วันที่ 3 ต.ค. 51 รุ่งอรุณ ณ วัดไทยไวสาลี เช้าวันนี้หลังจากทานข้าวเสร็จ พวกเราก็มาพร้อมกันที่ห้องโถงต้อนรับ เพื่อร่วมกันทำบุญถวายเป็นค่าธรณีสงฆ์ และค่าอาหาร พร้อมกับทำบุญถวายยาที่ชาวคณะ และผู้มีจิตศรัทธาอีกหลายๆ ท่านจากเมืองไทยส่งมาให้เพื่อใช้รักษาโรคแก่ผู้ยากไร้ชาวอินเดีย ทริปนี้เราขนยามาด้วย 4 ลัง และยังมีที่แต่ละคนแพ็คมาเองอีกต่างหาก รวมแล้วเป็นยาปริมาณที่เยอะมากทีเดียว

เมื่อคืนพี่ออกไปข้างนอกมาน่ะ กลับมาดึกแล้วก็เลยไม่ได้เปิดเครื่องอีก ไม่ได้บอกราตรีสวัสดิ์พี่ กลัวนอนหลับฝันร้ายล่ะซิท่า

ขยันจริงๆ นะ ทำงานทุกวันเนี่ย อยากไปดูงานนะ แต่ยังไม่แน่ใจว่าจะได้ไปป่าว ขอดูสถานการณ์ก่อนแล้วกัน ถ้าเสร็จงานแล้วจะมาหาข้าวกินแถวห้องพี่ก็เชิญได้ ยินดีต้อนรับจ้ะ :)

พี่นุ้ยคืนนี้ตาลไม่เจอพี่นุ้ย

ตาลเลยมาบอกราตรีสวัสดิ์พี่ในนี้

นอนหลับฝันดีนะ

ไปละ บายยยยยยย

เหนื่อยมาก ทำงานทุกวันเลยจะตายและ

เดี๋ยวเสร็จงานจะไปกินข้าวที่คอนโดอีกนะ ชอบกินข้าวที่ห้องคนอื่นนนน

ใครว่างๆ

ช่วยมาเลี้ยงข้าวที

หาเรื่องกินฟรีหึหึ

วันนี้ไม่เหนป้านิตย์เลยแหะ

ทิ้งกันไปและ

ไมป้าๆนอนกันช้าจริง

กราบลาหลวงพ่อดำแล้ว พวกเราก็เดินออกไปขึ้นรถเพื่อเดินทางมุ่งหน้าสู่วัดไทยไวสาลี ที่พักพิงในคืนที่ 2 นี้

ระหว่างทางก็เจอหญิงอินเดียสามคนนี้ คนแรกมีขันมาเป็นอาวุธ แสดงว่าเป็นมืออาชีพ แต่สองคนหลังไม่มีอุปกรณ์เสริมใดๆ แสดงว่าเป็นมือสมัครเล่นค่ะ

จากนาลันทา พวกเราก็เดินทางสู่ไวสาลี ใช้เวลาประมาณ 6 ชั่วโมง เราออกจากนาลันทาประมาณบ่ายสามโมง ก็ไปถึงไวสาลีเกือบสามทุ่มพอดี พอไปถึงเก็บของเข้าห้องเรียบร้อย ก็ออกมาทานอาหารกัน แล้วก็แยกย้ายกันพักผ่อนค่ะ พรุ่งนี้เช้าพวกเราจะร่วมทำบุญถวายยาที่เตรียมมากันค่ะ

ขอบคุณจ้า .......... ^-^  น่าอายจังอะ

ป้าเล็ก กับพี่ปลา ขออะไรเป็นพิเศษเนี่ย

มาต่อที่หลวงพ่อดำกันเลยนะคะ พวกเราไปกราบสักการะบูชาและขอพรหลวงพ่อดำกันค่ะ ถึงจะต้องเดินไกลหน่อย เพราะรถเข้าไม่ถึง แต่แทบทุกคนก็ตั้งใจค่ะ (คุณยายนกเล็ก เริ่มปวดขา เลยขอรออยู่ที่รถ คุณตาเลิศก็เลยอยู่เป็นเพื่อน ทั้งสองท่านเลยไม่ได้เข้าไปกราบหลวงพ่อดำ แต่ก็มีพี่กุ้งไปเป็นตัวแทนของพ่อและแม่แล้วค่ะ)

นุ้ยจ๋า ถามหน่อยนะคะว่า วัดมหาธาตุที่ท่านเจ้าคุณพระราชรัตนรังษีให้ไปกราบพระอาจารย์เฮงน่ะ เป็นวัดมหาธาตุไหนคะ ที่ท่าพระจันทร์หรือที่อยุธยา นุ้ยทราบไม๊คะ

หลังจากหามุมเหมาะๆ ร่มๆ สวดมนต์บูชาสถานที่กันเรียบร้อย พวกเราก็มาบันทึกภาพหมู่กันด้านหน้าสารีบุตรสถูป

รูปบนคือภาพปัจจุบัน

รูปล่างคือภาพสเก็ตที่สันนิษฐานว่าแต่เดิมสถูปที่สร้างเพื่อเป็นอนุสรณ์แก่พระสารีบุตรแห่งนี้มีลักษณะเป็นอย่างนี้

ภาพเนินดินบริเวณสารีบุตรสถูปก่อนการขุดค้น

อิอิ กลัวไม่ได้นอน แบบว่าพรุ่งนี้จะต้องตื่นไปส่งพัสดุให้พี่เล็ก กับป้านิตแต่เช้าค่ะ แต่ก็อยากลงของวันที่ 2 ให้เสร็จก่อน เลยต้องปั่นไวไวหน่อย

นุ้ยว่าภพก่อนพวกเราคงเคยเป็นหมู่มิตรกันมั้งคะ ไปไหนไปด้วยกันเป็นหมู่คณะ(ถ้าต้องโดนขังจริงๆ ขอขังหมู่ดีกว่าขังเดี่ยวนะ จะได้ไม่เหงา มีเพื่อนคุยค่ะ)

ตะเอ๋ สู้ๆๆๆ

ตามแซวไม่ทันเลยอะ โพสเร็วมาก กลัวไม่ได้นอนตามป้าๆอะจิเนี่ย

สงสัยพี่ป้าน้าอากลุ่มนี้ เคยถูกขังหมู่กันมา ในอดีตชาติ ภพนี้เลยมาขังหมู่กันในคุก จริงมั้ยคะนุ้ย

หมดแรงอาหารเช้ากันแล้ว กลับมาเติมพลังด้วยอาหารกลางวันที่วัดไทยสิริราชคฤห์กัน ช่วงบ่ายเรายังมีโปรแกรมอีกยาวไกลค่ะ

เจริญอาหารกันทุกคนค่ะ อาหารอร่อย ประกอบกับหิวด้วย เลยอร่อยเป็นสองเท่า

สวดมนต์ เจริญสมาธิภาวนากันแล้ว ก็มาทำปทักษิณบูชาพุทธสถานกัน

จุดหมายต่อไป คือวัดเวฬุวัน อารามหลวงแห่งแรกในพระพุทธศาสนา และเป็นสถานที่ที่พระอรหันต์ 1,250 รูปมาชุมนุมกันโดยมิได้นัดหมาย ที่มาของวันมาฆบูชา

มาต่อ

จากสถานพยาบาล คราวนี้ไปชมคุกกันบ้าง ที่นี่คือสถานที่คุมขังพระเจ้าพิมพิสาร ที่มองเห็นมูลคันธกุฎีบนยอดเขาคิชฌกูฏค่ะ

เห่อ เห่อ :)

ลงได้หนึ่งรูป ก็มีสมาชิกเข้ามาทักทีหนึ่ง ตอบเสร็จ ลงรูปต่อ ก็มีมาอีกเจ้าหนึ่ง สงสัยวันนี้นัดกันมารับสารจริงๆ อย่างที่พี่กุ้งว่า ดีจัง คึกคักๆ แต่รู้สึกว่าจะเริ่มหายไปทีละคน ง่วงกันแล้วซิ ยังไงนุ้ยก็จะลงต่อให้เสร็จของวันที่ 2 ค่ะพี่กุ้ง

สู้สู้

ตอบป้านุช ดีค่ะที่รู้สึกเหมือนเป็นเจ้าของทัวร์ด้วยอีกคน จะได้รักและดูแลทัวร์นี้ไปนานๆ :)

ส่วนเรื่องหุ้นส่วน ถ้าป้าสนใจจะมาร่วมปวดหัวด้วยกันก็ยินดีนะคะ (จริงๆ แค่สองหุ้นนี่ก็ตีกันเองอยู่แทบทุกวันค่ะ)