|
เที่ยวหลวงพระบาง | |
วันแรมทาง |
พวกเราออกเดินทางจากสถานีรถไฟหัวลำโพง นั่งรถไฟ สายกรุงเทพ-หนองคาย มุ่งหน้าสู่สถานีรถไฟหนองคาย โดยมีจุดมุ่งหมายอยู่ที่ เวียงจันทน์ วังเวียง และหลวงพระบาง |
ผู้ตั้งกระทู้ วันแรมทาง :: วันที่ลงประกาศ 2010-06-22 07:06:19 IP : 110.49.205.140 |
ความคิดเห็นที่ 91 (1388071) | |
คนแรมทาง | เดินกันมาจนได้เหนื่อย เราก็มาถึงที่นี่... ร้านกาแฟประชานิยมค่ะ |
ผู้แสดงความคิดเห็น คนแรมทาง (supansa_c-at-hotmail-dot-com) วันที่ตอบ 2010-08-27 21:09:03 IP : 125.24.24.232 |
ความคิดเห็นที่ 90 (1388070) | |
คนแรมทาง | หน้าสำนักงานสายการบินลาวค่ะ ไม่ได้บินกับเค้าเหรอ แต่คราวต่อไปก็ไม่แน่นะ...อิอิ |
ผู้แสดงความคิดเห็น คนแรมทาง (supansa_c-at-hotmail-dot-com) วันที่ตอบ 2010-08-27 21:03:29 IP : 125.24.24.232 |
ความคิดเห็นที่ 89 (1388068) | |
คนแรมทาง | ส่วนเมนูนี้ยอดฮิตมากๆ สำหรับหมู่คณะ ลูกตะขบค่ะ หวานเจี๊ยบได้ใจ อาม่าภูมิใจนำเสนอค่ะ แต่ตะขบบ้านเราไม่หวานเหมือนที่ลาวนะ ตลอดทางที่เดินไป มีลูกตะขบแดงๆ เตะตาและมือเอื้อมถึงเป็นไม่ได้ ชาวคณะจัดการเก็บเรียบค่ะ |
ผู้แสดงความคิดเห็น คนแรมทาง (supansa_c-at-hotmail-dot-com) วันที่ตอบ 2010-08-27 20:55:06 IP : 125.24.24.232 |
ความคิดเห็นที่ 88 (1388067) | |
คนแรมทาง | เติมพลังกันเสร็จพวกเราก็ออกเดินเที่ยวกันต่อ ชมวิถีชีวิตชาวลาวไปเรื่อยๆ แล้วก็ชิมอาหารลาวไปด้วยในตัว น้ำเต้าหู้ร้อนและเย็น ร้านนี้อร่อยดีค่ะ แบบเย็นใส่น้ำแข็งใส่เครื่อง แล้วคนให้เข้ากัน หวานเย็นชื่นใจ |
ผู้แสดงความคิดเห็น คนแรมทาง (supansa_c-at-hotmail-dot-com) วันที่ตอบ 2010-08-27 20:43:54 IP : 125.24.24.232 |
ความคิดเห็นที่ 87 (1388065) | |
คนแรมทาง | วันที่ 5 วันศุกร์ที่ 25 มิถุนายน 2553 : หลวงพระบาง (Luang Prabang) พวกเรานัดรวมพลกัน 7 โมงเช้า เดินออกไปหาอาหารเช้ากินกันแถวหน้าโรงแรม แล้วก็เจออาหารยอดฮิตสำหรับมื้อเช้าของชาวลาว คือ "เฝอ" ค่ะ แต่ร้านข้างๆ ที่พักซึ่งดูจะเป็นที่นิยมมาก ที่นั่งไม่ว่างเลย พวกเราก็เลยข้างถนนมาฝั่งตรงข้ามที่พัก ซึ่งเป็นร้านบ้านๆ ไม่มีชื่อร้าน มีโต๊ะตั้งอยู่ไม่กี่โต๊ะ แต่ที่นั่งว่างสำหรับพวกเราค่ะ กินกันร้านนี้แหละ ที่นี่มี 2 เมนูค่ะ คือเฝอ กับข้าวเปียก ซึ่งต่างกันที่เส้น เฝอเป็นเส้นกลมๆ น้ำใส ส่วนข้าวเปียกเป็นเส้นแบน แต่ไม่ใหญ่เท่าเส้นใหญ่บ้านเรา และมีเครื่องปรุงบางอย่างใส่มาด้วย คล้ายๆ จะเป็นพวกเต้าเจี้ยวค่ะ ชิมทั้งสองอย่างแล้ว รสชาติโอเคนะคะ แต่โดยส่วนตัวชอบเฝอมากกว่า ใครอยากลองแบบไหนก็เลือกสั่งกันตามสะดวกค่ะ |
ผู้แสดงความคิดเห็น คนแรมทาง (supansa_c-at-hotmail-dot-com) วันที่ตอบ 2010-08-27 20:34:26 IP : 125.24.24.232 |
ความคิดเห็นที่ 86 (1387977) | |
คนแรมทาง | พวกเราถึงหลวงพระบางตอนประมาณทุ่มกว่าๆ ต่อโทรศัพท์ให้พลขับเจรจาถามทางกับคนที่เรือนสันติสุข ที่พักของพวกเราในหลวงพระบาง รถมาส่งพวกเราถึงหน้าเรือนพัก ซึ่งดูต่างจากภาพที่วาดไว้พอสมควร เราคิดว่าจะเป็นบ้านๆ หลังไม่ใหญ่โต และไม่คิดว่าจะอยู่ติดถนนใหญ่เลย แต่ก็ดีเหมือนกันจะได้เดินทางสะดวกเวลาออกไปเที่ยว เสียดายที่ลูกค้าเราติดภารกิจอยู่ต่างเมือง สรุปแล้วเลยไม่ได้เจอกัน (พระเทพรัตนฯ ท่านเสด็จเปิดสะพานมิตรภาพไทย-ลาวที่บ่อแก้ว ซึ่งแม่แก้วหนึ่งในลูกค้าเราบ้านอยู่บ่อแก้ว และดูท่าทางจะเป็นผู้อาวุโสซึ่งเป็นที่นับหน้าถือตาในพื้นที่พอสมควร เลยได้รับเกียรติให้ไปเฝ้ารับเสด็จด้วย ลูกสาวแม่แก้วที่เป็นเจ้าของเรือนสันติสุขก็เลยไปกับแม่ด้วยค่ะ) ห้องพักที่เรือนสันติสุขพอใช้ได้ เสียแต่ว่าต้องขึ้นๆ ลงๆ บันได และมีพื้นต่างระดับเยอะไปหน่อย แม้แต่ในห้อง จึงไม่เหมาะสำหรับผู้สูงวัยค่ะ ส่วนเรื่องความสะอาดถือว่าผ่าน บริการก็สมราคา เราจ่ายราคาพิเศษคืนละ 400 บาท แต่ราคาปกติรู้สึกจะ 500-600 บาทนะ จัดการเรื่องห้องพักกันจนลงตัว พวกเราก็ออกไปหาอาหารเย็นกินกันใกล้ๆ ที่พักนี่แหละ เดินถัดมาหน่อยเดียวเอง เมนูที่มาถึงหลวงพระบางแล้วไม่ควรพลาด คือสลัดผักน้ำค่ะ (ดูรายการโทรทัศน์แล้วเค้าบอกว่าเด็ดๆๆ และไม่ได้มีตลอดทั้งปีนะ มีเป็นฤดูกาลค่ะ ซึ่งก็โชคดีที่ตอนนี้เป็นฤดูกาลที่มีผักน้ำอยู่พอดี) ถ้าถามว่ารสชาติเป็นยังไง อร่อยสมคำล่ำลือมั้ย ตัวเองตัดสินไม่ได้น่ะ เพราะปกติเป็นประเภทลิ้นจรเข้ แถมไม่โปรดผักดิบสักเท่าไหร่ แต่จากการการันตีของหลายๆ คน บอกว่าอร่อยดี มีรสมันๆ และกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์ บรรยายไม่ถูกค่ะ ต้องหาโอกาสไปลองเองแล้วกันนะคะ หลังอาหารมื้อนี้ พวกเราก็กลับเข้าที่พัก และแยกย้ายกันนอนหลับพักผ่อน เก็บแรงไว้เที่ยวหลวงพระบางกันในวันพรุ่งนี้ ฝันดี ราตรีสวัสดิ์นะคะทุกคน |
ผู้แสดงความคิดเห็น คนแรมทาง (supansa_c-at-hotmail-dot-com) วันที่ตอบ 2010-08-27 00:29:05 IP : 125.24.86.10 |
ความคิดเห็นที่ 85 (1387976) | |
คนแรมทาง | ดีที่ช่วงบ่ายๆ ฝนตก ท้องฟ้ามีเมฆมาก ทำให้อากาศไม่ร้อนนัก ไม่งั้นคงแย่ เพราะรถไม่ได้เปิดแอร์ จริงๆ ช่วงแรกที่ออกจากวังเวียงมาก็เปิดนะ แต่พอถึงระยะที่ต้องขึ้นเขา พลขับก็ปิดแอร์ตลอด ระหว่างทางก่อนถึงหลวงพระบางพอสมควร เราเจอรถ VIP บัสคันที่จะไปเมืองอะไรสักอย่างที่เลยหลวงพระบางไป ซึ่งเจ้าหน้าที่เรียกถามว่ามีที่ว่างสำหรับพวกเรามั้ยจอดเสียอยู่ ถือเป็นโชคดีที่พวกเราไม่ได้ขึ้นรถคันนั้นมา เพราะเย็นมากแล้ว รถจอดเสียอย่างนี้ เมื่อไหร่ถึงจะไปต่อได้ก็ไม่รู้ |
ผู้แสดงความคิดเห็น คนแรมทาง (supansa_c-at-hotmail-dot-com) วันที่ตอบ 2010-08-27 00:16:15 IP : 125.24.86.10 |
ความคิดเห็นที่ 84 (1387974) | |
คนแรมทาง | มีของให้ช็อปปิ้งกันด้วย เป็นพวกผ้าพันคอ และกระเป๋าผ้า ป้าๆ เลือกกันได้หลายใบทีเดียว |
ผู้แสดงความคิดเห็น คนแรมทาง (supansa_c-at-hotmail-dot-com) วันที่ตอบ 2010-08-27 00:04:52 IP : 125.24.86.10 |
ความคิดเห็นที่ 83 (1387972) | |
คนแรมทาง | ออกจากภูเพียงฟ้ามากว่าชั่วโมง เราก็มาจอดแวะกันอีกทีที่ร้านอาหารวิวทะเลหมอก ที่นี่วิวสวยใช้ได้เหมือนกันนะ ถึงจะน้อยกว่าภูเพียงฟ้าหน่อย ห้องน้ำที่นี่ก็โอเค มุมนี้วิวที่เห็นจากหน้าห้องน้ำค่ะ |
ผู้แสดงความคิดเห็น คนแรมทาง (supansa_c-at-hotmail-dot-com) วันที่ตอบ 2010-08-26 23:53:32 IP : 125.24.86.10 |
ความคิดเห็นที่ 82 (1387971) | |
คนแรมทาง | อิ่มกันและ ได้เวลาบอกลาภูเพียงฟ้ากันแล้วจ้ะ ก่อนออกเดินทางก็เข้าห้องน้ำทำภารกิจส่วนตัวกันให้เรียบร้อยก่อน ที่นี่มีห้องน้ำหลายห้องนะ สะอาดด้วย แต่มีเด็กน้อยนั่งเก็บตังค์อยู่นะ ส่วนรถคันนี้น่ะ เป็นที่ชื่นชอบของหลายๆ คน รู้สึกว่าจะเป็นของเจ้าของร้านนะ แต่พี่ปลาขอยืมมาประกอบฉากวางมาดเป็นเจ้าของรถหน่อยนะ |
ผู้แสดงความคิดเห็น คนแรมทาง (supansa_c-at-hotmail-dot-com) วันที่ตอบ 2010-08-26 23:37:25 IP : 125.24.86.10 |
ความคิดเห็นที่ 81 (1387970) | |
คนแรมทาง | ได้เวลาเติมพลังกันแล้ว ที่นี่ทำอาหารค่อนข้างเร็วนะ รสชาติโดยรวมโอเค แต่บางอย่างติดเค็มไปหน่อยน่ะ อาหารที่นี่จานใหญ่ใช้ได้เลยค่ะ จานนี้ผัดไทกุ้งค่ะ ทุกอย่างดูดี ติดที่เค็มนี่แหละ สรุปรวมแล้วมื้อนี้จ่ายไป 380,000 กีบ (ก็ประมาณ 1,520 บาทค่ะ) |
ผู้แสดงความคิดเห็น คนแรมทาง (supansa_c-at-hotmail-dot-com) วันที่ตอบ 2010-08-26 23:27:38 IP : 125.24.86.10 |
ความคิดเห็นที่ 80 (1387968) | |
คนแรมทาง | ในความโชคร้าย มักจะมีโชคดีตามมาเสมอ ข้อดีของการใช้รถตู้ ซึ่งเท่ากับเป็นรถที่พวกเราเหมาคัน จะจอดจะแวะที่ไหนก็บอกได้เลย เราก็เลยเลือกที่จะแวะกินอาหารกลางวันกันที่ร้านภูเพียงฟ้า ซึ่งเจ้าของรีสอร์ทถาวรสุขแนะนำว่าวิวสวยมาก และก็สวยจริงๆ ดังที่เค้าว่า ไม่ผิดหวังเลยที่แวะที่นี่ เลือกสั่งอาหารตามที่อยากจะชิมกันตามอัธยาศัย ระหว่างรออาหาร พวกเราก็เดินชมวิวและเก็บภาพบรรยากาศกัน ร้านอาหารภูเพียงฟ้านี้ทำเลดีมาก ตั้งอยู่บนยอดภูสูง มองเห็นวิวโดยรอบได้อย่างสวยงาม อากาศเย็นๆ ลมพัดเอื่ยยๆ ได้ใจมากๆ |
ผู้แสดงความคิดเห็น คนแรมทาง (supansa_c-at-hotmail-dot-com) วันที่ตอบ 2010-08-26 23:14:02 IP : 125.24.86.10 |
ความคิดเห็นที่ 79 (1387962) | |
คนแรมทาง | เราเช่าจักรยานชั่งโมงละ 20 บาท หรือ 5,000 กีบ พอปั่นครบชั่วโมงก็เหนื่อยพอดี เอารถไปคืน แล้วก็กลับเข้าบ้านพักกัน สายมาส่งข่าวว่ารถจะมารับเร็วหน่อย เพราะรถบัสที่จองไว้จะมาถึงเร็วกว่าเวลา ทุกคนไม่มีปัญหา เพราะไม่ได้ทำอะไรกันอยู่แล้ว แต่รอเวลาไปขึ้นรถเท่านั้น ไปถึงท่ารถ หรือชื่ออย่างเป็นทางการว่าสถานีขนส่งโดยสารภายในและต่างประเทศ ก็เห็นว่ามีรถบัสใหญ่จอดอยู่คันหนึ่ง แต่เอเย่นต์ที่มาส่งเราบอกว่าคันนี้ไม่ใช่ที่เราจองไว้ ต้องรออีกคันหนึ่งที่กำลังจะมา เค้าช่วยขนของลงจากรถ แล้วก็จากไป พวกเราก็นั่งๆ ยืนๆ เดินๆ รอรถกันไปตามยถากรรม เวลาผ่านไปราวครึ่งชั่วโมง ก็ยังไม่มีวี่แววของรถบัส พอถามเจ้าหน้าที่ที่ท่ารถ เค้าก็โทรไปเช็คกับที่ไหนสักแห่ง แล้วก็ตอบเราว่ารถบัสอีกคันเสียอยู่ระหว่างทาง คงมาไม่ได้ ให้รอก่อนเดี๋ยวเค้าจะลองเช็ครถอีกสายหนึ่งให้ ซึ่งเป็นรถที่ผ่านหลวงพระบางไปอีกเมืองหนึ่ง พอรถคันนั้นผ่านมาก็ปรากฎว่าที่นั่งเกือบเต็มแล้ว เราพยายามติดต่อกับเอเย่นต์ที่มาส่ง แต่ด้วยเหตุฝนตกหนักเมื่อคืนทำให้สัญญาณโทรศัพท์มือถือทั้งหมดเสียหาย ไม่สามารถติดต่อได้ ถ้าเจ้าหน้าที่ว่าจะให้ทำยังไง เค้าก็แนะนำให้นั่งรถมินิบัส หรือรถตู้ (อีกแล้ว) เหตุผลเหมือนเดิม คือพวกเรามี 11 คน เต็มคันรถพอดี ออกได้เลย แต่ราคารถบัสที่เรายอมจ่ายแพงกว่ารถตู้ตั้ง 30,000 กีบเพราะหวังจะนั่งให้สบายล่ะ เค้าจะคืนแค่คนละ 10,000 เดียว เพราะเค้าบอกว่าที่ท่ารถได้แค่นั้น ส่วนต่างต้องไปทวงกับเอเย่นต์ ซึ่งค่ารถเข้าไปในเมืองก็ต้องจ่ายคนละ 10,000 กีบต่อเที่ยว ถึงจะส่งตัวแทนไปก็เถอะ ก็ต้องเสียเวลาอีก หลังจากเสียอารมณ์กับรถบัสลาวเป็นครั้งที่ 2 พวกเราก็ตัดสินใจไปรถตู้เพราะไม่ต้องการเสียเวลา ถ้ารู้ว่าต้องนั่งรถตู้อีกตามเคย ก็ออกเดินทางกันเสียแต่เช้าแล้ว จะให้รอทำไมตั้งครึ่งวันเนี่ย เสียเวลาเที่ยวหลวงพระบางอ่ะ และจนแล้วจนรอดคณะเราก็ไม่ได้ทดลองนั่งรถบัสลาว มันยากเย็นอะไรตรงไหนเนี่ย แค่อยากจะนั่งรถบัสน่ะ คันนี้แหละ ราชรถที่จะพาพวกเราสู่หลวงพระบาง |
ผู้แสดงความคิดเห็น คนแรมทาง (supansa_c-at-hotmail-dot-com) วันที่ตอบ 2010-08-26 22:29:26 IP : 125.24.86.10 |
ความคิดเห็นที่ 78 (1387958) | |
คนแรมทาง | ภารกิจเสร็จสิ้นก็ได้เวลาเที่ยวเล่นตามอัธยาศัย พี่ปลากับเจ้าตาลเค้าตั้งอกตั้งใจไปหาซื้อหมวกลาวใส่ขี่จักรยาน เพราะเห็นอาม่าปี๊ดซื้อมาเมื่อวาน แถมยังซื้อคนละร้านเพื่อเป็นการกระจายรายได้ให้เค้าด้วยนะ |
ผู้แสดงความคิดเห็น คนแรมทาง (supansa_c-at-hotmail-dot-com) วันที่ตอบ 2010-08-26 22:05:20 IP : 125.24.86.10 |
ความคิดเห็นที่ 77 (1387956) | |
คนแรมทาง | มาเข้างานต่อแล้วจ้า....หายไปกว่าอาทิตย์ ไม่รู้ว่ายังจะมีใครติดต่อชมอยู่หรือเปล่านะ แต่ยังไงก็ต้องมาต่อให้จบค่ะ เพราะยังมีจ่อรอคิวอยู่อีกหลายกระทู้เลย (มีใครรับจ้างลงกระทู้บ้างมั้ยเนี่ย...555) ปิดฉากระทึกใจที่วังเวียงไปแล้ว มาเดินทางต่อสู่หลวงพระบางกันเลยดีกว่าค่ะ วันที่ 4 วันพฤหัสบดีที่ 24 มิถุนายน 2553 : วังเวียง (Vongvieng) - หลวงพระบาง (Luang Prabang) เมื่อตอนเช้ามืดฝนตกหนัก และฟ้าแรงมาก จนถึงเช้าก็ยังตกพรำๆ อยู่ ระดับน้ำในแม่น้ำซองสูงขึ้นกว่าเมื่อวานอีก พยายามไปส่องดูสะพานที่เรือชนเมื่อวาน แต่มองไม่เห็น กระแสข่าวบอกว่ามันพังไปแล้ว เพราะเมื่อวานเค้าต้องเลื่อยเสาสะพานเพื่อเอาเรือออก แต่บางคนก็บอกว่าเวลาที่น้ำมากขึ้น สะพานนั้นก็จะพังอยู่แล้วเป็นปกติ เพราะเป็นสะพานชั่วคราว ไม่ได้แข็งแรงอะไรนัก ถึงจะไม่ได้เห็นกับตาว่าสะพานยังอยู่มั้ย พังหรือเปล่า หรือว่าแค่จมอยู่ใต้น้ำ แต่ถ้าดูจากกระแสน้ำที่ไหลแรงขนาดนี้ สะพานก็คงจะต้านไม่ไหวแน่ๆ พวกเราออกมากินอาหารเช้ากันตามระเบียบ และจะมีเวลาว่างไปจนถึงประมาณ 11 โมง เพราะรถจะออกเที่ยง เติมพลังเรียบร้อยก็เลยต่างคนต่างแยกย้ายไปทำกิจกรรมตามอัธยาศัย ใครจะพักผ่อนนอนเล่นรอเวลา หรือจะเดินเล่นในเมืองชมเมืองก็แล้วแต่ชอบ ส่วนพวกเราสามสาว เลือกจะออกไปเช่าจักรยานปั่นรอบๆ บริเวณนี้กัน แล้วก็ไปหาที่แลกเงินด้วย เพราะเงินกีบในมือเหลือน้อยแล้ว เพราะฝนยังตกๆ หยุดๆ อยู่ ชุดปั่นจักรยานของพวกเราก็เลยหน้าตาเป็นอย่างนี้แหละ ที่นี่คือธนาคารส่งเสริมกสิกรรมค่ะ น่าจะประมาณเดียวกับธนาคาร ธกส. บ้านเรา ขอบอกเลยว่าไม่ควรแลกเงินที่นี่ เพราะอัตราแลกเปลี่ยนไม่ดีเหมือนธนาคารอื่นๆ แต่ด้วยความไม่แน่ใจว่าจะหาธนาคารอื่นเจอมั้ย ก็เลยแลกกันเหนียวไว้หน่อย พอปั่นจักรยานมาอีกสักพักก็เจออีกธนาคารหนึ่งที่เรทดีกว่า คิดแล้วเคืองตัวเองจริงๆ แต่คิดเป็นเงินไทยแล้วก็ต่างกันไม่กี่บาทหรอกนะ ว่าแล้วก็แลกไว้อีกหน่อยนะ เพราะไม่รู้ว่าข้างหน้าจะเจออะไรอีกบ้าง |
ผู้แสดงความคิดเห็น คนแรมทาง (supansa_c-at-hotmail-dot-com) วันที่ตอบ 2010-08-26 21:53:23 IP : 125.24.86.10 |
ความคิดเห็นที่ 76 (1386826) | |
คนแรมทาง | ขออภัยนะคะป้ามีนที่ทำให้ค้าง ช่วงนี้อยู่คนเดียวค่ะ เลยวุ่นวายมากเป็นพิเศษ เวลาแต่ละวันมันดูจะไม่ค่อยพอใช้ค่ะ กว่าจะว่างได้เริ่มลงกระทู้ก็ดึกแทบทุกที แต่คืนนี้ขอพลัดไปก่อนนะคะ สัญญาว่ามีต่อแน่นอนค่ะ....ยังไม่ถึงหลวงพระบางหัวใจของทริปนี้เลยอ่ะ แต่ขอหนูเตรียมความพร้อมทริปที่ป้ามีนจะเดินทางวันเสาร์นี้ให้เรียบร้อยก่อนนะจ๊ะ ทีมงานไม่ได้บินไปพร้อมกันอ่ะ เลยต้องจัดการทุกอย่างให้รอบครอบเป็นพิเศษค่ะ |
ผู้แสดงความคิดเห็น คนแรมทาง (supansa_c-at-hotmail-dot-com) วันที่ตอบ 2010-08-18 23:17:15 IP : 125.24.42.220 |
ความคิดเห็นที่ 75 (1386564) | |
ป้ามีน | "อ้าว...กำลังเพลิน จะมีต่ออีกไหมนี่ ค้างอีก เหมือนเดิม ง่า (ทำหั้ยยาก ละจากไป ) |
ผู้แสดงความคิดเห็น ป้ามีน (jasmineold-at-hotmail-dot-com)วันที่ตอบ 2010-08-17 10:31:30 IP : 125.27.97.192 |
ความคิดเห็นที่ 74 (1386540) | |
คนแรมทาง | เข้าห้องพัก อาบน้ำแต่งตัวกันเรียบร้อย พวกเราก็ออกไปหาอาหารเย็นเติมพลังกัน เลือกกันอยู่หลายร้าน สุดท้ายมื้อนี้ก็จบลงที่ร้านอาหารเวียงจำปาค่ะ ใครอยากกินอะไรก็เลือกสั่งกันเอาตามอัธยาศัยค่ะ อาหารส่วนใหญ่รสชาดโอเค แต่มาตกม้าตายตอนจบกับข้าวเหนียวมะม่วงอ่ะ คือหน้าตาไม่ใช่เลย มันเหมือนข้าวเหนียวเปียกใส่มะม่วงมากกว่า (ประมาณเดียวกับข้าวเหนียวเปียกลำใยน่ะ) ก็เป็นประสบการณ์ใหม่อีกอย่างที่ต้องจำไว้เลยว่า...ข้าวเหนียวมะม่วงของลาว ไม่เหมือนของไทย แต่ใช้ชื่อเรียกพ้องเสียงกันค่ะ (ซึ่งก็ไม่ได้มีแต่ข้าวเหนียวมะม่วงหรอกนะที่พ้องเสียงแต่ออกมาหน้าตาไม่เหมือนน่ะ) หลังมื้ออาหารแล้ว พวกเราก็แยกย้ายกันไปพักผ่อน ส่วนพี่ปลา นุ้ย และเจ้าตาลมีภารกิจต้องไปหาที่จองตั๋วรถจากวังเวียงไปหลวงพระบางในวันพรุ่งนี้ค่ะ สรุปว่าเราเลือกรถ SUPER VIP บัส เพื่อให้มั่นใจว่ารถน่าจะดีและนั่งสบาย เนื่องจากต้องใช้เวลาอยู่บนรถหลายชั่วโมง ราคาตั๋วคนละ 120,000 กีบ เช็คที่ว่างเรียบร้อย จ่ายเงินจองตั๋วกันเลย พรุ่งนี้รถออกเที่ยง แต่รถจะมารับพวกเราพร้อมสัมภาระที่โรงแรมตอน 11 โมง เอาล่ะ...ภารกิจเสร็จสิ้น กลับเข้าบ้านนอนได้ หมดแรงและเมื่อยมากแล้ว นอนหลับพักผ่อนกันเสียทีพวกเรา ฝันดีราตรีสวัสดิ์นะคะทุกคน |
ผู้แสดงความคิดเห็น คนแรมทาง (supansa_c-at-hotmail-dot-com) วันที่ตอบ 2010-08-17 01:27:38 IP : 113.53.26.214 |
ความคิดเห็นที่ 73 (1386539) | |
คนแรมทาง | รอดชีวิตจากน้ำซองมาได้ เจ้าตาลยังสบายดีค่ะ แต่เสียรองเท้าแตะไปหนึ่งคู่ที่ติดอยู่กับเรือ เลยต้องไปซื้อรองเท้าแตะใหม่คู่ละ 10,000 (กีบ) มาใส่แทน ใจจริงคุณน้องเสียดายรองเท้ามาก แต่พี่ๆ ก็ไม่มีใครกล้าไปถามหารองเท้าให้หรอกนะ ทำเรือลำละ 3 - 4 หมื่นเค้าหักไปตั้งลำ ขืนทวงรองเท้าเค้าจะได้ทวงค่าเสียหายเรื่องเรือเอาดิ ปล.1 โรงแรมน้ำซองที่เป็นฉากหลังอยู่นี้ เป็นโรงแรมที่อยู่ริมแม่น้ำซองที่แพงที่สุดเท่าที่พี่ปลากับเจ้าตาลเค้าเช็คมา ไม่ได้พัก ขอถ่ายรูปหน่อยก็ยังดีนะ ปล.2 เสื้อที่ใส่ล่องแก่งกันวันนี้ ส่วนใหญ่เป็นเสื้อที่ซื้อจากเวียงจันทน์กันเมื่อวานค่ะ ไม่ค่อยเห่อกันเลยพวกเรา |
ผู้แสดงความคิดเห็น คนแรมทาง (supansa_c-at-hotmail-dot-com) วันที่ตอบ 2010-08-17 01:14:13 IP : 113.53.26.214 |
ความคิดเห็นที่ 72 (1386538) | |
คนแรมทาง | ความจริงแล้วพอผ่านสะพานไปอีกนิดเดียวเราก็จะถึงที่พักของเราแล้ว เพราะถาวรสุขรีสอร์ทเป็นจุดสิ้นสุดการล่องเรือพอดี เราจอดเรือรอดูสถานการณ์อยู่นาน กว่าจะรู้ว่าหลังคาเขียวๆ แดงๆ ที่เห็นนั้นคือที่พักเรา สุดท้ายไกด์ก็แบ่งกำลังมาพาคณะกลับขึ้นฝั่ง ก่อนจะแยกย้ายกัน เราสอบถามเรื่องเรือว่าจะต้องยังไงต่อ ต้องเสียค่าอะไรมั้ย เค้าบอกว่าไม่ต้อง เพราะมันเป็นอุบัติเหตุ ไม่มีใครอยากให้เกิด แต่พวกเราสันนิษฐานกันว่า เค้าคงไม่เคยเจอกรณีนี้มาก่อนเลย จึงยังไม่มีมาตรการรับมือ แต่สำหรับพายที่ตั้งราคาค่าเสียหายไว้ 2,000 บาท น่าจะเป็นกรณีที่พบบ่อย ใครไปล่องเรือที่วังเวียงต่อจากนี้ไป ลองสังเกตุดูนะคะ ว่าเค้าตั้งราคาค่าปรับในกรณีที่เรือเสียหายหรือยัง ถ้ามีก็รู้ไว้เลยค่ะ ว่าต้นสายปลายเหตุมันเกิดขึ้นเพราะคณะเรานี่แหละ |
ผู้แสดงความคิดเห็น คนแรมทาง (supansa_c-at-hotmail-dot-com) วันที่ตอบ 2010-08-17 01:03:29 IP : 113.53.26.214 |
ความคิดเห็นที่ 71 (1386536) | |
คนแรมทาง | แล้วเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ของวันก็มาเกิดที่สะพานแห่งนี้ ด้วยระดับน้ำที่ค่อนข้างสูง ทำให้ช่องว่างระหว่างระดับน้ำกับสะพานที่กว้างพอจะให้เรือลอดผ่านได้ มีแค่ช่วงกลางๆ สะพานเท่านั้น เพราะฉะนั้นเรือทุกลำที่พายกระจัดกระจายกันอยู่ จะต้องปีบให้เหลือเพียง 1 - 2 เลนคือช่วงตรงกลาง จริงๆ ก็ดูไม่น่าจะยากอะไร เพราะมีระยะให้เตรียมตัวพอสมควร แต่สำหรับคนที่มีประสบการณ์เรือชนสะพานมาแล้วในวันนี้ มันดูจะเป็นเรือใหญ่ทีเดียว ทั้งลำเรือที่เป็นสาวจีน และเรือเจ้าตาล ทั้งสองลำพอเห็นสะพานแล้วเกิดอาการลังเลอย่างเห็นได้ชัด ไกด์เองก็ตะโกนบอกทุกลำให้อยู่ตรงกลางไว้ แต่สุดท้ายเรือเจ้าตาลก็ชนสะพานจนได้ ด้วยความที่เรือนุ้ยกับพี่ปลา พายไล่หลังเรือเจ้าตาลมาติดๆ ภาพที่เห็นก็คือพอทั้งคู่บังคับเรือให้เข้ามาอยู่เลนกลางไม่ได้ ข้างเรือเริ่มปะทะกับเสาสะพาน เจ้าตาลก็จับพายประจำกายแล้วสละเรือหย่อนตัวลงน้ำ แล้วก็มาคว้าเรือนุ้ยกับพี่ปลาในทันที พอส่งพายขึ้นเรือเสร็จ พี่ปลาก็ช่วยดึงเจ้าตาลขึ้นเรือตามมาอย่างปลอดภัย ทั้งพายทั้งคน (ที่ต้องห่วงพายมากเป็นพิเศษ เพราะก่อนลงเรือไกด์อธิบายทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว และบอกว่าหากใครทำพายหายไป จะต้องเสียค่าพาย 2,000 บาท) ส่วนคุณฝรั่งคู่ของเจ้าตาลก็เกาะสะพานไม่ยอมปล่อยอีกเช่นเคย แต่ที่ไม่เหมือนเคยก็คือการชนสะพานคราวนี้ทำให้เรือคายัคนั้นพับเข้าหากันเหมือนหักกลางลำ เพราะเรือตะแคงชนกับเสาสะพาน และขวางกระแสน้ำซึ่งไหลเชี่ยว แรงของน้ำที่ปะทะกับเรือทำให้เรือหักกลางติดอยู่กับเสาสะพาน ไกด์จากเรือทุกลำพาเรือเข้าฝั่งแล้ววิ่งตรงไปที่จุดเกิดเหตุเพื่อช่วยกันเอาฝรั่งขึ้นจากน้ำ และกู้เรือ จะมีก็แต่เรือป้าดวงกับป้าเล็ก ที่ไกด์ไม่ได้พาเข้าฝั่ง แต่ดันไปจอดอยู่ตีนสะพาน แล้วป้าดวงก็เกาะสะพานไว้ไม่ให้เรือลอย พร้อมกับความเข้าใจผิดที่คิดว่าเจ้าตาลยังติดอยู่กับเรือ สอบถามจากไกด์ว่าช่วยได้มั้ย ไกด์ก็ทำหน้าเสียบอกว่าไม่ได้ จมอยู่ใต้น้ำ (ซึ่งไกด์หมายถึงเรือ) ทั้งสองป้าก็ยิ่งคิดไปกันใหญ่ นั่งร้องไห้กันอยู่ในเรือเป็นนานสองนาน จนชาวบ้านสงสารไปเรียกให้ไกด์มาเอาเรือเข้าฝั่ง ป้าถึงได้รู้จากคนอื่นๆ ว่าเจ้าตาลอยู่กับพวกนุ้ยแล้ว ปลอดภัยดี แต่จอดเรืออยู่ไกลออกไป พอเห็นท่าว่าจะนาน พวกนุ้ยถึงได้ชวนกันเดินไปตรงตีนสะพาน เลยได้รู้ข่าวว่าทั้งสองป้าเสียน้ำตาให้เจ้าตาลไปเสียแล้ว
ที่นี่แหละจุดเกิดเหตุ |
ผู้แสดงความคิดเห็น คนแรมทาง (supansa_c-at-hotmail-dot-com) วันที่ตอบ 2010-08-17 00:43:42 IP : 113.53.26.214 |
ความคิดเห็นที่ 70 (1386535) | |
คนแรมทาง | ทีแรกก็แปลกใจว่าทำไมพวกฝรั่งที่มาล่องเรือพร้อมกับพวกเราไม่มีใครเล่นกิจกรรมอะไรเลย ที่แท้เค้ามาเล่นแล้วตั้งแต่เมื่อวาน วันนี้เค้าก็เลยได้แต่นั่งดูกัน พอเราสนุกสนานกันจนหนำใจ ก็ได้เวลาไปต่อกัน |
ผู้แสดงความคิดเห็น คนแรมทาง (supansa_c-at-hotmail-dot-com) วันที่ตอบ 2010-08-17 00:02:42 IP : 113.53.26.214 |
ความคิดเห็นที่ 69 (1386534) | |
คนแรมทาง | ฝนตกๆ หยุดๆ หนักบ้าง(หนักขนาดที่ว่าเม็ดฝนตกลงมาโดนตัวแล้วเจ็บอ่ะ) เบาบ้างมาตลอดทาง น้ำในแม่น้ำซองก็ไหลแรงบ้าง ไหลเอื่อยๆ บ้าง แล้วไกด์ก็พามาแวะที่บาร์น้ำ เป็นบริเวณคุ้งน้ำ ที่มีร้านรวงตั้งอยู่ 2 ฝั่งแม่น้ำซอง แต่ละร้านเปิดเพลงเสียงดังสนั่นลั่นคุ้ง ได้ยินเสียงเพลงดังลอยมาตั้งแต่ยังไม่เห็นบาร์น้ำเลย ที่นี่แหละ แหล่งรวมใจของฝรั่งทั้งหลายที่มาเที่ยวอยู่ในวังเวียง เพราะนอกจากอาหารและเครื่องดื่มหลากหลายแล้ว ยังมีกิจกรรมผาดโผนให้เล่นอีกด้วย แล้วหน่วยกล้าตายของเราจะพลาดได้ไง กติกาก่อนจะมีสิทธิ์เล่นคือต้องไปซื้อเครื่องดื่มอะไรก็ได้ที่ร้านป้าเจ้าของสถานที่ แล้วป้าจะเอายาทาเล็บทาที่นิ้วก้อยให้ เป็นสัญลักษณ์ว่าซื้อน้ำแล้ว เล่นได้ จะเล่นทั้งวัน เล่นกี่รอบก็ได้ แต่ป้าจะเปลี่ยนสียาทาเล็บทุกวัน แล้วแต่อารมณ์ว่าวันนี้อยากทาสีไหน จ๊าบจริงๆ เลยป้า
เมื่อปฎิบัติตามกติกาเรียบร้อย ก็ได้น้ำมาคนละขวด พร้อมลุย งานนี้มีคุณลุงสุนทรนำทัพเช่นเดิม โดยมีลูกทัพเป็นพี่ต่วน เจ้าตาล และพี่ปลา (งานนี้ขอเล่นกะเค้าหน่อย เดี๋ยวจะหาว่ามาไม่ถึง ทั้งที่กลัวความสูงนะ แต่สู้ค่ะ) |
ผู้แสดงความคิดเห็น คนแรมทาง (supansa_c-at-hotmail-dot-com) วันที่ตอบ 2010-08-16 23:40:35 IP : 113.53.26.214 |
ความคิดเห็นที่ 68 (1386532) | |
คนแรมทาง | จากถ้ำช้างเดินออกมาถึงแม่น้ำซอง เตรียมตัวล่องเรือกันต่อ เห็นเมฆแล้วท่าทางจะไม่รอดแน่ๆ เจอฝนชัวร์ แต่ยังไงพวกเราก็ไม่หวั่นค่ะ ก็เตรียมใจมาเปียกอยู่แล้วนิ เข้าประจำที่แล้วก็ไปลุยต่อกันเลย |
ผู้แสดงความคิดเห็น คนแรมทาง (supansa_c-at-hotmail-dot-com) วันที่ตอบ 2010-08-16 23:15:38 IP : 113.53.26.214 |
ความคิดเห็นที่ 67 (1386529) | |
คนแรมทาง | อิ่มอร่อยกันเป็นที่เรียบร้อย ไกด์ก็พาคณะเดินลัดทุ่งกลับเข้าหมู่บ้าน และพาแวะเที่ยวชมถ้ำช้างก่อนไปล่องเรือต่อกันค่ะ หินที่มีรูปลักษณะคล้ายช้าง ที่เห็นอยู่มุมบนขวามือของภาพนี่แหละ ที่มาของชื่อถ้ำช้าง แต่ก็เหมือนจริงๆ นะ แต่เดิมถ้ำแห่งนี้คือวัดของชุมชนค่ะ แต่พอมีการสร้างวัดขึ้นแล้ว ถ้ำช้างแห่งนี้เลยกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวไป ภายในถ้ำยังมีพระพุทธรูปและรอยพระพุทธบาทจำลองให้ได้สักการะบูชากันค่ะ |
ผู้แสดงความคิดเห็น คนแรมทาง (supansa_c-at-hotmail-dot-com) วันที่ตอบ 2010-08-16 23:00:28 IP : 113.53.26.214 |
ความคิดเห็นที่ 66 (1386528) | |
คนแรมทาง | มาฉายหนังสั้นต่อแล้วจ้ะ ขอบคุณนะคะป้ามีนที่มาช่วยเรียกลูกค้าให้ แต่สงสัยจะไม่ทันแล้วค่ะ คงมีกันแค่ 6 คนนี้แหละ ป้ามีนกับอาม่าคุยกันสนิทสนมยังกับรู้จักกันมาเสียนานเชียว ดีจัง ได้เพื่อนใหม่ตั้งแต่ยังไม่ได้เที่ยวเลย ทริปนี้ต้องสนุกแน่ๆ ค่ะ เอาล่ะ...มาเที่ยวลาวต่อกันเลยดีกว่า หลังจากสมาชิกออกมาจากถ้ำน้ำ ก็ได้เวลาเติมพลังด้วยอาหารกลางวันกัน มีข้าวผัด ขนมปังฝรั่งเศส บาร์บีคิวไก่คนละ 2 ไม้ และกล้วยค่ะ ขอบอกว่าอร่อยใช้ได้เลยแหละ กินกันเกลี้ยงเกือบทุกอย่าง จะเหลือบ้างก็คือขนมปังเพราะมันชิ้นใหญ่เอาการ แค่กินข้าวหมดกล่องก็จะแย่แล้ว แต่ก็ต้องพยายามกินไว้เยอะๆ เพราะต้องออกไปล่องเรืออีกหลายชั่วโมง จริงๆ นั่งรอกันอยู่พักใหญ่กว่าจะได้กิน เพราะทีมงานเค้าช่วยกันปิ้งบาร์บีคิวให้พวกเราอยู่นานค่ะ |
ผู้แสดงความคิดเห็น คนแรมทาง (supansa_c-at-hotmail-dot-com) วันที่ตอบ 2010-08-16 22:34:45 IP : 113.53.26.214 |
ความคิดเห็นที่ 65 (1386376) | |
อาม่าปี๊ด | ป้ามินคะ...อาม่าไปใต้มา....เพิ่งกลับมาถึงตอนตี 4 กว่าๆวันนี้เอง ยังไม่ได้นอนเลย......ว่าจะหอบสะตอมาฝากก็กลัวว่า ป้ามินจะเอาไปอินเดียด้วย เลยไม่กล้าหอบมา...กลัวทางรัฐบาลอินเดียกักตัวไว้ เพราะคิดว่าเป็นคนของกองกำลังไม่ทราบฝ่าย พกอาวุธชีวภาพเป็นฝักเขียวๆ...(..ที่มีกลิ่นรุนแรง.....ตั้งแต่เริ่มบริโภค.....จนถึงขั้นตอนย่อยสลาย.......กลิ่นจะรุนแรงมาก.......เป็นอันตรายต่อเยื่อบุจมูกอย่างรุนแรง...อาจทำให้เซลประสาทในโพรงจมูกตายได้...)...เข้ามาในประเทศ.....เดี๋ยวจะอดเที่ยวกัน....5555
ทริปอินเดียคราวนี้เกือบไม่ไปแล้ว....ด้วยเหตุผลหลายอย่าง แต่ทนลูกอ้อนของป้ามินไม่ได้........ก็ดูซิ...เรายังไม่เคยเห็นหน้ากันเลย ป้ามินก็ไว้วางใจชวนเที่ยว...บอกจะช่วยดูแลให้ในระหว่างเที่ยว....อาม่าก็ขยับไป...ไม่ไป....อยู่หลายรอบ จนสาวนุ้ย+สาวปลาเวียนหัว........ผลสุดท้ายก็....ไปก็ไป........เสื้อกันฝนไม่ลืมแน่นอน.....เด๋วจะแบกเอาไปให้.....แล้วเจอกันค่ะ......... |
ผู้แสดงความคิดเห็น อาม่าปี๊ด (peed94-at-hotmail-dot-com) วันที่ตอบ 2010-08-15 14:23:22 IP : 210.86.208.70 |
ความคิดเห็นที่ 64 (1386372) | |
อาม่าปี๊ด | เผลอแป๊บเดียว หนูนุ้ยเข้ามาคุยต่อ......ดีจัง....เหมือนได้ไปอีกรอบ.....บรรยากาศสนุกสนานยังกรุ่นๆอยู่เลย..... แม้จะไม่ได้ร่วมกิจกรรมล่องแก่ง แต่ก็เช่าจักรยานตลอนๆเที่ยวคนเดียว....ก็สนุกไปอีกแบบ แม้ฟ้าฝนไม่ค่อยเป็นใจ...ตกๆหยุดๆ... ............ได้เห็นการดำเนินชีวิตของคนลาวที่นั่น และทิวทัศน์ของวังเวียง.......แค่นี้ก็...o.k ....แล้วค่ะ... ต้องย้ำกันอีกครั้งว่า....แม้จะเป็นทริปแรกกับวันแรมทาง แต่ก็อบอุ่นอับการดูแลเอาใจใส่ของสาวนุ้ย สาวปลา สาวตาล...(สาวตาลนี่ดูแลคนแก่อย่างอาม่าดีมากเลย ตอนยกของบอกว่า..ไม่..ไม่..ไม่ค้อง...แต่สาวตาลก็แย่งกระเป๋าไปถือให้ตลอด...(สงสัยอาม่าบอกว่า....ไม่..ไม่..ไม่ค้อง...แต่แอบพยักหน้า คุณนายตาลเห็น เลยเข้ามาช่วย....5555)....และมีเพื่อนร่วมทริปที่น่ารักทุกคน.....ประทับใจมากค่ะ......
|
ผู้แสดงความคิดเห็น อาม่าปี๊ด (peed94-at-hotmail-dot-com) วันที่ตอบ 2010-08-15 13:50:28 IP : 210.86.208.70 |
ความคิดเห็นที่ 63 (1386270) | |
ป้ามีน | อาม่าปิ้ด ไปใต้ รีบกลับมาเร็วฯนะ คิดถึง วันที่ 21 สิงหาคม เจอกัน ไม่ต้องเอาสตอ มาฝากนะคะ แค่ไม่ลืมเสื้อกันฝน 2 ตัว สีฟ้า-ชมพู กะขอบคุณหลาย ดุแลตัวเองด้วย เป็นห่วง ป้ามีน รออยู่ ฮา, |
ผู้แสดงความคิดเห็น ป้ามีน (jasmineold-at-hotmail-dot-com)วันที่ตอบ 2010-08-14 11:10:01 IP : 180.180.91.141 |
ความคิดเห็นที่ 62 (1386269) | |
ป้ามีน | ทริป ที่ป้ามีน+อาม่าปิ้ด กำลังจะออกเดินทาง เร็วฯ นี้ 21 สิงหาคม - 6 กันยายน ยังว่างอยู่นะจ้า ไคร สนใจ ไปเที่ยวด้วยกัน กับคนแก่ อารมฌ์ขัน ละใจดี รีบฯ จอง ไปเที่ยวด้วยกัน นะจ๊ะ น้องนุ้ย เปิดไฟเขียว รออยู่จ้ะ รีบฯ หน่อย เวลาจำกัด อยากมีเพื่อนร่วมทริป อีกชัก 2-3 คนจ้า |
ผู้แสดงความคิดเห็น ป้ามีน (jasmineold-at-hotmail-dot-com)วันที่ตอบ 2010-08-14 10:58:26 IP : 180.180.91.141 |
Copyright © 2007-2037 สงวนลิขสิทธิ์ภาพและบทความที่จัดทำขึ้นโดยเว็บไซต์ ห้ามลอกโดยเด็ดขาด |