เที่ยวหลวงพระบาง
ReadyPlanet.com


เที่ยวหลวงพระบาง
avatar
วันแรมทาง



การเดินทางจากกรุงเทพสู่หลวงพระบาง
21-28 มิถุนายน 2553

พวกเราออกเดินทางจากสถานีรถไฟหัวลำโพง นั่งรถไฟ สายกรุงเทพ-หนองคาย มุ่งหน้าสู่สถานีรถไฟหนองคาย โดยมีจุดมุ่งหมายอยู่ที่ เวียงจันทน์ วังเวียง และหลวงพระบาง

ครั้งนี้เราเดินทางกัน 11 คน มี ปลา นุ้ย ตาล ป้าดวง พี่ต่วน ลุงสุนทร ป้าจิ๋ม ลุงแม็ค ป้าเล็ก
พี่จุ่น และอาม่าปี๊ด

ติดตามเรื่องราวของพวกเราได้ที่นี่นะคะ



ผู้ตั้งกระทู้ วันแรมทาง กระทู้ตั้งโดยเว็บมาสเตอร์ โพสต์และแสดงความเห็นเฉพาะสมาชิกเท่านั้น :: วันที่ลงประกาศ 2010-06-22 07:06:19 IP : 110.49.205.140



ความคิดเห็นที่ 121 (1390914)
avatar
คนแรมทาง
image

จากบ้านช่างไห พวกเราจะไปต่อกันที่ถ้ำติ่ง รถตู้จอดส่งเราที่ปากทางเข้าหมู่บ้านปากอู ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับถ้ำติ่ง พวกเราต้องเดินผ่านหมู่บ้านและวัดปากอู วัดเก่าแก่และสำคัญของบ้านปากอู เพื่อไปลงเรือข้ามฟากสู่จุดหมายกัน

ผู้แสดงความคิดเห็น คนแรมทาง (supansa_c-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2010-09-20 18:33:03 IP : 125.24.17.4


ความคิดเห็นที่ 120 (1390913)
avatar
คนแรมทาง
image

นอกจากเหล้าต้มเหล้าดองแล้ว ที่นี่ก็มีสินค้าผ้าทอสารพัดรูปแบบให้เลือกสรรกันค่ะ ดูเหมือนว่าชาวบ้านจะหันมาทอผ้ามากกว่าการต้มเหล้าเสียแล้ว

แม่เฒ่ากำลังนั่งทอผ้าอยู่ค่ะ เราอุดหนุนผ้าคลุมเตียงผืนใหญ่สำหรับเตียง 6 ฟุตจากแม่เฒ่ามาหนึ่งผืนในราคา 500 บาท ด้วยความชอบส่วนตัว ทั้งที่มีของอินเดียอยู่ตั้งหลายผืนแล้ว ยังใช้ไม่หมดเลย

ผู้แสดงความคิดเห็น คนแรมทาง (supansa_c-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2010-09-20 18:13:31 IP : 125.24.17.4


ความคิดเห็นที่ 119 (1390912)
avatar
คนแรมทาง
image

ท้องอิ่มกันเรียบร้อย พวกเราก็กลับเข้าที่พัก เพื่อเตรียมตัวออกเที่ยวรอบๆ เมืองหลวงพระบางกันต่อ

เมื่อวานหลังจากเปรียบเทียบราคาค่าเช่ารถเที่ยว 1 วันรอบๆ เมือง ระหว่างรถตู้ 1 คัน กับรถสกายแล็บ 2 คัน พวกเราตัดสินใจเลือกใช้รถตู้ ซึ่งเป็นรถคันที่เราจะเหมาไปส่งถึงเวียงจันทน์ในวันพรุ่งนี้ด้วย นัดเวลาเริ่มเที่ยวกันอีกที 8 โมงตรง รถตู้มารอรับที่โรงแรม แล้วก็เริ่มเที่ยวกันเลย

เราไปกันที่บ้านช่างไห เป็นหมู่บ้านที่ชำนาญการต้มเหล้าข้าวเหนียว (ดีกรีสูงประมาณเดียวกับเหล้าขาวบ้านเรา) แถมมีสารพัดสัตว์ดองอยู่ในขวดสร้างความโดดเด่นให้เหล้าดองขึ้นไปอีก (แต่สำหรับเรามันดูน่ากลัวนะ)

ผู้แสดงความคิดเห็น คนแรมทาง (supansa_c-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2010-09-20 18:06:31 IP : 125.24.17.4


ความคิดเห็นที่ 118 (1390903)
avatar
คนแรมทาง
image

พวกเรามาเจอกันที่จุดนัดพบ ร้านกาแฟประชานิยมค่ะ เป็นสภากาแฟแห่งแรกและแห่งเดียวของหลวงพระบางในสมัยก่อน ซึ่งยังคงอยู่คู่หลวงพระบางมาอย่างยาวนานจนถึงปัจจุบัน แม้ว่ารสชาติของกาแฟร้านประชานิยมจะไม่ได้อร่อยเลิศรสอะไรนัก แต่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ก็ต้องมาแวะชิมกาแฟของร้านในตำนานแห่งนี้สักแก้ว เดี๋ยวจะหาว่ามาไม่ถึงหลวงพระบางค่ะ

เช้านี้เราจะฝากท้องกันที่นี่แหละ สั่งเฝอร้านติดกันแล้วสั่งกาแฟร้านประชานิยม แค่คนละชามก็อยู่ท้องแล้วจ้ะ (จริงๆ มีอาหารเสริมที่หิ้วใส่ถุงมาจากตลาดอีกหลายอย่างด้วย)

ผู้แสดงความคิดเห็น คนแรมทาง (supansa_c-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2010-09-20 17:27:44 IP : 125.24.17.4


ความคิดเห็นที่ 117 (1390901)
avatar
คนแรมทาง
image

ตักบาตรกันเสร็จเรียบร้อย เราก็ไปเดินชมตลาดเช้ากัน

ข้าวของที่ขายในตลาดนี้มีทั้งพืชผักผลไม้ ซึ่งส่วนใหญ่ก็คล้ายคลึงกับบ้านเรา แต่ที่แปลกตากว่าก็คือบรรดาสารพัดสัตว์ ซึ่งบางอย่างไม่ค่อยได้เห็นตามตลาดบ้านเรา เช่น รังผึ้งและรังต่อ ที่มีตัวอ่อนๆ อยู่เต็ม งู นก หรือชิ้นส่วนต่างๆ ของควาย บางอย่างเราไม่เคยคิดว่ากินได้ด้วยซ้ำ อย่างเช่นค้างคาว

อาหารสำเร็จรูปก็มีขายค่ะ หลายๆ อย่างหน้าตาเหมือนของไทย แต่รสชาติอาจจะต่างไปบ้าง บางอย่างก็แปลกตาจนไม่กล้าลองค่ะ

แม่เฒ่าขายดอกพับพึง

แล้วนี่ดอกอะไรอ่ะ สวยดี สีสันสดใส แต่ไม่รู้จักชื่อค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น คนแรมทาง (supansa_c-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2010-09-20 17:00:45 IP : 125.24.17.4


ความคิดเห็นที่ 116 (1390861)
avatar
คนแรมทาง
image

กลับมาแล้วจ้ะ หลังจากปล่อยให้กระทู้นี้เงียบเหงามากว่าครึ่งเดือน ได้เวลากลับมาต่อแล้วจ้ะ คราวนี้ต้องปั่นให้เสร็จเสียที เพราะมีอีกหลายกระทู้รออยู่จ้ะ ว่าแล้วก็ไปเริ่มต้นวันใหม่ในหลวงพระบางด้วยการทำบุญตักบาตรกันเลย

วันที่ 6 วันเสาร์ที่ 26 มิถุนายน 2553  :  หลวงพระบาง (Luang Prabang)

วันนี้พวกเรามีโปรแกรมเที่ยวหลวงพระบางกันต่ออีกหนึ่งวันเต็มๆ ค่ะ เปิดโปรแกรมกันแต่เช้ามืด ไปตักบาตรข้าวเหนียวเพื่อเป็นสิริมงคลกันค่ะ ออกจากที่พักกันตั้งแต่ตี 5 ครึ่ง มีรถสกายแล็บมารอดักเรียกลูกค้าตามหน้าโรงแรมที่พักเพื่อพาไปตักบาตร และเที่ยวตลาดเช้าอยู่แล้วค่ะ

คุณลุงคนขับรถคันที่พวกเราเรียกมา จัดการพาเราไปส่งที่หน้าร้านขายข้าวเหนียวสำหรับใส่บาตรอย่างรู้งาน แถมยังเตือนด้วยว่าถ้ามีคนเดินเอาข้าวเหนียวมาเติมใส่กระติ๊บให้ อย่ารับ เพราะเค้าจะคิดเงิน ยกเว้นว่าเราต้องการเพิ่มเอง

ที่ร้านขายข้าวเหนียวจะมีผ้าสไบไว้ให้นักท่องเที่ยวยืมด้วย เพราะตามธรรมเนียมปฎิบัติของลาวเวลาตักบาตร ผู้หญิงจะต้องนุ่งผ้าและพาดสไบเฉียงด้วย ส่วนผู้ชายก็นุ่งกางเกงขายาวและพาดสไบเฉียงเช่นกัน สำหรับนักท่องเที่ยวอย่างพวกเรา ขอแค่แต่งตัวสุภาพมิดชิด แล้วพาดสไบเฉียงที่ทางร้านมีเตรียมไว้ให้ยืมก็พอแล้ว 

จัดแจงซื้อข้าวเหนียวกันเรียบร้อย บางคนก็เลือกกระติบใหญ่ 100 บาท บางคนก็เลือกกระติบขนาด 50 บาท แล้วก็เลือกผ้าสไบตามสีและลายที่ชอบใจ พาดสไบกันเรียบร้อย เจ้าของร้านก็ปูเสื่อรอท่าไว้ให้เป็นอย่างดี เข้าประจำที่ได้ มองเห็นพระสงฆ์และสามเณรเดินแถวใกล้เข้ามาแล้ว

อย่างหนึ่งที่เพิ่งรู้ก็คือ พระและเณรท่านเดินกันเร็วมากๆ เร็วจนพวกเราตักบาตรกันแทบไม่ทัน ต่างจากชาวลาวทั้งพ่อเฒ่าแม่แก่และสาวๆ ที่ใช้มือปั้นข้าวเหนียวใส่บาตรได้อย่างรวดเร็วช่ำชอง

ที่ร้านนี้หวังดี และเข้าใจอารมณ์นักท่องเที่ยวมากๆ มีทัพพีตักข้าวเตรียมไว้ให้ด้วย พวกเราเลยตักบาตรเสร็จกันอย่างรวดเร็ว ทั้งที่ข้าวเหนียวกระติบใหญ่ๆ ที่พวกเราซื้อ ขนาดก็เท่ากับที่ชาวลาวนำมาตักบาตรนะ แต่เค้าใช้มือหยิบปั้นเป็นกองเล็กๆ น่ะ เลยใส่บาตรพระได้เป็นร้อยรูป ในขณะที่พวกเราใช้ทัพพีตักใส่ได้ไม่ถึง 20 รูป ความจริงที่ร้านเค้าน่าจะเตรียมถ้วยหรือแก้วใส่น้ำไว้ให้จุ่มมือ เพื่อให้พวกเราใช้มือหยิบข้าวเหนียวใส่บาตรเหมือนชาวลาวมากกว่านะ น่าจะได้สัมผัสวิถีของการตักบาตรข้าวเหนียว ณ หลวงพระบางมากกว่า แต่ก็ไม่เป็นไรนะ ทำบุญตักบาตรนั้นอยู่ที่ใจค่ะ ถ้าใจเราเป็นบุญ เราก็ได้บุญแล้ว

ไปแอบดูแม่หญิงลาวตักบาตรบ้างดีกว่าค่ะ ทุกคนจะมีแก้วน้ำตั้งไว้เพื่อจุ่มมือ และลีลาการปั้นข้าวเหนียวของแม่หญิงลาวนั้นคล่องแคล่วมากๆ แสดงให้เห็นเลยว่าเค้าออกมาตักบาตรอย่างนี้กันทุกวัน เป็นวิถีชีวิตที่น่ารักมากๆ ค่ะ (ถึงจะตกใจกับจังหวะการเดินของพระสงฆ์และสามเณร ที่รวดเร็วว่องไวไปสักหน่อย แต่เวลาที่มองแม่หญิงลาวใส่บาตรแล้ว นี่คือวิถีปกติที่ไม่แปลกเลยค่ะ)

ผู้แสดงความคิดเห็น คนแรมทาง (supansa_c-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2010-09-20 14:18:24 IP : 125.24.17.4


ความคิดเห็นที่ 115 (1388549)
avatar
คนแรมทาง
image

ชมตลาดกันจนพอสมควรแก่เวลา พ่อค้าแม่ขายเริ่มทยอยกันเก็บของแล้ว ได้เวลาต้องกลับมานอนหลับพักผ่อนกันเสียที แต่มีปัญหาอยู่ที่ว่า เมื่อตอนบ่ายที่ออกมาเที่ยวกัน พี่ต่วนกับเจ้าตาลอยากปั่นจักรยานชมเมือง เลยไปหาเช่าจักรยานแถวที่พัก แต่ร้านใกล้ๆ ดันปิด กว่าจะได้จักรยานก็ห่างจากที่พักเป็นกิโล พอตอนจะกลับก็ต้องปั่นจักรยานจากที่นี่ไปคืนที่ร้าน แล้วก็เดินกลับโรงแรมกัน ขามาพี่ต่วนกับตาลขี่มาคนละคัน แต่ขากลับนี่มี 4 คน จะแยกกันกลับก็ไม่ใช่ที่ควร เลยต้องนั่งซ้อนท้ายกันมาอย่างลุ้นระทึก ที่นั่งคนซ้อนก็ไม่มีเบาะซะด้วย เป็นเหล็กแข็งๆ แบบว่าตกหลุมกระแทกทีก้นแทบพัง พวกเราเลยใช้ถุงเสื้อผ้าที่ซื้อมารองก้นกันกระแทบไว้หน่อย คันแรกพี่ปลาขี่นุ้ยซ้อน อีกคันเจ้าตาลขี่พี่ต่วนซ้อน ถึงจะทุลักทุเลไปหน่อย แต่ในที่สุดเราก็กลับถึงที่พักโดยสวัสดิภาพค่ะ

คืนนี้พระจันทร์เกือบเต็มดวง พรุ่งนี้เช้าเป็นวันพระ และพวกเราก็จะไปตักบาตรข้าวเหนียวกันด้วย ดีจัง ได้ทำบุญตักบาตรในวันพระที่หลวงพระบาง (แต่ยังงงอยู่ว่าสรุปแล้ว วันพระลาว กับวันพระไทยตรงกันหรือเปล่า ถ้าไม่ตรงกัน แล้วของใครก่อนใครหลังอ่ะ)

ผู้แสดงความคิดเห็น คนแรมทาง (supansa_c-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2010-09-01 15:09:43 IP : 125.24.39.244


ความคิดเห็นที่ 114 (1388548)
avatar
คนแรมทาง
image

ได้เวลากราบลาพระธาตุพูสีกันแล้ว ถ้ารอมืดกว่านี้เดี๋ยวจะลำบากค่ะ เพราะไม่ได้พกไฟฉายมาด้วย ยังต้องเดินลงบันไดอีกตั้ง 328 ขั้นกว่าจะถึงด้านล่าง พอลงมาถึงก็ได้เห็นบรรยากาศตลาดมืดเต็มๆ ตาค่ะ

มีข้าวของมากมายหลากหลายชนิด แต่นักจะเป็นของที่ขายซ้ำๆ กันหลายร้าน บางทีดูแล้วก็แยกไม่ออกว่า 2-3 ร้านที่ขายอยู่นั้น ของต่างกันยังไง หรือรับมาจากแหล่งผลิตเดียวกันแล้วต่างคนต่างขายก็ไม่รู้นะ มีน้อยอย่างมากที่จะขายแค่ร้านเดียว

มื้อค่ำคืนนี้พวกเราตกลงกันว่าจะแยกย้ายกันหากินเอง ใครจะเดินช็อปปิ้งก่อนแล้วค่อยกิน หรือจะกินก่อนค่อยช็อปก็ตามอัธยาศัย ใครเสร็จก่อนจะกลับไปนอนพักก็เรียกรถสกายแล็บตรงสุดตลาดได้เลย

คืนนี้แก๊งค์ 4 สาวจะเดินชมตลาดกัน (พี่ต่วน พี่ปลา นุ้ยและเจ้าตาล) ก่อนอื่นก็ต้องเติมพลังกันก่อน เดินเลือกร้านน่านั่งอยู่แป๊บนึง แล้วก็ตกลงใจกันที่ร้านโคโคนัทค่ะ ร้านดูโปร่งๆ เป็นเรือนปูน ประตูหน้าต่างไม้ ดูอบอุ่นดี อาหารรสชาติใช้ได้ค่ะ

พอกินอิ่มแล้วก็ได้เวลาเดินชมตลาดค่ะ สุดท้ายก็ไม่ได้อะไรนอกจากเสื้อยืดที่สกรีนข้อความหลากหลายสไตล์หลวงพระบาง ซึ่งดูจะเป็นของฝากและของที่ระลึกยอดฮิตสำหรับคนที่มาถึงที่นี่ ประมาณว่าฉันได้มาถึงแล้วนะ งานนี้สอยมาคนละหลายตัวค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น คนแรมทาง (supansa_c-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2010-09-01 14:51:57 IP : 125.24.39.244


ความคิดเห็นที่ 113 (1388545)
avatar
คนแรมทาง
image

อีกไม่กี่นาทีต่อมา พระอาทิตย์ก็เริ่มอัสดง และค่อยๆ ดับแสงลงในที่สุดค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น คนแรมทาง (supansa_c-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2010-09-01 14:25:43 IP : 125.24.39.244


ความคิดเห็นที่ 112 (1388544)
avatar
คนแรมทาง
image

กราบพระสักการะพระธาตุที่สำคัญที่สุดในเมืองหลวงพระบางกันแล้ว เราก็มาจับจองที่นั่งรอชมพระอาทิตย์ตกกันค่ะ นอกจากพวกเราแล้วก็ยังมีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติอีกจำนวนหนึ่งด้วย ประเมินจากสายตาน่าจะมีราวๆ 30-40 คน แต่แม่ค้าที่ขายบายศรีบอกว่าวันนี้คนน้อยแล้วนะ
ผู้แสดงความคิดเห็น คนแรมทาง (supansa_c-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2010-09-01 14:22:56 IP : 125.24.39.244


ความคิดเห็นที่ 111 (1388541)
avatar
คนแรมทาง
image

เข้าไปกราบสักการะประธานในโบสถ์กันก่อน

แล้วก็ไปสักการะองค์พระธาตุกัน เครื่องสักการะของลาวคือบายสีทำจากใบตองประดับด้วยดอกดาวเรือง แทนพวกมาลัยของบ้านเราค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น คนแรมทาง (supansa_c-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2010-09-01 14:13:13 IP : 125.24.39.244


ความคิดเห็นที่ 110 (1388540)
avatar
คนแรมทาง
image

มาแล้วๆ มาพาขึ้นวัดพระธาตุพูสีต่อค่ะ ค่อยๆ เดินขึ้นมาเรื่อยๆ เหนื่อยก็หยุดพักบ้าง รวมแล้ว 328 ขั้น เราก็มาถึงแล้วค่ะ วัดพระธาตุพูสี วัดนี้เสียค่าขึ้นชม 20,000 กีบเช่นกันค่ะ

จากวัดนี้สามารถมองเห็นวิวมุมสูงของหลวงพระบางได้อย่างดีค่ะ โดยมีแม่น้ำโขงและแม่น้ำคานเป็นเส้นเลือดของชาวหลวงพระบาง

ผู้แสดงความคิดเห็น คนแรมทาง (supansa_c-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2010-09-01 14:04:49 IP : 125.24.39.244


ความคิดเห็นที่ 109 (1388496)
avatar
คนแรมทาง

ระหว่างนี้ก็เดินขึ้นบันไดกันไปเรื่อยๆ ก่อนนะคะ แล้วจะเอาภาพพระอาทิตย์ตก ณ หลวงพระบางมาให้ชมกันค่ะ :)

คืนนี้ง่วงแล้วอ่ะ ฝันดีราตรีสวัสดิ์นะคะทุกคน

ผู้แสดงความคิดเห็น คนแรมทาง (supansa_c-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2010-08-31 23:47:34 IP : 125.24.29.29


ความคิดเห็นที่ 108 (1388494)
avatar
คนแรมทาง
image

ก่อนจะมุ่งหน้าสู่จุดหมายสุดท้ายของวันนี้ คือการไปชมพระอาทิตย์ตกที่วัดพระธาตุพูสีค่ะ

ทางขึ้นพระธาตุพูสีซึ่งตั้งอยู่บนภูเขา อยู่ตรงข้ามพิพิธภัณฑ์ค่ะ พอช่วงเย็นๆ ถนนสายนี้ก็จะกลายเป็นถนนคนเดิน หรือที่เรียกกันว่าตลาดมืดค่ะ แต่ยังไม่ทันมืดพ่อค้าแม่ขายก็มาเตรียมตั้งร้านกันแล้ว

แต่ก่อนที่จะชมสินค้ากันติดลม เราต้องรีบพากันขึ้นสู่ยอดพระธาตุพูสีก่อนค่ะ

ขึ้นมาได้ 138 ขั้นแล้วค่ะ

ต้องขึ้นไปอีก 190 ขั้นค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น คนแรมทาง (supansa_c-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2010-08-31 23:39:03 IP : 125.24.29.29


ความคิดเห็นที่ 107 (1388493)
avatar
คนแรมทาง
image

ออกจากวัดอาฮาม เราก็มาแวะชมภาพเขียนของศิลปินอิสระริมฝั่งโขงกันครู่หนึ่ง
ผู้แสดงความคิดเห็น คนแรมทาง (supansa_c-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2010-08-31 23:25:03 IP : 125.24.29.29


ความคิดเห็นที่ 106 (1388492)
avatar
คนแรมทาง
image

ติดกันกับวัดวิชุนนะราช คือวัดอาฮาม ซึ่งเป็นวัดเล็กๆ เสียค่าเข้าชม 20,000 กีบเหมือนกัน พวกเราก็เลยชมแต่ด้านนอกค่ะ ไม่ได้เข้าไปในโบสถ์ (ค่าเข้าชมสถานที่เป็นอย่างหนึ่งที่เราพลาด เพราะไม่ได้คิดมาก่อนเลยว่าจะต้องจ่ายทุกที่ ทุกวัดและราคาสูงขนาดนี้)

ผู้แสดงความคิดเห็น คนแรมทาง (supansa_c-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2010-08-31 23:17:04 IP : 125.24.29.29


ความคิดเห็นที่ 105 (1388491)
avatar
คนแรมทาง
image

โบสถ์ หรือสิมของวัดวิชุนนะราชก็แปลกตากว่าวัดใด แต่ภายในงดงามค่ะ โดยนักโบราณคดีเชื่อว่าได้รับอิทธิพลมาจากทางไทลื้อของสิบสองปันนา

ภายในประดิษฐานพระประธานองค์ใหญ่ และมีของโบราณเก็บรักษาไว้หลายอย่างค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น คนแรมทาง (supansa_c-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2010-08-31 23:05:40 IP : 125.24.29.29


ความคิดเห็นที่ 104 (1388488)
avatar
คนแรมทาง
image

บ่าย 4 โมงเย็นตามเวลานัดหมาย ได้เวลาแดดร่มลมตกเราก็ออกเที่ยวกันต่อค่ะ ความจริงแล้วที่หลวงพระบางมีวัดเยอะแยะมากมายเหลือเกิน ถ้าจะเที่ยวให้ครบทุกวัดคงต้องใช้เวลา 2-3 วัน แต่ในเมื่อเราไม่ได้มีเวลามากขนาดนั้น และอากาศร้อนๆ ก็ไม่เป็นใจในการเที่ยวเท่าไหร่ เราก็เลยเลือกวัดเด่นๆ สำคัญๆ ที่มาแล้วไม่ควรพลาดเท่านั้นค่ะ

มาเริ่มกันที่วัดวิชุนนะราช ซึ่งชื่อวัดมาจากชื่อของเจ้ามหาชีวิตวิชุลราช ซึ่งเป็นผู้โปรดให้สร้างวัดนี้ขึ้น วัดนี้เป็นวัดสำคัญที่เกี่ยวเนื่องกับประวัติศาสตร์ลาวหลายประการ เสียค่าเข้าชม 20,000 กีบด้วยค่ะ

ที่วัดนี้มีรูปลักษณ์ที่แตกต่างจากวัดอื่นๆ มาก อย่างเช่นพระเจดีย์พระปทุม หรือพระเจดีย์บัวใหญ่ พระธาตุที่ว่ากันว่ามีอยู่องค์เดียวในประเทศลาว ซึ่งมีรูปทรงคล้ายแตงโม และด้วยเหตุนี้เอง ชาวลาวจึงเรียกว่า "ธาตุหมากโม"

ผู้แสดงความคิดเห็น คนแรมทาง (supansa_c-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2010-08-31 22:48:11 IP : 125.24.29.29


ความคิดเห็นที่ 103 (1388486)
avatar
คนแรมทาง
image

ความจริงพวกเราน่าจะใช้เวลาอยู่ในพิพิธภัณฑ์กันได้นานกว่านี้ แต่พอดีว่ากำลังจะได้เวลาพักเที่ยง เจ้าหน้าที่เลยค่อนข้างเร่งรีบในการนำชม เราจบที่การกราบนมัสการองค์พระบาง พระคู่บ้านคู่เมืองของลาว ที่หล่อด้วยสัมฤทธิ์ ปางห้ามสมุทร ตามศิลปะแบบเขมร

ออกจากพิพิธภัณฑ์ก็เที่ยงกว่าๆ แล้ว ได้เวลาท้องหิว เลยให้พลขับพาไปหาที่กินข้าวกลางวันกัน เลือกร้านริมแม่น้ำโขงซะด้วย เสียที่อากาศร้อนไปหน่อย เพราะแดดส่อง ยังดีที่มีลมพัดเป็นระยะ

พอหนังท้องตึง หนังตาก็หย่อน อากาศกลางวันก็ร้อน พวกเราก็เลยแวะเข้าบ้านพัก พาลุงป้าน้าอาไปพักผ่อนยามบ่ายซะหน่อย (มากับผู้สูงวัย ก็ต้องเข้าใจนะ)

ผู้แสดงความคิดเห็น คนแรมทาง (supansa_c-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2010-08-31 22:16:12 IP : 125.24.29.29


ความคิดเห็นที่ 102 (1388485)
avatar
คนแรมทาง
image

ทางเดินที่ทอดยาวเข้าสู่ตัวอาคารพิพิธภัณฑ์มีต้นตาลสูงใหญ่ยืนต้นตะหว่านเป็นลู่นำสายตาสู่ด้านในค่ะ

แล้วเราก็เข้าไปเที่ยวชมภายในพิพิธภัณฑ์กัน แต่ห้ามถ่ายรูปค่ะ เลยไม่มีภาพมาฝาก ทั้งกล้องและข้าวของสัมภาระทั้งหลายที่ติดตัวมาก็ต้องฝากไว้ในล็อคเกอร์ซึ่งมีกุญแจล็อคเรียบร้อย ฝากฟรีค่ะ เพราะที่นี่ไม่อนุญาติให้ถือของเข้าไปด้านใน 

และพอไม่มีรูปมาเป็นหลักฐานเตือนความทรงจำ นุ้ยก็เลยไม่สามารถจดจดรายละเอียดใดๆ ในพิพิธภัณฑ์ได้เลยค่ะ เพราะมีห้องมากมายหลายห้องเหลือเกิน

ผู้แสดงความคิดเห็น คนแรมทาง (supansa_c-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2010-08-31 21:42:23 IP : 125.24.29.29


ความคิดเห็นที่ 101 (1388484)
avatar
คนแรมทาง
image

มาต่อแล้วจ้ะ ออกจากวัดเชียงทอง เราก็ไปเที่ยวต่อกันที่พิพิธภัณฑ์แห่งชาติหลวงพระบางค่ะ

พิพิธภัณฑ์นี้ปรับปรุงมาจากพระราชวังหลวง และเปิดให้เข้าชมมาตั้งแต่ปี 2519 เป็นรูปแบบศิลปะผสมผสานระหว่างฝรั่งเศสและลาว เป็นอาคารรูปทรงโคโลเนียล

บัตรเข้าชมพิพิธภัณฑ์ราคา 30,000 กีบ ซื้อบัตรเรียบร้อยก็เข้ามาชมด้านในกันเลย เข้าประตูมาได้ไม่กี่ก้าวก็จะเห็นอนุสาวรีย์สัมฤทธิ์ขนาดใหญ่ของเจ้ามหาชีวิตศรีสว่างวงศ์อยู่ด้านซ้ายมือ ท่านเป็นผู้ครองราชย์ตั้งแต่ พ.ศ.2448 และเป็นผู้พระราชทานรัฐธรรมนูญฉบับแรกที่เขียนขึ้นโดยชาวลาวเมื่อพ.ศ.2490

ผู้แสดงความคิดเห็น คนแรมทาง (supansa_c-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2010-08-31 21:06:03 IP : 125.24.29.29


ความคิดเห็นที่ 100 (1388108)
avatar
คนแรมทาง
image

เต็มอิ่มกับความงดงามของวัดเชียงทองกันไปเรียบร้อย พวกเราก็เตรียมตัวออกเดินทางต่อ ราชรถมารอพร้อมอยู่แล้ว แต่พลขับหน้าตาเปลี่ยนไปอ่ะ...อิอิ เจ้าตาลชอบสวมรอยเป็นคนขับรถทุกประเภทค่ะ ไม่เชื่อลองไปติดตามดูกระทู้ทริปอื่นๆ ในแรมทางสู่อินเดียได้จ๊ะ มีภาพเจ้าตาลโพสท่ากับรถหลากหลายประเภททีเดียว

เอาล่ะ...คืนนี้ดึกมากแล้ว ขอพักก่อนนะจ๊ะ แล้วจะมาพาเที่ยวต่อจ้ะ ฝันดี ราตรีสวัสดิ์นะคะทุกคน :)

ผู้แสดงความคิดเห็น คนแรมทาง (supansa_c-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2010-08-28 00:56:12 IP : 125.24.24.232


ความคิดเห็นที่ 99 (1388106)
avatar
คนแรมทาง
image

กราบพระขอพรให้การเดินทางในครั้งนี้ราบรื่นปลอดภัยเรียบร้อย ออกมาด้านนอกพี่ปลาก็เรียกให้ไปถ่ายรูปจิตรกรรมฝาผนัง "ต้นทอง" เป็นจิตรกรรมบนฝาผนังสีแดงอิฐ อยู่ด้านหลังสิมวัดเชียงทอง ซึ่งทำจากกระจกโมเสกเป็นรูปต้นทอง (รูปลักษณ์คล้ายต้นโพธิ์) ที่ครั้งหนึ่งเคยมีขึ้นอยู่มากในบริเวณนี้จนเป็นที่มาของชื่อเมือง "เชียงดง-เชียงทอง"

ต้นทองนี้สร้างขึ้นตามคำสั่งของเจ้ามหาชีวิตศรีสว่างวัฒนา เพื่อให้ชาวบ้านได้ระลึกถึงชื่อเมืองเชียงทองว่ามีความเป็นมาอย่างไร บริเวณฝาผนังซ้ายและขวาเป็นภาพลายรดน้ำปิดทองบนพื้นสีดำ และบานป่องเยี่ยม (ประตู) ก็แกะสลักอย่างงดงามค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น คนแรมทาง (supansa_c-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2010-08-28 00:45:39 IP : 125.24.24.232


ความคิดเห็นที่ 98 (1388100)
avatar
คนแรมทาง
image

ชื่นชมความงดงามด้านนอกกันแล้ว เข้าไปชมความอลังการด้านในกันบ้าง

เข้าไปกราบนมัสการพระองค์หลวง พระประธานของวัดเชียงทองกันก่อน

ผู้แสดงความคิดเห็น คนแรมทาง (supansa_c-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2010-08-28 00:31:24 IP : 125.24.24.232


ความคิดเห็นที่ 97 (1388095)
avatar
คนแรมทาง
image

ออกจากหอน้อยมาก็ได้เวลาเข้าไปชมความงดงามอลังการของสิม หรือโบสถ์วัดเชียงทองกันแล้ว ที่นี่คืองานช่างพุทธศิลป์ตามศิลปะแบบหลวงพระบางอันสมบูรณ์ที่สุด จนได้รับการยกย่องให้เป็นอัญมณีแห่งสถาปัตยกรรมของลาว

อ่อนช้อยงดงามเหนือคำบรรยายค่ะ หลังคาสามชั้นแอ่นโค้งและลาดต่ำสไตล์หลวงพระบาง ผนังพื้นสีดำลงรักปิดทองตามเรื่องราวเกี่ยบกับพระพุทธศาสนา สวยจับใจค่ะ

ยอดแหลมๆ คล้ายกับปราสาทที่เห็นอยู่บนหลังคาวัดลาวนี้ ชาวลาวเรียกว่าช่อฟ้าค่ะ (ซึ่งไม่ใช่ช่อฟ้าในตำแหน่งเดียวกับวัดไทย แต่ใช้คำว่าช่อฟ้าเหมือนกัน) เป็นเอกลักษณ์หนึ่งของวัดลาวค่ะ สื่อความหมายถึงเขาพระสุเมรุที่รายล้อมด้วยเขาสัตบริภัณฑ์ 7 ชั้น วัดที่มีช่อฟ้า 17 ยอดเป็นวัดที่เจ้ามหาชีวิตสร้างขึ้น ถ้าน้อยกว่า 17 ยอดคือเชื้อพระวงศ์รองลงมาเป็นผู้สร้าง ถ้ามี 1-7 ยอด แปลว่าสามัญชนสร้างขึ้นคะ

ผู้แสดงความคิดเห็น คนแรมทาง (supansa_c-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2010-08-28 00:17:27 IP : 125.24.24.232


ความคิดเห็นที่ 96 (1388091)
avatar
คนแรมทาง
image

อ้าว...เพิ่งเห็นว่ามีแขกมาเยี่ยมชม ขอบคุณนะคะพี่นุกที่ยังคิดถึงกัน หวังว่าพี่ๆ ทุกคนคงสบายดีนะคะ :) ตอนจะไปลาวยังนึกถึงพี่นุกอยู่เลย ว่าจะโทรไปปรึกษาเสียหน่อย แต่สุดท้ายก็ช่วยกันวางแผนลุยเองค่ะ พาไปชมวัดกันต่อเลยนะ

จากหอพระพุทธไสยาสน์ ข้างๆ กันเป็นหอพระม่านค่ะ ตกแต่งเป็นลายวิถีชีวิตชาวหลวงพระบาง ภายในประดิษฐานพระม่าน หรือพระพม่า หนึ่งในสามพระพุทธรูปสำคัญของหลวงพระบาง (อีกสององค์คือ พระองค์แสน และพระบาง) ชาวลาวเชื่อกันว่าหากมาขอลูกกับพระม่านจะสมหวังค่ะ แต่หอพระม่านจะถูกปิดอยู่ตลอด และจะอัญเชิญออกมาตอนช่วงวันบุญขึ้นปีใหม่ให้ประชาชนได้สรงน้ำและกราบไหว้

พระพุทธรูปปางห้ามญาติองค์นี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชฯ พระราชทานแก่เจ้ามหาชีวิตศรีสว่างวงศ์ค่ะ ประดิษฐานอยู่ในหอไหว้น้อย หรืออูบมุง

ผู้แสดงความคิดเห็น คนแรมทาง (supansa_c-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2010-08-27 23:46:43 IP : 125.24.24.232


ความคิดเห็นที่ 95 (1388089)
avatar
คนแรมทาง
image

ถัดมาก็เดินไปชมหอพระพุทธไสยาสน์ เป็นหอสีกุหลาบ โดยรอบประดับดอกดวงด้วยภาพตัดจากนิทานพื้นบ้านเรื่อวท้าวสีสะหวาด วรรณกรรมชิ้นเอกของลาว

ภายในหอไหว้หลังนี้ประดิษฐานพระพุทธรูปหลายองค์ ที่สำคัญเป็นพระพุทธรูปปางไสยาสน์อายุเก่าแก่ 400 ปี ที่สร้างในสมัยพระเจ้าไชยเชษฐาธิราช ซึ่งฝรั่งเศสเคยอัญเชิญไปปารีส แต่มีการเจรจาขอคืนมาได้

และพระพุทธรูปปางสมาธิบนอาสนะสำหรับยกขอพรค่ะ

อธิษฐานขอพรแล้วก็ยกองค์พระกัน ตามความเชื่อคือถ้ายกพระขึ้นแปลว่าสิ่งที่อธิษฐานขอจะเป็นจริงค่ะ

ผนังรอบๆ ตกแต่งด้วยลายรดน้ำปิดทองบนพื้นสีดำ และพระองค์เล็กๆ (ตามความเชื่ออนันตพระพุทธเจ้า)

ผู้แสดงความคิดเห็น คนแรมทาง (supansa_c-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2010-08-27 23:17:49 IP : 125.24.24.232


ความคิดเห็นที่ 94 (1388088)
avatar
นุก
คิดถึงเลยแอบแวะเข้ามาดู ถ่ายรูปสวยวันสวยคืนเลยนะ...
ผู้แสดงความคิดเห็น นุก วันที่ตอบ 2010-08-27 23:15:24 IP : 124.120.204.7


ความคิดเห็นที่ 93 (1388080)
avatar
คนแรมทาง
image

วัดเชียงทองสร้างขึ้นตั้งแต่ปีพ.ศ. 2102 - 2103 ในสมัยพระเจ้าไชยเชษฐาธิราช และได้รับการบูรณะครั้งใหญ่ในสมัยเจ้ามหาชีวิตศรีสว่างวงศ์ และเจ้ามหาชีวิตศรีสว่างวัฒนา กษัตริย์สองพระองค์สุดท้ายของประเทศลาว และเป็นวัดเดียวในหลวงพระบางที่รอดพ้นจากการถูกเผาจากกบฎจีนฮ่อ

ทางเข้าวัดเชียงทองมีหลายประตูค่ะ รถจอดส่งพวกเราประตูด้านถนนสักกะลิน แล้วบอกว่าจะไปจอดรอรับด้านริมแม่น้ำ ค่าบัตรเข้าชม 20,000 กีบ

จากประตูที่เราเข้า จะผ่านโรงราชโกศ หรือโรงเมี้ยนโกศ ซึ่งสร้างในปีพ.ศ. 2505 สมัยเจ้ามหาชีวิตศรีสว่างวัฒนา เพื่อใช้เก็บรักษามรดกเก่าแก่ของหลวงพระบาง และโกศเจ้ามหาชีวิตศรีสว่างวัฒนา พระราชมารดา และพระเจ้าอา

ความพิเศษของโรงราชโกศแห่งนี้คือประตูด้านหน้าตั้งแต่สีหน้าลงมาจนถึงพื้นสามารถถอดออกเพื่อให้ราชรถภายในเคลื่อนออกมาได้ค่ะ

ลวดลายบนบานประตูแกะสลักเรื่องราวในวรรณคดีรามเกียรติ์ตอนสำคัญๆ เช่นตอนพิเภกกำลังบอกความลับเรื่องที่ซ่อนหัวใจของทศกัณฐ์กับพระราม หรือตอนทศกัณฐ์ต้องศรพระรามเสียบหัวใจ

เดิมบานประตูนี้ใช้เทคนิคลงรักปิดทอง แต่พอมีการบูรณะใหม่จึงทาสีทองทั้งหมด ภายในโรงราชโกศมีราชรถไม้แกะสลักปิดทองคำเปลวรอบคัน ประทับด้วยพระโกศสามองค์ องค์ตรงกลางเป็นของเจ้ามหาชีวิตศรีสว่างวัฒนา ด้านหลังเป็นของพระราชมารดา ส่วนด้านหน้าเป็นของพระเจ้าอา

บริเวณโดยรอบ มีพระพุทธรูปไม้แกะสลักที่นำมาจากวัดร้างต่างๆ ทั่วหลวงพระบาง และงานศิลป์ประดับดอกดวงเกี่ยวกับศาสนาต่างๆ มากมาย

ผู้แสดงความคิดเห็น คนแรมทาง (supansa_c-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2010-08-27 22:27:39 IP : 125.24.24.232


ความคิดเห็นที่ 92 (1388072)
avatar
คนแรมทาง
image

จริงๆ แล้วโปรแกรมของวันนี้ ตั้งแต่ว่าจะเดินหรือปั่ยจักรยานเที่ยวหลวงพระบางกัน แต่จากการประเมินสถานการณ์ช่วงราวๆ ชั่วโมงที่เดินกันมาดูแล้วคาดว่าไม่น่าจะไหว เลยต้องเปลี่ยนแผนหันไปพึ่งรถสกายแล็บแทนค่ะ

พี่ปลากับเจ้าตาลไปเจรจาเรื่องราคาค่ารถ แล้วก็สรุปว่าเราจะเหมารถ 2 คันเที่ยวกันในเมืองหลวงพระบางวันนี้ ราคาคันละ 150,000 กีบค่ะ ก็ประมาณ 600 บาท

หลังจากนั่งพักให้หายเหนื่อย จิบชากาแฟที่ร้านประชานิยมจนเย็นใจ เราก็พร้อมออกตะลุยหลวงพระบางกันแล้ว ราชรถพาไปที่วัดเชียงทองเป็นที่แรกค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น คนแรมทาง (supansa_c-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2010-08-27 21:22:29 IP : 125.24.24.232





Copyright © 2007-2037 สงวนลิขสิทธิ์ภาพและบทความที่จัดทำขึ้นโดยเว็บไซต์ ห้ามลอกโดยเด็ดขาด