3 - 12 พฤษภาคม 2555 สิกขิม - ด...
ReadyPlanet.com


3 - 12 พฤษภาคม 2555 สิกขิม - ดาร์จีลิ่ง กับหิมะปุกปุยขาวหนานุ่ม
avatar
ตาล


user image

เดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา มีโอกาสได้พากรุ๊ปหนึ่งไปเยี่ยมเยียนสิกขิม-ดาร์จีลิ่งอีกครั้ง คิดไว้ไม่ผิดจริงๆที่ครั้งหนึ่งเคยหลงรักที่นี่ เพราะเมื่อกลับไปอีกทีก็พบว่ากลับมาตกหลุมรักอีกแล้วโดยไม่รู้ว่าครั้งที่เท่าไร

กรุ๊ปนี้เหมือนกับเป็นสิกขิมกรุ๊ปแรกของตาล พิเศษยิ่งกว่าพิเศษ เริ่มตั้งแต่ที่ปริมาณของสมาชิกในทีม 



ผู้ตั้งกระทู้ ตาล (warm_mail27-at-hotmail-dot-com) กระทู้ตั้งโดยสมาชิก โพสต์และแสดงความเห็นเฉพาะสมาชิกเท่านั้น :: วันที่ลงประกาศ 2012-07-03 22:47:23 IP : 27.130.95.61



ความคิดเห็นที่ 320 (1506391)
avatar
ตาล
image

ครู่เดียวก็มาถึงไร่ชา อันที่จริงจากจุดนี้มองไปตรงไหนๆ ก็ไร่ชาทั้งนั้น
ผู้แสดงความคิดเห็น ตาล (warm_mail27-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-07-05 16:54:54 IP : 27.130.157.80


ความคิดเห็นที่ 319 (1506390)
avatar
ตาล
image

ขาออกเจอนักเรียนหนุ่มน้อยมาทัศนศึกษา พี่ยุ้ยไม่พลาดขอเก็บภาพทันที นักเรียนที่นี่แต่งตัวเรียบร้อยน่ารัก
ผู้แสดงความคิดเห็น ตาล (warm_mail27-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-07-05 16:53:57 IP : 27.130.157.80


ความคิดเห็นที่ 318 (1506389)
avatar
ตาล
image

บ๊ายบาย.......
ผู้แสดงความคิดเห็น ตาล (warm_mail27-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-07-05 16:53:00 IP : 27.130.157.80


ความคิดเห็นที่ 317 (1506388)
avatar
ตาล
image

ได้เวลาโบกมือลาสวสัตว์ ไปต่อกันที่ไร่ชาใกล้ๆ
ผู้แสดงความคิดเห็น ตาล (warm_mail27-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-07-05 16:52:08 IP : 27.130.157.80


ความคิดเห็นที่ 316 (1506387)
avatar
ตาล
image

เล่าไปเล่ามาเจอสองคนพี่น้องแอบนั่งพักอยู่ค่ะ
ผู้แสดงความคิดเห็น ตาล (warm_mail27-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-07-05 16:51:05 IP : 27.130.157.80


ความคิดเห็นที่ 315 (1506385)
avatar
ตาล
image

และกลับไร้ซึ่งชื่อของ Tenzing ผู้บุกเบิกนำทางขึ้นไปบนยอดเขาแห่งนี้
ผู้แสดงความคิดเห็น ตาล (warm_mail27-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-07-05 16:50:21 IP : 27.130.157.80


ความคิดเห็นที่ 314 (1506384)
avatar
ตาล
image

ทั้งนี้ ชื่อของเอดมันด์ ฮิลลารี ถูกนำมาตั้งเป็นชื่อหน้าผาสูง 40 ฟุต ที่ระดับความสูง 28,840 ฟุต เหนือระดับน้ำทะเล ทางสันเขาด้านตะวันออกเฉียงใต้ของยอดเขาเอเวอเรสต์ ว่า ฮิลลารีสเตป (Hillary step) ซึ่งเป็นจุดที่ยากที่สุดของการปีนเขาช่วงสุดท้ายก่อนขึ้นถึงยอดเขา
ผู้แสดงความคิดเห็น ตาล (warm_mail27-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-07-05 16:48:52 IP : 27.130.157.80


ความคิดเห็นที่ 313 (1506383)
avatar
ตาล
image

นักปีนเขาคณะแรกที่สามารถพิชิตยอดเขาเอเวอเรสต์ได้สำเร็จก็คือ เซอร์ เอ็ดมันด์ ฮิลลารี (Sir Edmund Hillary) ชาวนิวซีแลนด์ และ เทนซิง นอร์เกย์ (Tenzing Norgay) เชอร์ปา ชาวเนปาล เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม ค.ศ. 1953

ที่ยอดเขาทั้งสองได้หยุดพักถ่ายรูป รวมทั้งฝังลูกอมและไม้กางเขนเล็กๆ ไว้ในหิมะก่อนจะเดินทางกลับ แม้ยอดเขาเอเวอเรสต์จะถูกพิชิตลงได้อย่างเป็นทางการ แต่มนต์ขลังของยอดเขาแห่งนี้ก็ใช่ว่าจะหมดไป นักปีนเขาทั้งหลายทั่วทุกสารทิศจากทุกมุมโลกต่างก็อยากพิชิตยอดเขาเอเวอเรสต์ให้ได้สักครั้งในชีวิต

ผู้แสดงความคิดเห็น ตาล (warm_mail27-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-07-05 16:47:57 IP : 27.130.157.80


ความคิดเห็นที่ 312 (1506382)
avatar
ตาล
image

เอเวอเรสต์ (Everest) ยอดเขาที่เป็นที่ใฝ่ฝันของใครหลายๆ คน ยอดเขาแห่งนี้ มีความสูง 29,028 ฟุต (8,850 เมตร) เหนือระดับน้ำทะเล มีอุณหภูมิเฉลี่ย 30-50 องสาเซลเซียส ตั้งอยู่บนรอยต่อระหว่างเนปาลและทิเบต ชาวเนปาลเรียกยอดเขานี้ว่า สครมาถา (Sagarmatha-ยอดเขาพระสมุทร) หมายถึง “หน้าผาแห่งท้องฟ้า”

ส่วนชาวทิเบตเรียก โชโมลังมา (Chomolungma) มาจากภาษาจีน อันหมายถึง “มารดาแห่งสวรรค์” ส่วนชื่อภาษาอังกฤษมาจากชื่อของนายพลนักสำรวจชาวอังกฤษ จอร์จ เอเวอเรสต์ (George Everest) ซึ่งมาปฏิบัติงานเป็นหัวหน้าฝ่ายรังวัดประจำอินเดีย

ผู้แสดงความคิดเห็น ตาล (warm_mail27-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-07-05 16:46:37 IP : 27.130.157.80


ความคิดเห็นที่ 311 (1506381)
avatar
ตาล
image

ด้านในอาคารมีเรื่องราวน่าสนใจมากมายแต่ห้ามถ่ายภาพค่ะ ดังนั้นเอารูปดอกไม้ด้านนอกอาคารไปแทน
ผู้แสดงความคิดเห็น ตาล (warm_mail27-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-07-05 16:45:27 IP : 27.130.157.80


ความคิดเห็นที่ 310 (1506379)
avatar
ตาล
image

ฮีโร่ของตาล คนนี้ค่ะที่เป็นคนนำคนที่ขึ้นเอเวอร์เรสต์คนแรกของโลกขึ้นไปจนสำเร็จ ถือเป็นความภูมิใจของคนที่นี่เลยทีเดียว
ผู้แสดงความคิดเห็น ตาล (warm_mail27-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-07-05 16:37:29 IP : 27.130.157.80


ความคิดเห็นที่ 309 (1506378)
avatar
ตาล
image

ส่วนหนึ่งของสวนสัตว์คือ พิพิธภัณฑ์การปีนเขา (Mountaineering Museum) 

สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1954 หลังจาก Sir Edmund Hillary จากนิวซีแลนด์ และ Tenzing Norgay ชาวซาปาจากดาร์จีลลิ่ง ได้ปีนขึ้นยอดเอเวอร์เรสได้สำเร็จ ข้างในจะมีประวัติการปีนเขา การตั้งแคมป์บนที่สูง เวลาเปิดปิดก็ 08.30-16.30 น. ปิดวันพฤหัสบดี คะ

ผู้แสดงความคิดเห็น ตาล (warm_mail27-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-07-05 16:36:16 IP : 27.130.157.80


ความคิดเห็นที่ 308 (1506377)
avatar
ตาล
image

หลากหลายดอกไม้จริงๆ
ผู้แสดงความคิดเห็น ตาล (warm_mail27-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-07-05 16:34:56 IP : 27.130.157.80


ความคิดเห็นที่ 307 (1506376)
avatar
ตาล
image

สวยซะด้วย อันนี้เหมือนดอกกล้วยไม้เลย
ผู้แสดงความคิดเห็น ตาล (warm_mail27-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-07-05 16:34:12 IP : 27.130.157.80


ความคิดเห็นที่ 306 (1506375)
avatar
ตาล
image

แต่จริงๆแล้วดอกอื่นก็มี
ผู้แสดงความคิดเห็น ตาล (warm_mail27-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-07-05 16:33:15 IP : 27.130.157.80


ความคิดเห็นที่ 305 (1506373)
avatar
ตาล
image

เพราะเป็นสวนสัตว์ เลยมีดอกหน้าวัว ฮ่าๆๆๆ
ผู้แสดงความคิดเห็น ตาล (warm_mail27-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-07-05 16:30:00 IP : 27.130.157.80


ความคิดเห็นที่ 304 (1506372)
avatar
ตาล
image

พนักงานรับแขก รับแขกตลอดทั้งวันไม่หลับไม่นอนเหมือนตัวอื่น
ผู้แสดงความคิดเห็น ตาล (warm_mail27-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-07-05 16:28:56 IP : 27.130.157.80


ความคิดเห็นที่ 303 (1506371)
avatar
ตาล
image

ส่วนนี่คืออะไร
ผู้แสดงความคิดเห็น ตาล (warm_mail27-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-07-05 16:28:14 IP : 27.130.157.80


ความคิดเห็นที่ 302 (1506370)
avatar
ตาล
image

หลังมื้อเช้าไปตะลุยที่สวนสัตว์กันค่ะ มีพระเอกอยู่ที่แพนด้าแดง
ผู้แสดงความคิดเห็น ตาล (warm_mail27-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-07-05 16:27:34 IP : 27.130.157.80


ความคิดเห็นที่ 301 (1506368)
avatar
ตาล
image

พี่ยุ้ยกับราง Toy Train รถไฟจิ๋วจอมไต่เขา
ผู้แสดงความคิดเห็น ตาล (warm_mail27-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-07-05 16:26:34 IP : 27.130.157.80


ความคิดเห็นที่ 300 (1506367)
avatar
ตาล
image

ออกจากวัด เข้าเมืองไปหาอาหารเช้ารองท้องกันค่ะ
ผู้แสดงความคิดเห็น ตาล (warm_mail27-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-07-05 16:25:51 IP : 27.130.157.80


ความคิดเห็นที่ 299 (1506366)
avatar
ตาล
image

ไม่รู้ว่าดอกนี้อะไร
ผู้แสดงความคิดเห็น ตาล (warm_mail27-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-07-05 16:24:13 IP : 27.130.157.80


ความคิดเห็นที่ 298 (1506365)
avatar
ตาล
image

กุหลาบพันปีที่วัด
ผู้แสดงความคิดเห็น ตาล (warm_mail27-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-07-05 16:23:30 IP : 27.130.157.80


ความคิดเห็นที่ 297 (1506364)
avatar
ตาล
image

ดอกไม้ที่วัดสวยและเยอะไม่แพ้ที่อื่นเช่นกันค่ะ
ผู้แสดงความคิดเห็น ตาล (warm_mail27-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-07-05 16:22:48 IP : 27.130.157.80


ความคิดเห็นที่ 296 (1506363)
avatar
ตาล
image

คุรุปัทมสัมภวะทรงมีพระนามเรียกขานตามภาคสำแดงต่างๆ มากมาย แต่ภาคสำแดงหลักนั้นมีอยู่แปดภาค ได้แก่ ปัทมสัมภวะ ปัทมราชา ปัทมวัชระ คุรุโดร์จี โดรเล สูรยประภา ศากยสิงห์ สีหนาท และคุรุธิมานวารุจี แต่ละภาคล้วนสะท้อนถึงพระประวัติ การกำราบภูติผีปิศาจร้าย และการเผยแพร่ธรรมของพระองค์ทั้งสิ้น
ผู้แสดงความคิดเห็น ตาล (warm_mail27-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-07-05 16:21:29 IP : 27.130.157.80


ความคิดเห็นที่ 295 (1506361)
avatar
ตาล
image

ขณะที่คุรุปัทมสัมภวะประทับอยู่ในทิเบต ทรงรับนางเยเช โชเก็ล ชายาองค์หนึ่งของพระเจ้าทิชง เด็ตเซ็นเป็นศักติ และได้เดินทางท่องไปตามดินแดนต่างๆทั่วทิเบต ขุนเขาลำธารและเถื่อนถ้ำที่เคยเสด็จไปประทับ กลายเป็นสถานที่ศักดิ์ิสิทธิ์ นอกจากนี้ ยังทรงซุกซ่อนสมบัติล้ำค่าทางศาสนาเอาไว้ตามที่ต่างๆ และกล่าวพยากรณ์ว่า จะมีใครมาพบในยุคสมัยใดอีกด้วย
ผู้แสดงความคิดเห็น ตาล (warm_mail27-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-07-05 16:19:19 IP : 27.130.157.80


ความคิดเห็นที่ 294 (1506360)
avatar
ตาล
image

ภายหลังบุตรชายคนแรกได้มาเกิดเป็นพระเจ้าทิชง เด็ตเซ็น องค์นิรมาณของพระมัญชุศรีและกษัตริย์องค์ที่ 38 แห่งทิเบต ในขณะที่คนสุดท้องได้มาเกิดเป็นคนเดินสาร รับหน้าที่ไปอัญเชิญพระสังฆราชาศาสนรักษิตกับคุรุปัมสัมภวะมาจากอินเดีย

คุรุสปัทมสัมภวะทรงรำลึกชาติได้จึงรับนิมนต์ เสด็จมาเผยแพร่พระพุทธศาสนายังทิเบต แต่ก็เต็มไปด้วยอุปสรรค มีภูติผีปิศาจคอยขัดขวางมากมาย คุรุปัทมะสัมภวะต้องใช้คาถาอาคมกำราบและสำแดงร่างทั้งในภาคดีและภาคร้ายเข้าจัดการ ทำให้ได้รับฉายานามมากมาย อาทิ สีหนาท ปัทมวัชระ และคุรุโดร์จีน โดรเล เป็นต้น

หลังจากนั้น จึงร่วมมือกับพระเจ้าทิชงเด็ตเซ็นและพระศานตรักษิตสร้างอารามซัมเมขึ้นเป็นวัดในพุทธศาสนาแห่งแรกในทิเบต นอกจากนี้ ยังทำพิธีอุปสมบทให้กับพระสงฆ์เจ็ดรูปแรกของทิเบต ควบคุมดูแลแปลพระสูตรและคัมภีร์พุทธสายตันตระจากภาษาสันสกฤตเป็นภาษาทิเบต วางรากฐานการศึกษาพระธรรมและการเจริญวิปัสนาสมาธิให้เป็นระบบระเบียบ ทำให้แสงธรรมสาดส่องลงไปทั่วทิเบตประหนึ่งแสงพระสูรยเทพที่ส่องสว่างไปทั่วหล้า

ฝ่ายเจ้าที่ผูกใจเจ็บนั้น ภายหลังได้กลับชาติมาเกิดเป็นพระเจ้าลังดามา กษัตริย์องค์ที่ 41 ของทิเบต ทรงชิงังรังเกียจและกระทำย่ำยีพุทธศาสนาจนแทบสูญหายไปจากทิเบตดังคำสาบานที่ได้กล่าวไว้ในชาติก่อน

ผู้แสดงความคิดเห็น ตาล (warm_mail27-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-07-05 16:18:35 IP : 27.130.157.80


ความคิดเห็นที่ 293 (1506359)
avatar
ตาล
image

เรื่องราวการเสด็จไปยังทิเบตและเขตหิมาลัยของพระองค์นั้นมีตำนานเล่าขานกลับไปถึงเมื่อครั้งที่พระอมิตาภพุทธเจ้าทรงมอบภาระให้พระอวโลกิเตศวรนำแสงธรรมไปสู่ทิเบต พระมหาโพธิสัตว์ทรงเล็งทิพยเนตรลงมาเห็นอนารยชนผู้เต็มไปด้วยมิจฉาทิฐิเหล่านี้แล้วก็ให้สงสารนัก ถึงกับหลั่งน้ำพระเนตรบังเกิดเป็นเทพธิดาสององค์ คือนางกังกากับนางกังจุงมา

วันหนึ่งนางกังจุงมาไปเห็นดอกไม้ทิพย์เข้า เกิดพอใจจึงขโมยดอกไม้นั้นมา ความปิดบาปครั้งนี้ทำให้นางต้องลงมาจุติเป็นธิดาพ่อค้าในโลกมนุษย์มีชือ่ว่านางเดโชะมา

ด้วยเหตุที่ถือกำเนิดมากจากน้ำพระเนตรของพระอวโลกิเตศวรมาแต่เดิม นางเดโชะมาจึงมีศรัทธาอันแก่กล้าในพระศาสนา และได้บริจาคเงินสร้างเจดีย์องค์ใหญ่ขึ้นในเนปาล แต่สร้างยังไม่ทันเสร็จ นางก็เสียชีวิตลงก่อน บุตรชายทั้งสี่จึงสร้่างเจดีย์ต่อจนแล้วเสร็จ และอธิษฐานขอพรต่างๆ กันไป

คนแรกขอไปเกิดเป็นธรรมราชา คนที่สองขอเป็นพระสังฆราชา คนที่สามขอเป็นพระอริยบุคคลฝ่ายตันตระ ส่วนคนที่สี่ขอไปเกิดเป็นคนเดินสารเพื่อนำสามคนแรกมาพบกัน

ฝ่ายลาที่่ช่วยขนอิฐขนปูนในการสร้างพระเจดีย์มาโดยตลอดได้ฟังดังนั้นก็โกรธนัก นึกขึ้นมาว่ "ดูทีหรือ ตัวเราก็ช่วยงานเหนื่อยยากแสนสาหัส จะคิดถึงเราสักนิดก็ไม่มี ดีละ ถ้าเช่นนั้น เราขอสาบานว่าจะตามไปเกิดไปทำลายสิ่งที่คนทั้งสี่เพียรสร้างขึ้นให้พินาศ***ไปให้จงได้"

ผู้แสดงความคิดเห็น ตาล (warm_mail27-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-07-05 16:17:09 IP : 27.130.157.80


ความคิดเห็นที่ 292 (1506358)
avatar
ตาล
image

ต่อมาทรงพบกับพระอริยเจ้าปราหภัสติ ทรงเรียนธรรมและหลักโยคตันตระจากท่า และเพียงได้สดับพระสูตรต่างๆ เพียงครั้งเดียวก็ทรงเป็นเทพทั้ง 37 องค์ของทางโยคตันตระเสด็จมาสำแดงตนโดยพระองค์ไม่ต้องเข้าฌานก่อนเลย การรู้ธรรมได้ในเร็วพลันเช่นนี้ทำให้ผู้คนพากันขานพระนามพระองค์ว่า "ศากยะสิงห์" อีกพระนามหนึ่ง จากนั้น พระองค์ได้เสด็จไปฝากตัวเป็นศิษย์พระอริยบุคคลและนางฑากินีอีกหลายท่าน ทั้งที่พุทธคยาและสถานที่อื่นๆ อีกหลายแห่ง

จนสุดท้ายก็รอบรู้พระไตรปิฏก ทั้งในส่วนของพระวินัย พระสูตร และพระอภิธรรม อีกทั้งยังเจนจบในเวทมนตร์คาถาและคำสอนที่ลี้ลับที่สุดของนิกายตันตระ ทรงเพ่งมณฑลจนบรรลุถึงความรู้แจ้งเป็นที่หนึ่งเดียวกับพระชินพุทธทั้งหลายในมณฑลนั้น ทำให้ทรงหลุดพ้นจากห้วงสังสารวัฏ ในที่สุดความใฝ่ใจในการศึกษาธรรมทำให้ผู้คนยกย่องพระองค์ให้เป็นคุรุธิมานวารุจี หมายถึง พระผู้มีพระทัย ใฝ่รู้ในปัญญาญาณ


หลังบรรลุธรรม คุรุปัทมสัมภวะได้เสด็จไปยังแคว้นไพธะและทรงแสดงธรรมสั่งสอนบรรดานางฑากินีอยู่นานถึงห้าปี ทำให้แสงธรรมสาดส่องลงไปในใต้หล้า ประดุจแสงอาทิตย์ฉายฉาน จึงทรงได้รับยกย่องให้เป็นเยียมา เออเซร์ หรือ สูรยประภาอีกพระนามหนึ่ง แล้วเสด็จไปยังแคว้นซาโอร์เพื่อแสดงธรรมโปรดนางมันธารวะ ธิดาของพระเจ้าศาลตราธร และทรงรับนางเป็นศักติด้วย

ครั้นพระราชาทรงทราบเรื่องก็กริ้วนักหนา รับสั่งให้จับทั้งสองไปเผาทั้งเป็น แต่คุรุปัทสัมภวะใช้อาคมเปลี่ยนเชิงตะกอนท่อนฟืนให้กลายเป็นบึงน้ำใหญ่ ตัวพระองค์กับนางมันธารวะประทับอยู่กลางดอกบัวดอกมหึมา พระราชาจึงคลายทิฐิ ยอมรับนับถือและยอมให้พระธิดาติดตามพระปัทมสัมภวะไปเผยแพร่ธรรมตามที่ต่างๆ ในที่สุด

ผู้แสดงความคิดเห็น ตาล (warm_mail27-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-07-05 16:15:31 IP : 27.130.157.80


ความคิดเห็นที่ 291 (1506357)
avatar
ตาล
image

เมื่อพระเจ้าอินทรโพธิทรงทราบข่าวก็เสด็จไปหาด้วยพระองค์เอง และตรัสถามว่าเป็นลูกเต้าเหล่าใคร อยู่ในวรรณะใด กุมานั้นทูลตอบมาว่า บิดาของเราคือพระสมันตภัทร์ผู้ไวโรจน์ มารดาคือพระสมันตภัทรีผู้เป็นตัวแทนสัจจะอันเที่ยงแท้ เรามีธรรมธาตและปัญญาญาณเป็นวรรณะ และปัทมสัมภวะ (ผู้กำเนิดจากดอกบัว) คือนามของเรา

พระเจ้าอินทรโพธิได้ฟังดังนั้นก็ให้อัศจรรย์ใจนัก ทรงเชื่ออย่างไม่มีข้อกังขาว่า กุมารนั้นจะต้องเป้นนิรมาณกายของเทพองค์ใดองค์หนึ่งเป็นแน่ จึงทรงรับพระกุมารมาเลี้ยงไว้ในฐานพระโอรส

หลังได้พระปัทมสัมภวะ บ้านเมืองก็ร่มเย็นเป็นสุข ฝนฟ้าตกต้องตามฤดูกาล พืชพันธุ์ธัญญาหารอุดมสมบูรณ์ เมื่อเจริญวัยขึ้นก็ทรงจัดการให้พระโอรสได้อภิเษกสมรสกับเจ้าหญิงโฉมงามและยกพระองค์ขึ้นเป็นกษัตริย์ปกครองบ้านเมือง นามว่า พระปัทมราชา แต่ยิ่งนานวัน พระปัทมสัมภวะ ก็ยิ่งตระหนักว่าชีวิตนี้เป็นทุกข์ จนมีดำริจะละทางโลกเข้าสู่ทางธรรม แต่ทรงรู้ดีว่าพระบิดาและชายาคงจะไม่ปลอ่ยพระองค์ไปง่ายๆ จึงทรงใช้เวทมนตร์สังหารบุตรชายของขุนนางชั่วร้ายผู้หนึ่งด้วยพระทัยอันการุณ บุตรชายขุนนางชั่วนี้ความจริงตอ้งไปเกิดในภพภูมิชั้นต่ำมาก เพราะเคยทำบาปกรรมเอาไว้มาก แต่การเสียชีวิตในเงื้อมหัตถ์ของพระปัทมสัมภวะทำให้จิตวิญญาณของเขารวมเข้ากับธรรมธาตุจนได้ไปเกิดในสวรรค์ ณ แดนพุทธเกษตร

ในขณะที่พระปัทมสัมภวะต้องโทษถูกเนรเทศจากราชอาณาจักร ต้องไปอาศัยอยู่ยังป่าช้าสิตวนา นันทนวัน ทานภูมิทวีป และ ปารุสักวัน ฯลฯ ที่ซึ่งพระองค์ได้ศึกษาคำสอนในแนวทางลี้ลับของวัชรยาน (โยคี) ตามหลุมศพเกจิอาจารย์ต่างๆ จนเชี่ยวชาญและมีอำนาจวิเศษมากมาย

ว่ากันว่าในระหว่างนั้น พระองค์ได้กลายร่างเป็นรากษสที่ดุร้าย ปราบปิศาจและนางฑากินีผู้มีมิจฉาทิฎฐิจนยอมกลับใจ ปาวารณาตัวเป็นพระธรรมบาลในพระพุทธศาสนา ทำให้พระองค์ได้รับฉายาว่า โรทระวัชรกาล หมายถึง วัชระผู้โกรธเกรี้ยว

ผู้แสดงความคิดเห็น ตาล (warm_mail27-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-07-05 16:13:38 IP : 27.130.157.80





Copyright © 2007-2037 สงวนลิขสิทธิ์ภาพและบทความที่จัดทำขึ้นโดยเว็บไซต์ ห้ามลอกโดยเด็ดขาด