคุณวี)

    6.   คุณปรีชา (คุณพ่อคุณอ้อ)

    7.   คุณโต้ง

    8.   น้องกระต่าย (ลูกสาวคุณโต้ง)

    9.   คุณสุวัฒน์

    10. คุณลัดดาวัลย์ (คุณแม่คุณสุวัฒน์)



ผู้ตั้งกระทู้ วันแรมทาง กระทู้ตั้งโดยเว็บมาสเตอร์ โพสต์และแสดงความเห็นเฉพาะสมาชิกเท่านั้น :: วันที่ลงประกาศ 2007-09-07 19:55:45 IP : 58.9.30.4



ความคิดเห็นที่ 49 (810083)
avatar
คนแรมทาง
image

เคยมีพระอาจารย์รูปหนึ่งเล่าว่า มกุฏพันธนเจดีย์ ซึ่งเป็นสถานที่ถวายพระเพลิงพุทธสรีระแห่งนี้ได้มีการพิสูจน์แล้วว่ายังมีพระบรมสารีริกธาตุอยู่ภายในจริงๆ ด้วย

ผู้แสดงความคิดเห็น คนแรมทาง ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2007-10-11 23:50:12 IP : 58.9.31.67


ความคิดเห็นที่ 48 (810074)
avatar
คนแรมทาง
image

น้องกระต่ายน้อยของพวกเรากำลังบรรจงปิดทองบูชามกุฎพันธนเจดีย์อย่างตั้งใจ
ผู้แสดงความคิดเห็น คนแรมทาง ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2007-10-11 23:39:12 IP : 58.9.31.67


ความคิดเห็นที่ 47 (810068)
avatar
คนแรมทาง
image

พวกเราออกจากวัดไทยกุสินาราเฉลิมราชย์ และมุ่งหน้าไปที่มกุฏพันธนเจดีย์ สถูปที่ถวายพระเพลิงพุทธสรีระหลังวันปรินิพพาน 7 วัน พระอาจารย์กิตติศักดิ์นำสวดมนต์บูชาสถานที่ถวายพระเพลิง อธิษฐานจิตและเดินปทักษิณ 3 รอบเป็นพุทธบูชา 

ผู้แสดงความคิดเห็น คนแรมทาง ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2007-10-11 23:36:41 IP : 58.9.31.67


ความคิดเห็นที่ 46 (810062)
avatar
คนแรมทาง
image

วันที่ 5 กุสินารา - พาราณสี (วันที่ 22 กันยายน)

เช้านี้ทุกคนเก็บของเข้ากระเป๋ากันเรียบร้อย แล้วไปเจอกันที่หอฉันท์ พอทานอาหารเช้าเรียบร้อย ก็เตรียมตัวออกเดินทาง

พวกเราเข้าไปทำบุญและกราบนมัสการลาพระเดชพระคุณหลวงพ่อเจ้าคุณพระราชรัตนรังษี ก่อนออกเดินทาง หลวงพ่อเจ้าคุณเลยให้ของดีเป็นพระแดนพุทธภูมิ และบัตรสะสมบุญ ที่มีข้อความว่า "ขอความเจริญในความไม่ประมาท จงมีแก่ท่านทุกเมื่อ เทอญ" ให้พวกเราพกไว้ในกระเป๋าสตางค์ แถมด้วยเงินเหรียญอีกหนึ่งเหรียญ เพื่อความเป็นหนึ่ง (ถ้าอยากได้ 2 เหรียญ ก็จะไม่ได้เป็นหนึ่งนะ)

สมาชิกทุกท่านกราบนมัสการลาหลวงพ่อเจ้าคุณกันเรียบร้อย ก็ขึ้นไปประจำที่กันบนราชรถคันเดิม แต่ก่อนที่พี่ปลาจะก้าวเท้าพ้นสายตาของหลวงพ่อเจ้าคุณ ท่านก็เรียกเข้าไปหาและบอกให้เอาชื่อไปเลยว่า "Update Travel & Tour" รับรองผลด้วยว่าได้ชื่อจากท่านรุ่งทุกราย เรากับพี่ปลาก็เลยคิดกันว่าคงจะใช้ชื่อนี้เมื่อจดทะเบียนบริษัท (แต่ตอนนี้ยังเล็กๆ อยู่ เพิ่งเริ่มๆ เอง เป็นคณะบุคคลไปก่อนนะ พร้อมเมื่อไหร่เราจะโตเป็นบริษัทแน่นอน)

ผู้แสดงความคิดเห็น คนแรมทาง ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2007-10-11 23:34:30 IP : 58.9.31.67


ความคิดเห็นที่ 45 (809962)
avatar
คนแรมทาง

จริงๆ นุ้ยกลัวว่าจะมีรายละเอียดที่ตกหล่นไปบ้างเหมือนกัน เพราะกลับมาจากทริปสังเวชนียสถานแล้วยังไม่ได้เขียนและเอาลงกระทู้เลย เพราะต้องไปสำรวจเลห์ ลาดัคห์ แคชเมียร์ต่ออีกสิบกว่าวันค่ะ ต้องขอโทษหลายๆ คนที่รอติดตามอยู่ด้วยนะคะ ว่าแล้วก็มาเล่าให้ฟังและเก็บภาพมาฝากกันต่อเลยดีกว่านะ :)

ผู้แสดงความคิดเห็น คนแรมทาง ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2007-10-11 21:58:16 IP : 58.9.31.67


ความคิดเห็นที่ 44 (808296)
avatar
สุวัฒน์(ป๊อป)

ต้องบอกว่าคุณนุ้ยบรรยายได้เห็นภาพ เก็บรายละเอียดได้ดีมากๆ บอกตรงๆว่าผมลืมรายละเอียดไปเยอะเหมือนกัน พอมาอ่านข้อความอีกครั้งความทรงจำมันกลับเข้ามาอีกครั้ง อ่านไปอมยิ้มไปว่าตอนนั้นเราไปด้วยแรงศรัทธาจริงๆเพราะลืมความเหนื่อยเมื่อยล้าทุกอย่าง (ต้องบอดว่าเส้นทางแต่ละจุดค่อนข้างไกลและถนนอินเดียนี่นะครับมองเหมือนเป็นทางเรียบแต่มีหลุมเยอะอยู่นะครับ)

ถ้ามีโอกาสผมตั้งใจว่าจะต้องไปกราบสังเวชนียสถานอีกแน่นอน

ปล. ขอฝากความคิดถึงมายังคุณปลา คุณนุ้ย แม่อุทัยทีมงานวันแรมทาง และเพื่อนเดินทางทุกคนนะครับพี่วี อ้อ คุณพ่อปรีชา น้องกระต่ายและคุณโต้งนะครับ

ผู้แสดงความคิดเห็น สุวัฒน์(ป๊อป) วันที่ตอบ 2007-10-10 12:35:08 IP : 203.146.239.195


ความคิดเห็นที่ 43 (807863)
avatar
คนแรมทาง

เรากลับเข้าสู่อินเดียอีกครั้ง หลังจากไปเยือนเนปาลได้ไม่กี่ชั่วโมง ไปแวะทำภาระกิจที่ห้องน้ำ พุทธวิหาร สาลวโนทยาน 960 กันเรียบร้อย เราก็ออกเดินทางกลับวัดไทยกุสินารา กว่าจะถึงวัดก็ประมาณทุ่มนึงได้ หลายคนบ่นเป็นเสียงเดียวกันเกี่ยวกับการขับคนของคนอินเดีย ที่ปีบแตรแทบจะตลอดเวลา ปาดซ้ายปาดขวาแซงทุกทีที่มีช่องให้ไป แม้จะเป็นซอกเล็กๆ ก็จะไป ยิ่งกลางคืนยิ่งน่ากลัว เพราะไฟถนนไม่มี รถแทบทุกคนเปิดไฟสูงใส่กัน นั่งไปก็เสียวไปตลอดเวลา อารมณ์นี้เราเข้าใจดี เพราะตอนมาอินเดียครั้งแรกก็เป็นเหมือนกัน แต่บ่อยๆ เข้าก็ชินไปเอง เลยปลอบใจทุกคนว่าไม่เป็นไรนะ พรุ่งนี้เราก็ใช้รถใหญ่ของเราได้ปกติแล้ว

ทานอาหารค่ำกันเรียบร้อย พวกเราก็แยกย้ายกันไปพักผ่อน หวังว่าคงไม่เจอปัญหาอะไรให้ต้องเปลี่ยนแผนกันอีก พรุ่งนี้เราจะได้เข้าไปกราบปรินิพพานสถานกัน ก่อนเดินทางกลับไปที่พุทธคยา

ผู้แสดงความคิดเห็น คนแรมทาง ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2007-10-10 01:59:09 IP : 58.9.33.120


ความคิดเห็นที่ 42 (807854)
avatar
คนแรมทาง
image

ระหว่างรอผ่านขั้นตอนต่างๆ ที่ด่าน สมาชิกหลายคนเริ่มลงมายืดเส้นยืดสายและชมวิถีชีวิตคนหน้าด่านกัน จริงๆ คงเป็นเพราะนั่งรอในรถแล้วมันร้อนมากกว่า เลยลงมาหายืนรับลมกันน่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น คนแรมทาง ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2007-10-10 01:49:10 IP : 58.9.33.120


ความคิดเห็นที่ 41 (807849)
avatar
คนแรมทาง
image

ทุกคนออกจากลุมพินีสถานด้วยความอิ่มเอมใจ ดินแดนประสูติเป็นสถานที่ซึ่งมีพลัง การได้มากราบนมัสการและขอพรให้ชีวิตข้างหน้าเจริญรุ่งเรืองและประสบแต่สิ่งดีงามเสมือนได้เกิดใหม่ในแดนประสูติ จะเปรียบไปก็น่าจะเหมือนการตั้งสัตย์อธิษฐาน ว่านับแต่นี้ไปเราจะปฏิบัติตนเป็นคนดี อยู่ในครรลองครองธรรม แล้วการปฏิบัติดีก็จะนำชีวิตไปสู่ความรุ่งเรืองในที่สุด

เรามีเวลาแวะชมตลาดขายของที่ระลึกของชาวเนปาลนิดหน่อย ได้ของติดไม้ติดมือกันมาบ้างพอให้ได้เก็บไว้ระลึกถึง จากนั้นพวกเราก็เดินทางออกจากเนปาล และเข้าสู่อินเดียที่ด่านโสเนาลีอีกครั้ง

ผู้แสดงความคิดเห็น คนแรมทาง ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2007-10-10 01:45:54 IP : 58.9.33.120


ความคิดเห็นที่ 40 (807841)
avatar
คนแรมทาง
image

ด้านหน้ามหามายาเทวีวิหาร มีสระโบกขรณี ซึ่งเป็นที่สรงสนานของพระนางสิริมหามายาเทวี ก่อนจะให้ประสูติกาลพระกุมาร และหลังการประสูติ
ผู้แสดงความคิดเห็น คนแรมทาง ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2007-10-10 01:29:26 IP : 58.9.33.120


ความคิดเห็นที่ 39 (807840)
avatar
คนแรมทาง
image

ภายในมหามายาเทวีวิหาร มีศิลาสลักภาพพุทธประวัติปางประสูติ เป็นรูปพุทธมารดาอยู่ในพระอิริยาบถยืน พระหัตถ์ขวาเหนี่ยวกิ่งไม้สาละ มีรูปเจ้าชายสิทธัตถะออกมาทางปัสสะขวาของพระพุทธมารดา
ผู้แสดงความคิดเห็น คนแรมทาง ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2007-10-10 01:28:05 IP : 58.9.33.120


ความคิดเห็นที่ 38 (807837)
avatar
คนแรมทาง
image

ประมาณบ่าย 2 โมง พวกเราเข้าไปถึง สังเวชนียสถาน แห่งที่ 2 “ชาตสถาน” สถานที่ประสูติของพระพุทธเจ้า ซึ่งเชื่อกันว่าบริเวณที่ประสูติของสิทธัตถราชกุมาร คือจุดที่เสาศิลาของพระเจ้าอโศกมหาราชตั้งอยู่ ยังมีข้อความภาษาพราหมีจารึกไว้อย่างสมบูรณ์เขียนว่าเป็นสถานที่ประสูติขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

พระอาจารย์นำสวดมนต์บูชาสถานที่ประสูติ และเจริญสมาธิภาวนา จากนั้นถึงพาพวกเราเข้าไปชมด้านในมหามายาเทวีวิหาร

ผู้แสดงความคิดเห็น คนแรมทาง ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2007-10-10 01:25:02 IP : 58.9.33.120


ความคิดเห็นที่ 37 (807834)
avatar
คนแรมทาง
image

ยืดเส้นยืดสายและทำภาระกิจที่พุทธวิหาร สาลวโนทยาน 960 กันเรียบร้อย พวกเราก็ออกเดินทางต่อสู่ชายแดนอินเดีย ด่านโสเนาลี ผ่านขั้นตอนต่างๆ เรียบร้อย เราก็มุ่งหน้าสู่วัดไทยลุมพินี ประเทศเนปาล เพื่อเข้าไปทานอาหารกลางวัน และกราบนมัสการพระอาจารย์ที่จำพรรษาอยู่ หลังจากข้าวเรียงเม็ด ได้เข้าไปกราบนมัสการพระพุทธรูปปางประสูติในโบสถ์ และเดินชมนิทรรศการในห้องด้านล่างของโบสถ์แล้ว พวกเราก็พร้อมออกเดินทางสู่ลุมพินีสถาน สถานที่ประสูติของพระพุทธเจ้า

ผู้แสดงความคิดเห็น คนแรมทาง ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2007-10-10 01:17:58 IP : 58.9.33.120


ความคิดเห็นที่ 36 (807832)
avatar
คนแรมทาง

วันที่ 4 กุสินารา - ลุมพินี (วันที่ 21 กันยายน)

สมาชิกทุกคนรับทราบถึงเหตุผลของการเปลี่ยนรถ และพร้อมที่จะเดินทาง หลังจากทานอาหารเช้าเสร็จกันตั้งแต่ยังไม่สว่างดี

จัดการหาที่นั่งประจำตำแหน่งกันเรียบร้อยพร้อมออกเดินทาง โดยมีรถของพระเดชพระคุณหลวงพ่อเจ้าคุณพระราชรัตนรังษี เป็นผู้นำขบวน ท่านให้คุณวีและคุณอ้อ ซึ่งกำลังตั้งท้องได้ 4 เดือน นั่งรถไปคันเดียวกับท่าน น้องน้อยในท้องจะได้ไม่สะเทือนนัก หลังจากที่เมื่อวานรถสะเทือนจนทุกคนเป็นห่วง แต่คุณอ้อบอกว่าไม่เป็นไร ไม่มีอาการผิดปกติ ทุกอย่างโอเค พวกเราก็โล่งใจ

ระหว่างทางหลวงพ่อเจ้าคุณฯ แวะซื้อต้นไม้ที่จะเอาไปปลูกในพุทธวิหาร สาลวโนทยาน 960 หลายคนเลยได้ร่วมทำบุญซื้อต้นไม้ด้วยเลย มาครั้งต่อๆ ไป เราจะมาติดต่อผลให้ว่ามันเติบโตเป็นอย่างไรบ้าง

ออกจากร้านขายต้นไม้ก็มุ่งหน้าสู่พุทธวิหาร สาลวโนทยาน 960 ซึ่งเป็นที่พักเข้าห้องน้ำ ทานอาหารกลางวัน น้ำชากาแฟ ก่อนจะไปถึงด่านโสเนาลีชายแดนอินเดียเพื่อออกไปเนปาล เพราะระหว่างเส้นทางนั้นจะไม่มีห้องน้ำและที่พักใดๆ เลย หลวงพ่อเจ้าคุณฯ จึงให้สร้างที่นี่ขึ้นเพื่ออำนวยความสะดวกแก่พุทธศาสนิกชนทั่วโลก ที่เดินทางมาแสวงบุญ หลายท่านจึงได้ร่วมทำบุญอีกครั้ง การทำบุญสร้างห้องน้ำเป็นการทำบุญเพื่อสร้างที่ปลดทุกข์อย่างทันตาเห็นเลยทีเดียว

ผู้แสดงความคิดเห็น คนแรมทาง ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2007-10-10 01:09:28 IP : 58.9.33.120


ความคิดเห็นที่ 35 (807823)
avatar
คนแรมทาง
image

เหตุเพราะเกิดอุบัติเหตุที่สะพานข้ามแม่น้ำแห่งหนึ่งในเส้นทางที่จะต้องเดินทางไปที่ด่านชายแดนอินเดีย เพื่อเข้าสู่เนปาล ทำให้สะพานถูกปิดไม่อนุญาตให้รถขนาดใหญ่ข้าม จะข้ามได้เฉพาะรถเล็กเท่านั้น แต่ราชรถของพวกเราในครั้งนี้เป็นรถมินิบัส 21 ที่นั่ง ซึ่งก็ถือว่าใหญ่แล้ว ถ้าใช้รถคันนี้เดินทางไปเนปาล คาดว่าจะเสียเวลาในการอ้อมไปอีกทางหนึ่งมากอยู่ แล้วจะเป็นการนั่งรถที่ยาวนานอีกครั้ง แค่เส้นทางวันนี้ที่เขย่าไปมาแทบตลอดเวลาหลายชั่วโมงก็แย่แล้ว นั่งห่วงกันมาตลอดทางเลย ถ้าต้องนั่งรถยาวไกลอีกเป็นวันที่ 2 ติดต่อกัน เกรงว่าจะไม่ไหว ทั้งผู้สูงอายุ ทั้งคนท้อง และเด็ก 

พระเดชพระคุณหลวงพ่อเจ้าคุณพระราชรัตนรังษี แนะนำให้เราแก้ปัญหาโดยการใช้รถจี๊ป 2 คัน ในการเดินทางเข้าเนปาล เพื่อให้สามารถใช้เส้นทางเดิมได้ และทำเวลาได้ดีกว่ารถใหญ่

หลังจากพี่ปลาติดต่อหารถเป็นการด่วน แม้ว่าจะดึกไปสักหน่อยแล้ว แต่ก็สามารถหารถได้ แต่มันเป็นรถจี๊ปธรรมดาที่ไม่มีแอร์ กับอากาศที่ร้อนประมาณฤดูฝนบ้านเรา ก็คงเป็นอุปสรรคไม่น้อย แต่ในสถานการณ์อย่างนี้ ทุกคนยอมรับและเข้าใจได้ว่านี่คืออินเดีย ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงและเกิดขึ้นได้เสมอ เรานัดกันออกเดินทางแต่เช้ามืด ตี 5.30 เพื่อเดินทางพร้อมพระเดชพระคุณหลวงพ่อเจ้าคุณพระราชรัตนรังษี ซึ่งจะไปดูงานที่พุทธวิหาร สาลวโนทยาน 960 อยู่แล้ว และจะได้ไปถึงเนปาลเร็วหน่อย ขากลับจะได้กลับออกมาถึงกุสินาราไม่ค่ำนัก

ผู้แสดงความคิดเห็น คนแรมทาง ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2007-10-10 00:49:52 IP : 58.9.33.120


ความคิดเห็นที่ 34 (807801)
avatar
คนแรมทาง
image

ออกจากป่ามหาวัน เกือบ 11 โมง พวกเราแวะเข้าไปที่วัดไทยไวสาลีเพื่อกราบนมัสการพระอาจารย์ฉลอง และพระอาจารย์คนองซึ่งเป็นผู้ดูแลการก่อสร้างวัดไทยแห่งนี้ และถือโอกาสทานอาหารกลางวันที่วัดก่อนออกเดินทางต่อเลย

ก่อนออกจากที่วัด พวกเราก็ร่วมทำบุญสร้างวัดไทยไวสาลีกัน หลังจากนั้นการเดินทางอันยาวไกลก็เริ่มต้นขึ้น เพราะถนนจากไวสาลีสู่กุสินาราถูกน้ำฝนและน้ำท่วมทำให้เสียหายเป็นระยะไปตลอดทาง รถเลยกระโดดกระเด้งเวลาตกหลุมตกบ่อ และทำให้ใช้เวลาในการเดินทางมากกว่าปกติ จากที่คิดว่าจะไปถึงกุสินาราช่วงเย็น และน่าจะมีเวลากราบสักการะ“ปรินิพพานสถาน” กลับกลายเป็นว่าเรามาถึงกุสินารามืดแล้ว พอมาถึงวัดเก็บของเข้าห้องพักเสร็จก็ออกไปกินข้าวเย็นกันเลย เพราะเลยเวลากินมาพักใหญ่แล้ว

แต่การเดินทางที่ยาวนานกว่าที่คิดในวันนี้ ยังไม่ใช่บทพิสูจน์สุดท้าย และยังไม่สร้างความปวดหัวให้มากเท่ากับปัญหาที่จะต้องแก้ต่อไป เพื่อให้การเดินทางสู่ลุมพินีสถานในวันพรุ่งนี้เป็นไปอย่างราบรื่น

ผู้แสดงความคิดเห็น คนแรมทาง ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2007-10-10 00:17:10 IP : 58.9.33.120


ความคิดเห็นที่ 33 (807779)
avatar
คนแรมทาง
image

และที่น่าสนใจมากๆ สำหรับสถานที่แห่งนี้ คือเสาหินพระเจ้าอโศก ต้นที่ยังสมบูรณ์ที่สุด ซึ่งเดิมเชื่อกันว่าต้นนี้เป็นต้นสุดท้ายที่ยังคงตั้งตระหง่านอยู่อยู่สมบูรณ์ แค่เมื่อไม่นานมานี้ มีข่าวว่าพบเสาหินพระเจ้าอโศกอีกต้นหนึ่งที่ยังคงตั้งอยู่ แต่ยังไม่เปิดเผยแน่ว่าอยู่ที่ไหน

พระอาจารย์หาร่มไม้หลบแดด แล้วนำพวกเราสวดมนต์บูชาสถานที่ จากนั้นก็ทำสมาธิภาวนากันต่อ ถึงแดดจะร้อน แต่ใต้ร่มเงาของต้นไม้ใหญ่นั้นเย็นสบาย มีลมพัดเอื่อยๆ มาเป็นระยะๆ ทุกแห่งหนที่เคยเป็นพระอารามที่พระพุทธองค์เคยจำพรรษา ล้วนดูสงบร่มเย็นจริงๆ ไม่รู้ว่าเย็นด้วยเพราะสถานที่แห่งนั้นมีพลังอยู่เดิม หรือเย็นเพราะแรงศรัทธาของผู้ที่มาเยือน

ผู้แสดงความคิดเห็น คนแรมทาง ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2007-10-09 23:43:00 IP : 58.9.33.120


ความคิดเห็นที่ 32 (807773)
avatar
คนแรมทาง
image

"กูฏาคารศาลา ป่ามหาวัน" เป็นพระอารามที่พระพุทธองค์โปรดให้สร้างนอกเมืองเวสาลีในป่ามหาวัน และทรงประทับอยู่ในพรรษาที่ 5 และทรงแวะคราวเมื่อเสด็จไปกุสินารา 

ที่ป่ามหาวันนี้ เป็นสถานที่กำเนิดภิกษุณีรูปแรกของพระพุทธศาสนาด้วย โดยพระพุทธองค์ประทานการบวชให้นางปชาบดีโคตมี พระมาตุจฉา(น้า) พร้อมทั้งเหล่าศากิยานีอีก 500

ผู้แสดงความคิดเห็น คนแรมทาง ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2007-10-09 23:38:31 IP : 58.9.33.120


ความคิดเห็นที่ 31 (807759)
avatar
คนแรมทาง
image

พวกเราทานข้าวผัดกับไข่ดาวที่เตรียมมาเป็นอาหารเช้ากันบนรถ แล้วก็นั่งชมวิถีชีวิตข้างทางของชาวอินเดียไปเพลินๆ พระอาจารย์กิตติศักดิ์บรรยายให้ความรู้และข้อมูลที่สำคัญทางพระพุทธศาสนาเกี่ยวกับเมืองไวสาลีไปตลอดทาง

ผ่านไปหลายชั่วโมง พวกเราก็เข้าสู่เข้าเมืองไวสาลี สถานที่แรกที่พวกเราไปแวะคือซากสถูปโบราณ "สารีริกธาตุพระสถูปเจดีย์" ซึ่งมีการพิสูจน์แล้วว่าคือสถูปที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุที่ได้ขอแบ่งจากกุสินารา และจากสถูปอีก 7 แห่ง แล้วอัญเชิญมาบรรจุไว้ ปัจจุบันฐานเจดีย์โบราณนี้อยู่ในศาลาแปดเหลี่ยมมุงหลังคาสักกะสี ช่วงที่พวกเราไปเป็นช่วงปลายฤดูฝน เลยเห็นมีน้ำขังอยู่ด้วย

หลังจากพระอาจารย์นำสวดมนต์บูชาพระสถูปเจดีย์แล้ว พวกเราก็ออกเดินทางสู่ "กูฏาคารศาลา ป่ามหาวัน"

ผู้แสดงความคิดเห็น คนแรมทาง ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2007-10-09 23:17:34 IP : 58.9.33.120


ความคิดเห็นที่ 30 (806848)
avatar
คนแรมทาง

วันที่ 3 ของการเดินทาง (วันที่ 20 กันยายน)

พวกเราออกเดินทางจากวัดไทยสิริราชคฤห์กันแต่เช้ามืด เพราะต้องใช้เวลาเดินทางนานหลายชั่วโมงกว่าจะไปถึงเมืองกุสินารา ดินแดนพุทธปรินพพาน

ตื่นมาช่วยพระอาจารย์เตรียมอาหารสำหรับห่อไปกินระหว่างทาง ทั้งมื้อเช้าและมื้อกลางวันกันแต่ตี 3 กว่าๆ ยังคงเป็นรสพระทำอยู่ตามเคย พระอาจารย์บอกว่าเวลาอยู่เมืองไทย ได้ฉันท์อาหารฝีมือญาติโยมมามากแล้ว อยู่ที่นี่ให้ท่านทำให้พวกเรากินบ้าง ไม่ต้องเกรงใจ เพราะการเดินทางและอาหารการกินที่นี่ไม่ได้สะดวกสบายเท่าไหร่ ท่านคงรู้ดี และอยากให้ญาติโยมที่มาด้วยศรัทธาได้กลับไปด้วยความรู้สึกที่ดี ไม่ใช่เข็ดจนไม่อยากกลับมาอีก

ผู้แสดงความคิดเห็น คนแรมทาง ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2007-10-09 00:15:11 IP : 58.9.35.152


ความคิดเห็นที่ 29 (806838)
avatar
คนแรมทาง
image

พอขึ้นไปถึงมูลคันธกุฎีบนยอดเขาคิชฌกูฏ ความเหนื่อยและร้อนจะการเดินขึ้นมาถึงยอดเขาก็หายไปเป็นปลิดทิ้ง อาการเย็น ลมพัดสบาย ที่นี่เป็นสถานที่อันร่มเย็นจริงๆ

พระอาจารย์นำสวดมนต์บูชามูลคันธกุฎี และเจริญสมาธิจนแสงสุดท้ายของพระอาทิตย์เริ่มลับขอบฟ้า พวกเราจึงได้กราบนมัสการลามูลคันธกุฎี และเดินลงจากเขาคิชฌกูฏกันด้วยความอิ่มเอิบใจ

เรากลับเข้าไปทานอาหารเย็นที่วัด ซึ่งเดิมตั้งใจกันว่าจะกลับไปช่วยกันทำอาหารเอง แต่พระอาจารย์ที่วัดสิริราชคฤห์คงเห็นว่าค่ำแล้วพวกเรายังกลับไม่ถึงวัด กลัวว่าจะหิวกัน ท่านเลยกรุณาทำอาหารไว้ให้อีกตามเคย วันนี้พวกเราเลยได้กินอาหาร "รสพระทำ" ถึง 2 มื้อเลย อิ่มอร่อยกันไป

หลังมื้ออาหารพวกเราก็แยกย้ายกันพักผ่อน ได้ยินเสียงคุณพ่อปรีชานั่งสนทนาธรรมกับพระอาจารย์อยู่ด้านนอกพักใหญ่ จนเราหลับไป พระอาจารย์ที่จำพรรษาอยู่ที่นี่ก็คงรู้สึกดีที่มีคนไทยมาเยี่ยมเยือน ส่วนคุณพ่อก็คงรู้สึกดีที่ได้มาเยือนถึงแดนพระพุทธองค์ เลยสนทนากันยาวเลย

ผู้แสดงความคิดเห็น คนแรมทาง ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2007-10-09 00:05:20 IP : 58.9.35.152


ความคิดเห็นที่ 28 (806828)
avatar
คนแรมทาง
image

ช่วงสุดท้ายก่อนขึ้นถึงมูลคันธกุฎี หรือ พุทธวิหารคิชฌกูฏ พระอาจารย์นำสวดมนต์บูชาเพื่อระลึกถึงพระสารีบุตร ซึ่งสำเร็จเป็นพระอรหันต์ที่ถ้ำสุกรขาตา แห่งนี้

ผู้แสดงความคิดเห็น คนแรมทาง ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2007-10-08 23:52:07 IP : 58.9.35.152


ความคิดเห็นที่ 27 (806819)
avatar
คนแรมทาง
image

พอแดดร่มลมตกได้หน่อย พวกเราก็ไปเดินขึ้นเขาคิชฌกูฏกันต่อ เพื่อขึ้นไปนมัสการพระคันธกุฎีของพระพุทธเจ้าบนยอดเขา

ระหว่างทางก่อนถึงพระคันธกุฎี เราแวะชมถ้ำพระโมคคัลลานะ สาวกผู้เลิศทางอิทธิฤทธิ์ และที่นี่เองที่มีการโยนหินเสี่ยงทายขอให้ชีวิตอย่าได้ตกต่ำ ถ้าก้อนหินที่โยนขึ้นไปอยู่บนก้อนหินใหญ่ได้โดยไม่ตกก็แปลว่าคำอธิษฐานนั้นจะเป็นจริง

ผู้แสดงความคิดเห็น คนแรมทาง ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2007-10-08 23:44:45 IP : 58.9.35.152


ความคิดเห็นที่ 26 (806810)
avatar
คนแรมทาง
image

จากเวฬุวัน พวกเราไปชมตะโปธาราม บ่อน้ำร้อนซึ่งเป็นสถานที่อาบน้ำศักดิ์สิทธิ์ของชาวฮินดู แบ่งตามวรรณะ ชาวฮินดูเชื่อว่าเป็นสายน้ำอุ่นมาจากเขาเวภารบรรพต ที่สามารถรักษาโรคภัยไข้เจ็บได้

ผู้แสดงความคิดเห็น คนแรมทาง ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2007-10-08 23:29:56 IP : 58.9.35.152


ความคิดเห็นที่ 25 (806792)
avatar
คนแรมทาง
image

คุณพ่อปรีชา สีสันประจำทริป ที่ตั้งใจมาด้วยพลังศรัทธาเต็มเปี่ยม กับการรอคอยถึง 30 กว่าปี (คุณพ่อเล่าว่าตั้งใจจะมากราบนมัสการพระพุทธองค์ในดินแดนพุทธภูมิตั้งแต่อายุ 40 ในปีนี้คุณพ่ออายุ 72 แล้ว ความตั้งใจนั้นเพิ่งได้เป็นจริง)

ผู้แสดงความคิดเห็น คนแรมทาง ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2007-10-08 23:12:53 IP : 58.9.35.152


ความคิดเห็นที่ 24 (806790)
avatar
คนแรมทาง
image

ออกจากอาณาจักรที่กว้างใหญ่ของมหาวิทยาลัยนาลันทา เราเข้าไปที่วัดเวฬุวัน วัดแห่งแรกในพระพุทธศาสนาและเป็นที่กำเนิดของวันมาฆบูชา วันที่พระอริยสงฆ์ 1,250 รูป พร้อมกันเข้าเฝ้าครบองค์ 4 หรือเรียกว่า "จาตุรงคสันนิบาต"

พระอาจารย์นำสวดมนต์บูชาบริเวณสถานที่ซึ่งพระอรหันต์ทั้ง 1,250 รูปเข้าเฝ้าพระพุทธองค์ด้วย

ผู้แสดงความคิดเห็น คนแรมทาง ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2007-10-08 23:09:04 IP : 58.9.35.152


ความคิดเห็นที่ 23 (806785)
avatar
คนแรมทาง
image

ออกจากบริเวณโอลนาลันทา พวกเรามุ่งหน้าไปกราบสักการะหลวงพ่อดำ พระพุทธรูปศักสิทธิ์ที่อยู่คู่มหาวิทยาลัยนาลันทา ซึ่งเป็นพระพุทธรูปเพียงองค์เดียวที่ไม่ถูกทำลายจนสิ้นซาก มีเพียงความเสียหายที่บริเวณจมูกเล็กน้อย หลายคนที่เคยมากราบสักการะและขอพร เชื่อกันว่าหลวงพ่อดำมีความศักดิ์สิทธิ์มาก

ผู้แสดงความคิดเห็น คนแรมทาง ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2007-10-08 23:03:20 IP : 58.9.35.152


ความคิดเห็นที่ 22 (806778)
avatar
คนแรมทาง
image

คุณแม่ทั้ง 2 คนประจำทริป กับน้องกระต่าย เด็กน้อยน่ารักที่เป็นความสดใสของการเดินทางครั้งนี้ จริงๆ ขาดคุณแม่มือใหม่(มากๆ) อีกคนที่อุ้มท้องน้องน้อยอายุครรภ์ 4 เดือนมาด้วยในทริปนี้นะ

ผู้แสดงความคิดเห็น คนแรมทาง ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2007-10-08 22:57:01 IP : 58.9.35.152


ความคิดเห็นที่ 21 (806776)
avatar
คนแรมทาง
image

พวกเราเข้าไปถึงวัดไทยสิริราชคฤห์ที่พักพิงในคืนที่ 2 ประมาณเที่ยงๆ มาถึงก็ได้ทานอาหารกลางวันกันเลย พระท่านกรุณาจัดเตรียมไว้ให้ เพราะเราแจ้งมาก่อนแล้วว่าจะเข้ามาถึงช่วงนี้พอดี เก็บสัมภาระเข้าห้องกันเรียบร้อย และพักผ่อนกันสักหน่อย ก่อนจะออกไปชมความยิ่งใหญ่ของมหาวิทยาลัยนาลันทา ซากมหาวิทยาลัยสงฆ์แห่งแรกของพุทธศาสนาที่รุ่งเรืองที่สุดในโลก แต่ถูกทำลายลงอย่างน่าเศร้า

พระอาจารย์นำสวดมนต์สักการะสถูปนิพพานของพระสารีบุตร อัครสาวกผู้เลิศด้วยปัญญา และเป็นพระอรหันต์ผู้เลิศด้วยความกตัญญู ที่เลือกมานิพพาน ณ บ้านเกิด ด้วยความระลึกถึงมารดาผู้ให้กำเนิด

ผู้แสดงความคิดเห็น คนแรมทาง ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2007-10-08 22:53:12 IP : 58.9.35.152


ความคิดเห็นที่ 20 (806762)
avatar
คนแรมทาง
image

น้องกระต่าย Presenter คนแรกของเสื้อวันแรมทาง กับแม่อุทัย แม่ของนุ้ยเอง

ผู้แสดงความคิดเห็น คนแรมทาง ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2007-10-08 22:33:31 IP : 58.9.35.152





Copyright © 2007-2037 สงวนลิขสิทธิ์ภาพและบทความที่จัดทำขึ้นโดยเว็บไซต์ ห้ามลอกโดยเด็ดขาด