เที่ยวหลวงพระบาง
ReadyPlanet.com


เที่ยวหลวงพระบาง
avatar
วันแรมทาง



การเดินทางจากกรุงเทพสู่หลวงพระบาง
21-28 มิถุนายน 2553

พวกเราออกเดินทางจากสถานีรถไฟหัวลำโพง นั่งรถไฟ สายกรุงเทพ-หนองคาย มุ่งหน้าสู่สถานีรถไฟหนองคาย โดยมีจุดมุ่งหมายอยู่ที่ เวียงจันทน์ วังเวียง และหลวงพระบาง

ครั้งนี้เราเดินทางกัน 11 คน มี ปลา นุ้ย ตาล ป้าดวง พี่ต่วน ลุงสุนทร ป้าจิ๋ม ลุงแม็ค ป้าเล็ก
พี่จุ่น และอาม่าปี๊ด

ติดตามเรื่องราวของพวกเราได้ที่นี่นะคะ



ผู้ตั้งกระทู้ วันแรมทาง กระทู้ตั้งโดยเว็บมาสเตอร์ โพสต์และแสดงความเห็นเฉพาะสมาชิกเท่านั้น :: วันที่ลงประกาศ 2010-06-22 07:06:19 IP : 110.49.205.140



ความคิดเห็นที่ 61 (1386268)
avatar
ป้ามีน

เหม่ฯ ไครนะ ฉายหนังเรื่องสั้น หั้ยอารมฌ์ค้าง ชะงั้น ว่าแว้ว ป้ามีนไปนอนเหมือนกัน ดีก่า

พระเจ้าคงอยากลองใจ หั้ยต้องไป กายภาพบำบัด ก่อนไปเที่ยวทุกวัน 555 คงอยากทดสอบความอึด

คนแก่ แต่ หัวใจยังวัยวุ่น เหอ เหอ โดนคุณหมอกายภาพ ทั้งชึ้นเข่า ลงศอก ตอกเสาเข็ม ดึกคอ

นวดสารพัดยา ( จะรอดไหมนี่) เพราะดันไปขู่หมอ ต้องหายภายใน 7 วัน 55 หมอก็ใจดีชะ จัดหั้ย

ตามคำขอ โอย!!! กรอด (ระบมบวม แบบว่า 3 เวลาหลังอาหาร) สมน่า  555   ถ้านำหนักกระเป๋า เกิน

20 โล ไม่ต้องสงสัย ยาล้วนฯ  สู้ฯฯฯ

ผู้แสดงความคิดเห็น ป้ามีน (jasmineold-at-hotmail-dot-com)วันที่ตอบ 2010-08-14 10:46:40 IP : 180.180.91.141


ความคิดเห็นที่ 60 (1386242)
avatar
คนแรมทาง

พาเที่ยวจนลืมเวลาเลย ดึกอีกแล้วหรือนี่ คืนนี้คงต้องขอพักก่อนนะคะ แล้วจะมาพาเที่ยวต่อค่ะ คืนนี้ฝนตกด้วย หลับฝันดี ราตรีสวัสดิ์นะคะทุกคน :)

ผู้แสดงความคิดเห็น คนแรมทาง (supansa_c-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2010-08-14 00:27:44 IP : 125.24.39.16


ความคิดเห็นที่ 59 (1386239)
avatar
คนแรมทาง
image

ทัพหน้าของเราเคลื่อนขบวนแล้ว

ฝรั่งก็ตามไปติดๆ

เวลาผ่านไปสัก 10-20 นาทีได้ สมาชิกก็เริ่มทยอยกันไต่เชือกออกมา โดยมีฝรั่งกลุ่มที่สองซึ่งมากับอีกทัวร์หนึ่งเตรียมตัวจะเข้าไปต่อ

สมาชิกทัพหน้าทั้ง 4 คนเล่าว่าข้างในถ้ำสวย มีหินงอกหินย้อยและมีประกายระยิบระยับเมื่อแสงไฟส่องกระทบ คิดแล้วก็น่าเสียดายที่ไม่ได้เข้าไปเห็นด้วยตาตัวเองนะ แต่คิดว่าสำหรับตัวเองน่าจะมีโอกาสหน้าอีก อยากล่องห่วงยางมากกว่าไต่เชือกอ่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น คนแรมทาง (supansa_c-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2010-08-14 00:11:36 IP : 125.24.39.16


ความคิดเห็นที่ 58 (1386236)
avatar
คนแรมทาง
image

ถึงแล้วจ้ะ ถ้ำน้ำ

แต่วันนี้น้ำเยอะจนเกือบมิดปากทางเข้า ไม่สามารถล่องห่วงยางเข้าไปได้ ไกด์เลยต้องเข้าไปสำรวจดูก่อนว่าจะสามารถเกาะเชือกลอดเข้าไปได้หรือไม่ และเข้าไปได้ลึกแค่ไหน

พอไกด์ออกมาบอกว่าพอเข้าได้ แต่คงไปได้ไม่ไกลนัก หลายคนก็ไม่ยอมพลาดโอกาสค่ะ นำทีมโดยลุงสุนทรกับป้าจิ๋ม ตามมาด้วยพี่ต่วนและเจ้าตาล

อุปกรณ์เสริมพร้อม ก็เตรียมตัวออกผจญภัยกันเลย

ผู้แสดงความคิดเห็น คนแรมทาง (supansa_c-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2010-08-13 23:48:50 IP : 125.24.39.16


ความคิดเห็นที่ 57 (1386229)
avatar
คนแรมทาง
image

ขึ้นฝั่งกันครบทุกคนแล้ว ทีมไกด์ก็พาพวกเราเดินลัดเลาะผ่านหมู่บ้าน เรือกสวน ไร่นา เพื่อเข้าไปที่ถ้ำน้ำค่ะ บรรยากาศฝนพร่ำๆ กับท้องนากว้างๆ มีหมอกลอยเลี่ยภูเขาสีเขียวชอุ่ม ได้อารมณ์มากๆ เสียดายที่ท้องนายังไม่มีต้นข้าว นี่ถ้าเป็นทุ่งพรมสีเขียวล่ะก็ งามเกินบรรยายเลยจะบอกให้

ฝรั่ง ไทย ลาว จ้ำเอาๆ มุ่งหน้าสู่ถ้ำน้ำกัน

ผู้แสดงความคิดเห็น คนแรมทาง (supansa_c-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2010-08-13 23:36:13 IP : 125.24.39.16


ความคิดเห็นที่ 56 (1386225)
avatar
คนแรมทาง
image

ลงประจำที่กันเรียบร้อย เราก็ออกเรือกัน ล่องได้สัก 5 นาทีไกด์ก็พาขึ้นฝั่งที่หมู่บ้านแห่งหนึ่ง เพื่อเดินเข้าไปดูถ้ำน้ำและถ้ำช้างกัน

และเหตุก็เกิดที่นี่แหละ เพราะจุดที่ต้องจอดเรือขึ้นฝั่งนั้นมีสะพานข้ามแม่น้ำอยู่ด้วย และระดับน้ำที่สูงนี้เอง ทำให้ช่องว่างระหว่างพื้นน้ำกับสะพานไม่มากพอที่จะให้เรือลอดได้ แถมน้ำก็ไหลเชี่ยวเสียด้วย ผลก็คือมีเรือพุ่งชนสะพานไป 2 ลำ

ลำแรกคือสาวจีนที่มาคนเดียว และถูกจับคู่กับฝรั่งร่างใหญ่ (เพื่อนกันกับพ่อฝรั่งร่างไม่ค่อยใหญ่ของลำเจ้าตาล) ดีที่สาวจีนตัวเล็ก นอนราบไปกับเรือและลอดใต้สะพานมาได้อย่างปลอดภัย ส่วนพ่อฝรั่งร่างใหญ่แกเกาะสะพานไว้แน่น

ลำต่อมาก็คือเจ้าตาล ชนเข้าไปกลางสะพาน แต่เจ้าตาลทิ้งตัวลงน้ำ และไหลมาตามน้ำเพื่อเข้าฝั่ง ส่วนพ่อฝรั่งลำเจ้าตาลก็แกะสะพานไม่ยอมปล่อยอีกคน ไกด์ต้องวิ่งไปช่วยกันใหญ่

แต่สุดท้ายทุกคนก็ปลอดภัยดีค่ะ คุณฝรั่งร่างใหญ่มีร่องรอยถูกสะพานไม้ไผ่ขีดข่วนเล็กน้อยเท่านั้น แต่จะกลับไปเจ็บระปมหรือเปล่าไม่รู้นะ ส่วนเจ้าตาลก็ยังสบายดีค่ะ แต่คนที่ไม่ค่อยสบายดูจะเป็นป้าๆ ที่เห็นเหตุการณ์แล้วใจหายใจสั่นมากกว่า นี่แค่ 5 นาทีแรกเองนะ แล้วยังต้องล่องไปอีกเกือบทั้งวัน ป้าๆ จะไหวมั้ยเนี่ย

ผู้แสดงความคิดเห็น คนแรมทาง (supansa_c-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2010-08-13 23:19:34 IP : 125.24.39.16


ความคิดเห็นที่ 55 (1386219)
avatar
คนแรมทาง
image

สอบถามจากทีมไกด์ที่จะพาเราล่องแม่น้ำซองในวันนี้ว่าเรื่องระดับน้ำที่เพิ่มขึ้นจะเป็นปัญหาอะไรมั้ย เค้าบอกว่าน้ำเยอะหน่อยถึงจะสนุก ถ้าน้ำเท่าเมื่อวานเย็นที่เราเห็นจะน้อยเกินไป จริงๆ แล้วช่วงที่นิยมล่องมากที่สุดน้ำจะเยอะกว่านี้อีก โอเค...เหมือนจะสบายใจขึ้นหน่อย แต่พอเห็นสีของน้ำและฝนก็ยังตกไม่หยุด ก็ชักไม่มั่นใจว่าลุงๆ ป้าๆ จะไหวมั้ยเนี่ย

แต่ทุกคนสู้ค่ะ ถึงบางคนจะดูไม่ค่อยเต็มใจซักเท่าไหร่ แต่ก็ไม่อยากพลาดกิจกรรมใดๆ และไม่อยากนอนรออยู่เฉยๆ ที่บ้านพักน่ะ

นอกจากทีมเรา 9 คนแล้ว ยังมีต่างชาติอีก 8 คนมาร่วมล่องน้ำพร้อมกันในวันนี้ด้วย รวมเป็น 17 คน พอทุกคนมาประจำจุดเตรียมลงเรือเรียบร้อย ไกด์ก็สอนการจับพาย การใช้พาย และวิธีการพายแบบต่างๆ จนเข้าใจกันแล้ว ก็จับคู่ให้ลงเรือกัน ลำละ 2 คนบ้าง 3 คนบ้าง มีคุณลุงสุนทรคนเดียวที่ฉายเดี่ยว โดยผู้สูงวัยของทีมเราจะไปเรือลำที่มีไกด์พายเป็นหลัก ส่วนเจ้าตาลโดนจับคู่กับฝรั่งหนุ่มร่างไม่ใหญ่เท่าไหร่คนหนึ่ง เพราะไกด์เห็นว่าแรงผู้ชายน่าจะสามารถบังคับเรื่องได้ แต่สงสัยคุณไกด์จะคิดผิดนะ

ผู้แสดงความคิดเห็น คนแรมทาง (supansa_c-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2010-08-13 22:52:58 IP : 125.24.39.16


ความคิดเห็นที่ 54 (1386215)
avatar
คนแรมทาง
image

ได้เวลาออกผจญภัยกันแล้ว วันนี้อาม่าปี๊ดกับพี่จุ่นขอบาย เพราะร่างกายไม่พร้อมสำหรับการเปียกน้ำและเปียกฝน พวกเราจึงมีสมาชิก 9 คนไปล่องแม่น้ำซองกัน

อุตส่าห์เตรียมพร้อม ซื้อถุงพลาสติกกันน้ำมาใส่กล้องตัวเล็ก กะว่าตอนล่องเรือจะได้ถ่ายได้ไม่ต้องกลัวเปียก แต่ดันมาตกม้าตายตอนจะถ่ายรูป เพราะตอนซื้อถุงดันลืมนึกไปว่ากล้องตัวเองพอเปิดเครื่องแล้วเลนส์จะยื่นออกมาจากตัวกล้องอีก แล้วพอเลนส์มาชนกับถุง มันก็จะหดเข้าไปแล้วปิดตัวเอง สรุปว่างานนี้ถ่ายรูปได้เฉพาะตอนฝนหยุดตามเคยยยย

ผู้แสดงความคิดเห็น คนแรมทาง (supansa_c-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2010-08-13 22:32:15 IP : 125.24.39.16


ความคิดเห็นที่ 53 (1386212)
avatar
คนแรมทาง
image

ระหว่างรอเวลา 9 โมงเช้าที่นัดหมายกับทัวร์ล่องแม่น้ำซองไว้ ป.ปลาก็เปิดบ้านทักทายพี่ป้าน้าอาหน้าบ้านวันแรมทางซะหน่อย

ส่วนด้านนี้ก็เปิดบริการเสริมค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น คนแรมทาง (supansa_c-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2010-08-13 22:16:51 IP : 125.24.39.16


ความคิดเห็นที่ 52 (1386208)
avatar
คนแรมทาง
image

วันที่ 3 พุธที่ 23 มิถุนายน 2553 :  วังเวียง (Vongvieng)

อรุณสวัสดิ์เช้าวันใหม่ที่ชุ่มฉ่ำ(มากกกกก) เมื่อคืนฝนตกเกือบทั้งคืน เช้าขึ้นมาก็ยังโปรยปรายไม่เลิก อากาศเย็นๆ สายหมอกขาวๆ ไหลไปตามลม บรรยากาศดีมากๆ ขอบอก

เช้านี้นัดกินข้าวกันตอน 7 โมง มีอาหารเช้าตระกูลไข่ และมีข้าวต้มด้วย ส่วนขนมปังเป็นขนมปังบาแก็ตต์ (Baguette) หรือที่เราเรียกว่าขนมปังฝรั่งเศสอุ่นๆ อยู่ในกระดิบข้าวเหนียวค่ะ

อ้ำ....อร่อย

กินไป ชมวิวไป สุขโขสโมสรจริงๆ ฝนที่ตกมาเกือบทั้งคืนจนถึงเช้านี้ ทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำซองเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด น้ำค่อนข้างแรงทีเดียว แล้วกิจกรรมล่องแม่น้ำซองของพวกเราวันนี้จะเป็นยังไงหนอ

ผู้แสดงความคิดเห็น คนแรมทาง (supansa_c-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2010-08-13 21:43:32 IP : 125.24.39.16


ความคิดเห็นที่ 51 (1386206)
avatar
คนแรมทาง
image

พออิ่มอร่อยกันเป็นที่เรียบร้อย พวกเราก็ออกไปเดินย่อยอาหารกันในเมืองซะหน่อย และมีภารกิจต้องออกไปหาที่เที่ยวและกิจกรรมสำหรับพรุ่งนี้ด้วย

เดินสอบถามทัวร์อยู่หลายที่ สรุปว่ากิจกรรมหลักๆ สำหรับวังเวียงคือการล่องเรือคายัคในแม่น้ำซอง และแวะเที่ยวถ้ำ เป็นโปรแกรมแบบ 1 Day Trip เปรียบเทียบราคา ความน่าเชื่อถือของสำนักงาน และอัธยาศัยใจคอยามพูดคุยด้วยแล้ว ก็สรุปเลือกได้หนึ่งทัวร์ค่ะ เอาล่ะ เป็นอันเสร็จสิ้นภารกิจแรก ต่อไปก็เป็นภารกิจส่วนตัว แบบการหาที่ชิมเบียร์ลาวน่ะ พอเลือกร้านได้ตัดสินใจนั่งจิบเบียร์เรียบร้อย ฝนก็เทลงมายังกับฟ้ารั่ว พี่ป้าน้าอาที่เดินกลับไปก่อนก็นึกเป็นห่วงกันใหญ่ว่าพวกเราจะเปียกฝนกันหรือเปล่า หารู้ไม่ว่าพวกเรามานั่งจิบเบียร์ จิบน้ำผลไม้ปั่น กินขนมปัง และดูบอลกันสนุกสนาน พอฝนซาก็ค่อยเดินกลับบ้านพักกัน

บรรยากาศค่ำคืนที่วังเวียงยามนี้ไม่คึกคักมากนัก อาจเพราะว่าเป็นหน้าฝนด้วย แต่เท่าที่ดูจากจำนวนร้านรวงที่เปิดขายอาหารและเครื่องดื่มต่างๆ แล้ว ดูท่าทางว่าเมืองนี้จะมีนักท่องเที่ยวหลั่งไหลมาไม่ใช่น้อย

ผู้แสดงความคิดเห็น คนแรมทาง (supansa_c-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2010-08-13 21:24:55 IP : 125.24.39.16


ความคิดเห็นที่ 50 (1386202)
avatar
คนแรมทาง
image

เก็บของเข้าห้องพักกันเรียบร้อย พวกเราก็ตรงมาที่ห้องอาหารกันเลย นั่งศึกษาเมนูกันอยู่ครู่หนึ่งก็สั่งโลด ทั้งต้ม ผัด แกง ทอด อาหารอร่อยใช้ได้เลย (หรือพวกเราหิวหว่า) จริงๆ ตอนกินกันก็ถ่ายรูปนะ แต่ดูจะไม่ค่อยเหมาะสมนักเลยไม่เอาลงดีกว่า (แบบว่าคนกำลังหิวน่ะ)
ผู้แสดงความคิดเห็น คนแรมทาง (supansa_c-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2010-08-13 20:49:06 IP : 125.24.39.16


ความคิดเห็นที่ 49 (1386200)
avatar
คนแรมทาง
image

มาถึงวังเวียงตอนตะวันยอแสงค่ะ เราจองที่พักที่ถาวรสุขรีสอร์ท ซึ่งอยู่ติดแม่น้ำซองไว้ค่ะ บรรยากาศดีวิวสวยเชียวแหละ งานนี้ทุ่มทุนสร้าง จองห้องวิวแม่น้ำด้วยนะ ราคาแพงกว่าห้องธรรมดาที่ไม่ติดแม่น้ำเกือบเท่าตัวแน่ะ แต่เนื่องด้วยที่หลวงพระบางเราตั้งใจจะไปพักที่เกสเฮ้าส์ของลูกค้า ซึ่งยังไม่รู้ว่าสภาพหน้าตาเป็นอย่างไร ที่วังเวียงนี่เลยขอเลือกแบบดีๆ สบายๆ ไว้ก่อน เอาไว้ชดเชยกันค่ะ

บรรยากาศริมน้ำที่ระเบียงห้องอาหารของโรงแรมค่ะ ดูจากเรือสีสันสดใสที่จอดเรียงรายกันอยู่ก็พอจะรู้ว่าที่นี่เค้ามีกิจกรรมทางน้ำให้เล่นแน่นอน

นี่แหละบ้านพักของเรา มีระเบียงให้ออกมานอนอาบแดด มีสนามหญ้าให้เดินเล่นชมวิวแม่น้ำซองด้วยนะ

ผู้แสดงความคิดเห็น คนแรมทาง (supansa_c-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2010-08-13 20:08:16 IP : 125.24.39.16


ความคิดเห็นที่ 48 (1386199)
avatar
คนแรมทาง
image

ออกจากหอพระแก้วก็หมดเวลาเที่ยวเวียงจันทน์กันแล้ว พวกเราต้องไปขึ้นรถ VIP บัสที่โทรไปจองไว้รอบบ่ายสองโมง ความจริงหลายคนพอใจกับรถตู้ที่ท้าวต่ายมาก เพราะกว้างขวางนั่งสบาย ลองสอบถามราคาดูว่าถ้าเหมาไปส่งถึงวังเวียงคิดเท่าไหร่ ต่ายบอกว่าเที่ยวเดียวก็ 4,000 บาท เปรียบเทียบกับค่ารถบัสที่เราตั้งใจจะไปค่ารถคนละ 250 บาท 11 คนรวมแล้วก็ต้องจ่าย 2,750 บาท ราคาก็ต่างกันพอสมควรอยู่นะ ที่สำคัญคือจองเค้าไว้แล้ว เลยไม่อยากเสียคำพูด เดี๋ยวเค้าจะหาว่าคนไทยไม่รักษาคำพูด เราก็เลยไปตามแผนเดิม หลังจากท้าวต่ายโทรสอบถามเส้นทางอยู่ครู่หนึ่ง เราก็มาถึงหน้าบริษัทท่องเที่ยวพันธวงศ์เป็นที่เรียบร้อย แต่....แทนที่เราจะได้นั่งรถ VIP บัสที่กว้างขวางนั่งสบาย กลายเป็นต้องไปนั่งรถตู้เล็กที่คนลาวเค้าเรียกว่ามินิบัสแทน เพราะพวกเรามี 11 คน ซึ่งเต็มคันรถมินิบัสของเค้าพอดี แล้วยังมาบอกเราอีกว่ารถบัสเต็มไปตั้งแต่แรกที่เราโทรมาจองแล้ว (ทีตอนนั้นไม่เห็นบอกเลย หรือพอเราบอกว่ามี 11 คน ก็เลยรับทันที และตั้งใจให้เราไปรถตู้อยู่แล้วนะ) แต่ก็ช่างเถอะ เค้าบอกว่าไปรถมินิบัสเร็วกว่า และเท่ากับว่าคันนี้พวกเราเหมาเลย จะให้จอดแวะที่ไหน ยังไง ก็แล้วแต่เรา โอเค...ตามนั้น แต่เรื่องป่วนๆ ของรถ VIP บัส กับรถมินิบัสมันยังไม่ได้จบแค่นี้...555

ระหว่างทางเราแวะเข้าห้องน้ำกันที่ตลาดบ้านท่าเรือ เลยถือโอกาสชมตลาดกันหน่อย ดูเหมือนว่าของขึ้นชื่อที่ตลาดนี้จะเป็นปลาเค็ม และอาหารแห้งนะ ก่อนขึ้นรถก็ซื้อข้าวโพดต้มฝักเล็กๆ ติดไม้ติดมือมากินแก้หิวซะหน่อย เนื่องจากเรากินข้าวเช้ากันสายมากแล้ว พอถึงมื้อกลางวันก็ยังอิ่มกันอยู่ แต่ยังไม่ทันได้เวลามื้อเย็นก็หิวแล้วอ่ะ ตั้งใจเลยว่าไปถึงวังเวียงแล้วต้องกินก่อนเป็นอันดับแรก

ผู้แสดงความคิดเห็น คนแรมทาง (supansa_c-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2010-08-13 19:49:40 IP : 125.24.39.16


ความคิดเห็นที่ 47 (1386197)
avatar
คนแรมทาง
image

กลับมาปฏิบัติหน้าที่ต่อแล้วจ้ะ หลังจากทิ้งช่วงไปนาน เพราะความวุ่นวายหลายเรื่องเกี่ยวกับทริปที่ออกเดินทางสู่ลาดักห์-แคชเมียร์ซึ่งประสบภัยธรรมชาติ จนทำให้ทริปล่มไป 1 ทริป และต้องลุ้นว่าทริปของป้ามีนกับอาม่าปี๊ดจะออกหัวหรือก้อย แต่สรุปได้ ณ ตอนนี้ว่าทริปป้ามีนกับอาม่าจะได้ออกเดินทางแน่นอนแล้ว หากระหว่างเส้นทางจะต้องปรับเปลี่ยนโปรแกรมตามสถานการณ์เฉพาะหน้าบ้าง ทุกคนในทริปก็ยอมรับได้ค่ะ พอเตรียมงานทุกอย่างเข้าที่เข้าทาง ก็เลยมีเวลาว่างมาลงกระทู้นี้ต่อเสียทีค่ะ

ไปเที่ยวเวียงจันทน์ต่อกันเลยนะคะ หลังจากออกจากพระธาตุหลวง เราก็ไปต่อกันที่พิพิธภัณฑ์หอพระแก้ว เพื่อไปชมพระพุทธรูปสำริด พระพุทธรูปหินและโบราณวัตถุต่างๆ ซึ่งเป็นรูปแบบของลาวและทวารวดีที่เก็บรวบรวมไว้ที่พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ (แต่เดิมที่นี่คือวัดที่ประดิษฐานพระแก้วมรกต แต่ด้วยเหตุการณ์หลายอย่างในประวัติศาสตร์ไทยและลาว ปัจจุบันพระแก้วมรกตจึงประดิษฐานอยู่ที่วัดพระแก้วในประเทศไทยค่ะ)

ภายในหอพระแก้วไม่อนุญาตให้ถ่ายรูปนะคะ เลยเก็บภาพได้เฉพาะด้านนอกค่ะ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น คนแรมทาง (supansa_c-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2010-08-13 19:16:06 IP : 125.24.39.16


ความคิดเห็นที่ 46 (1384421)
avatar
คนแรมทาง

สวัสดีค่ะทุกคนที่ยังติดตามกระทู้นี้อยู่ ขออภัยจริงๆ ที่ยังไม่มีเวลามาต่อให้จบ เพราะช่วงนี้งานเข้าอย่างแรง ว่างเมื่อไหร่จะมาลงให้ชมกันต่อนะคะ

ป้ามีนกับอาม่าปี๊ด เริ่มทำความรู้จักกันไว้ล่วงหน้าก่อนออกทริปเลยนะคะ ดีจัง ทริปนี้คงสนุกแน่ๆ เพราะมีผู้ใหญ่ใจดีและอารมณ์ดีถึง 2 คนร่วมทริปแน่นอนแล้ว....  :)

ผู้แสดงความคิดเห็น คนแรมทาง (supansa_c-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2010-07-28 12:54:20 IP : 118.173.91.158


ความคิดเห็นที่ 45 (1384322)
avatar
อาม่าปี๊ด
หวัดดีค่ะ....ป้ามีน..... ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ.............ดีใจจังที่อย่างน้อยอาม่าก็รู้จักผู้ร่วมทริป..มะนาลี..1คนแล้ว....ขอบคุณค่ะที่แนะนำ......อาม่าจะรักนวลสงวนตัวไม่ให้สังขารผุพังไปมากกว่านี้....เพื่อเป้าหมายในชีวิต..21ส.ค-6ก.ย.นี้ค่ะ....(แต่แอบไปเข้าป่าดูนกที่.อ.ช.ศรีพังงามา....เพิ่งกลับมาถึงเมื่อคืน....เจอฝนกระหน่ำซะ...)...เดี๋ยวจะกลับบ้านนอก...แล้วจะขึ้น.กทม.อีกที..19.ส.ค.เพื่อเตรียมตัวเดินทางไกล......แล้วเจอกันนะคะ........
ผู้แสดงความคิดเห็น อาม่าปี๊ด ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2010-07-27 13:50:59 IP : 210.86.208.235


ความคิดเห็นที่ 44 (1384183)
avatar
ป้ามีน (คนแก่คน 1) ฮา..

อ่านมาหลายกะทู้ รู้จักแบบไม่เห็นหน้าหลายคนละ ทุกคนดูสนุกสนาน หวังว่าสักวัน คงได้ร่วมทริปกันบ้างนะคะ มีไครไปทริปเดลลี-มะนาลื-ลาดัก-นูบราวัลเลย์-แคชเมียร์ บ้าง เห็นมี อาม่าปิ้ด 1คนละ ดูแลตัวเองให้แข็งแรงนะคะ เดี๋ยวจะได้ไปขี่ฮูฐด้วยกันค่ะ 55

ผู้แสดงความคิดเห็น ป้ามีน (คนแก่คน 1) ฮา.. วันที่ตอบ 2010-07-25 13:32:37 IP : 125.27.80.237


ความคิดเห็นที่ 43 (1383554)
avatar
ป.ปลา

ขอบคุณค่ะป้า (เขินจัง อิอิ มีคนชมกะเค้าด้วย)
แบบนี้จองทริปมาเมื่อไร รักตายเลย ..

ผู้แสดงความคิดเห็น ป.ปลา ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2010-07-19 15:18:11 IP : 118.173.90.143


ความคิดเห็นที่ 42 (1383542)
avatar
ranee

แต่รูปที่เปิดกระทู้ ป้าชอบชุดคุณปลา เท่ที่สุดเลย...

ผู้แสดงความคิดเห็น ranee ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2010-07-19 12:44:53 IP : 161.200.102.25


ความคิดเห็นที่ 41 (1383235)
avatar
คนแรมทาง
คืนนี้ฝนตกหนักมากเลย ดึกแล้วด้วย ขอพักเท่านี้ก่อนดีกว่า พรุ่งนี้จะมาต่อนะคะ ฝันดีราตรีสวัสดิ์ทุกคนค่ะ
ผู้แสดงความคิดเห็น คนแรมทาง (supansa_c-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2010-07-16 00:45:34 IP : 118.174.55.207


ความคิดเห็นที่ 40 (1383234)
avatar
คนแรมทาง
image

จากประตูชัย ก็ไปต่อกันที่พระธาตุหลวง ซึ่งถือเป็นศาสนสถานที่สำคัญที่สุดของประเทศลาว เป็นสัญลักษณ์ประจำชาติ และยังแทนความเป็นเอกราชและอำนาจอธิปไตยของประเทศลาวอีกด้วย ตามตำนานเล่าว่า พระธาตุองค์นี้ได้สร้างในสมัยพุทธศักราชที่ 236 โดยมีพระภิกษุลาวจำนวน 5 รูปเดินทางไปศึกษาพระพุทธศาสนาในประเทศอินเดีย และได้อันเชิญพระอุรังคธาตุของพระพุทธเจ้ามายังนครเวียงจันทน์ด้วย ต่อมาได้กราบทูลพระยาจันทบุรีประสิทธิ์ศักดิ์ เจ้านครเวียงจันทน์ในสมัยนั้น ให้สร้างพระธาตุหลวงขึ้นเพื่อเป็นที่ประดิษฐานพระบรมธาตุเพื่อให้ชาวลาวได้กราบไหว้ กล่าวไว้ว่า พระธาตุองค์เดิมนั้นสร้างด้วยหินเป็นทรงโอคว่ำ มีการก่อกำแพงล้อมรอบเอาไว้ทั้ง 4 ด้าน แต่ละด้านมีความกว้าง 10 เมตร หนา 4 เมตร และสูง 9 เมตร เชื่อกันว่าพระธาตุที่เห็นในปัจจุบันสร้างครอบองค์เดิม ซึ่งต่อมาสมเด็จพระไชยเชษฐาธิราชได้โปรดเกล้าฯ ให้ย้ายเมืองหลวงของราชอาณาจักรล้านช้างจากหลวงพระบางมาอยู่ที่เวียงจันทน์ ตามดำริของพระราชบิดา คือพระเจ้าโพธิสาร จากนั้นทรงมีพระบัญชาให้ทรงสร้างพระเจดีย์องค์ใหม่ครอบพระธาตุองค์เดิมไว้ ณ บริเวณที่เคยเป็นเทวสถานเก่าของขอม โดยเริ่มก่อสร้างในปีพ.ศ.2109

และหลังจากสร้างพระธาตุหลวงได้โปรดฯ ให้สร้างวัดขึ้นล้อมรอบพระธาตุไว้ทั้งสี่ทิศด้วย แต่ปัจจุบันเหลืออยู่เพียงสองแห่งด้วยกันคือ วัดพระธาตุหลวงเหนือและวัดพระธาตุหลวงใต้

ปัจจุบัน พระธาตุหลวงมีลักษณะคล้ายป้อมปราการ เพราะมีการสร้างระเบียงสูงใหญ่ขึ้นโอบล้อมรอบองค์พระธาตุไว้ พร้อมกับทำช่องหน้าต่างเล็กๆ เอาไว้โดยตลอด สำหรับประตูทางเข้านั้นเป็นประตูไม้บานใหญ่ ลงรักสีแดงไว้ทั้งหมด นอกจากนี้รอบๆ องค์พระธาตุใหญ่ยังมีเจดีย์บริวารล้อมรอบอยู่โดยรอบอีกหลายองค์ เมื่อเดินเข้าไปดูใกล้ๆ ก็จะเห็นสัญลักษณ์หนึ่งแสดงถึงความศักดิ์สิทธิ์ของพระพุทธศาสนาแห่งนี้ปรากฏอยู่มากมาย ไม่ว่าจะเป็นรูปแกะสลักพญานาค พระพุทธรูปปิดทองลายกลีบบัวประดับอยู่บนฐานปักษ์

ถัดจากประตูทางเข้าใหญ่ประมาณ 100 เมตรจะเห็นพระบรมรูปสมเด็จพระเจ้าไชยเชษฐาธิราช ตั้งอยู่บนฐานสูง พระหัตถ์ทรงถือพระแสงดาบวางพาดไว้บนพระเพลา เล่ากันว่า พระแสงดาบเล่มนี้ทำหน้าที่ปกป้องพระธาตุหลวงซึ่งได้ถือว่าเป็นศูนย์รวมจิตใจของประชาชนชาวลาวทุกคน

ผู้แสดงความคิดเห็น คนแรมทาง (supansa_c-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2010-07-16 00:39:16 IP : 118.174.55.207


ความคิดเห็นที่ 39 (1383231)
avatar
คนแรมทาง
image

ประตูชัยนี้สร้างเสร็จในปี พ.ศ. 2512 เป็นอนุสรณ์สถานเพื่อระลึกถึงประชาชนชาวลาวผู้เสียสละชีวิตในสงครามก่อนหน้าการปฏิวัติของพรรคคอมมิวนิสต์ ประตูชัยแห่งนี้มีรูปทรงสี่เหลี่ยมจตุรัส มีประตูสี่ด้าน หลังคาเป็นยอดช่อฟ้า 5 ยอด ด้านในใจกลางของประตูชัยมีป่องสำหรับจุดเปลวไฟเป็นอนุสรณ์สมมติของดวงวิญญาณวีระชนนิรนามทั้งหมด และมีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า รันเวย์แนวตั้ง เพราะการก่อสร้างประตูชัยแห่งนี้ ใช้ปูนซีเมนต์ที่อเมริกาซื้อเพื่อนำมาสร้างสนามบินใหม่ในนครเวียงจันทน์ในระหว่างสงครามอินโดจีน แต่ไม่ทันได้สร้างเพราะอเมริกาแพ้สงครามเสียก่อน จึงนำปูนมาสร้างประตูชัยแทน ลักษณะสถาปัตยกรรมได้รับอิทธิพลของประตูชัยในกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เจ้าอาณานิคมในสมัยนั้น

แต่ลักษณะสถาปัตยกรรมก็ยังมีเอกลักษณ์ของลาวปรากฏให้เห็นอย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นพระพุทธรูปศิลปะลาว ภาพเรื่องราวมหากาพย์รามายณะ แบบปูนปั้นใต้ซุ้มประตูโค้งของประตูชัย มีบันไดวนให้ขึ้นไปชมทิวทัศน์ของนครเวียงจันทน์บนยอดของประตูชัยด้วย แต่เราไม่ได้ขึ้นไปค่ะ เพราะฝนตก และเวลาน้อยด้วย (เสียเงินค่าขึ้นด้วยนะ)

ผู้แสดงความคิดเห็น คนแรมทาง (supansa_c-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2010-07-16 00:16:11 IP : 118.174.55.207


ความคิดเห็นที่ 38 (1383229)
avatar
คนแรมทาง
image

เอาล่ะ ได้เวลาออกเที่ยวเวียงจันทน์กันแล้ว เริ่มกันที่ประตูชัยเลยจ้ะ แต่ฟ้าฝนไม่เป็นใจเลยอ่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น คนแรมทาง (supansa_c-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2010-07-15 23:41:01 IP : 118.174.55.207


ความคิดเห็นที่ 37 (1383227)
avatar
คนแรมทาง
image

ขึ้นประจำตำแหน่งบนรถตู้กันเรียบร้อย จุดหมายแรกของพวกเราก็คือร้านอาหารค่ะ เพราะเลยเวลามื้อเช้ามาพอสมควรแล้ว หลายคนหิวๆๆ ถึงจะแจกขนมปังรองท้องกันบนรถไฟไปแล้วก็เถอะ

พลขับรถตู้ของเราชื่อต่าย (หลายคนคงพอจะรู้จักกันแล้วจากที่อาม่าปี๊ดเล่าให้ฟัง) ต่ายถามว่าจะกินเป็นอาหารตามสั่ง หรือกินก๋วยเตี๋ยว ซึ่งตอนนั้นยังไม่รู้ว่าก๋วยเตี๋ยวที่ต่ายหมายถึง คือ "เฟอ" ซึ่งเป็นอาหารเช้าตามแบบฉบับคนลาว และโดยทั่วไปจะหากินได้เฉพาะมื้อเช้าเท่านั้น ด้วยความไม่รู้ ก็เลยเลือกร้านอาหารตามสั่ง แต่ถ้ารู้ก่อนก็น่าจะเลือกกินเฟอ จะได้สัมผัสวิถีชีวิตลาวกันตั้งแต่มื้อแรกเลย

ต่ายพาพวกเรามาที่ร้านอาหารลินดา สถาพร ซึ่งเป็นร้านอาหารของคนไทยค่ะ ร้านอาหารดูดี อาหารอร่อยใช้ได้ รสชาติถูกปากคนไทยค่ะ และค่าอาหารมื้อแรกในลาวของพวกเรา คิดเป็นเงิน 739,000 กีบ หรือ 3,079 บาทค่ะ ใบเสร็จค่าอาหารของแทบทุกร้านในลาว จะแสดงทั้งเงินกีบ และเงินบาท ร้านใหญ่ๆ จะมีเงินดอลล์ร่าและเงินยูโรแสดงไว้ด้วย จะจ่ายสกุลไหน ก็เลือกกันตามสะดวกค่ะ แต่ร้านนี้คิดเรทโหดไปหน่อยนะ จากปกติทั่วไปควรจะได้ 250 กีบต่อ 1 บาท ร้านนี้คิดที่ 240 เอง แต่เรายังไม่ได้แลกเงินกีบน่ะ (ด้วยความหิวหน้ามืด ทั้งที่ตั้งใจไว้ว่าจะไปแลกเงินก่อนเป็นอันดับแรกแล้วนะ) มื้อนี้เลยต้องจ่ายเป็นเงินบาทค่ะ

พอออกจากร้านอาหาร เราก็มุ่งหน้าไปแลกเงินกีบที่ธนาคารก่อนเลย ได้เรท 254.81 กีบต่อ 1 บาทค่ะ (คิดแล้วยังเสียดายค่าข้าวอยู่เลยอ่ะ) เค้าก็เตือนกันแล้วเชียวว่าใช้เงินกีบจะคุ้มกว่าน่ะ และสำหรับที่ลาวนี้ แลกเงินที่ธนาคารได้เรทดีที่สุดค่ะ แลกตามร้านข้างนอกเรทไม่ดีเลย

ระหว่างที่นุ้ยกับพี่ปลาและพี่ต่วน เป็นตัวแทนไปแลกเงินที่ธนาคาร ลุงป้าน้าอาที่เหลือก็....ช็อปปิ้งค่ะ ยังไม่ทันไรเลยก็ได้เสื้อยืดเมืองลาวไปคนละตัวสองตัว กะว่าพรุ่งนี้จะใส่ฉลองกันเลยทีเดียว ไอ้ที่พูดเนี่ย ก็ได้มากับเค้าเหมือนกัน สีแดงลายดอกจำปาลาว กับคำว่า LAOS ที่ใส่อยู่ในรูปเปิดกระทู้นี้แหละ แจ่มเลย

ผู้แสดงความคิดเห็น คนแรมทาง (supansa_c-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2010-07-15 23:27:28 IP : 118.174.55.207


ความคิดเห็นที่ 36 (1383222)
avatar
คนแรมทาง
image

ถึงแล้วจ้ะ สถานีรถไฟท่านาแล้ง นับจากวินาทีนี้ไป พวกเราจะได้สัมผัสความเป็นลาวกันแล้ว เริ่มต้นจากการพยายามอ่านตัวหนังสือลาวกันก่อนเลย ตัวอักษรลาวกับไทยส่วนใหญ่ค่อนข้างคล้ายกันค่ะ การผสมคำก็ไม่ยุ่งยาก แต่บางคำก็ทำเอางงเหมือนกันนะ

ตอนรถเข้าสถานี เห็นรถตู้ที่เราจองไว้มาจอดรอรับอยู่แล้ว แต่รถอื่นแทบไม่มีเลย อย่างที่พี่นงลักษณ์ (น้องสาวป้านุช-เชียงใหม่) ซึ่งทำงานอยู่ที่ลาวเตือนไว้จริงๆ ด้วย พี่เค้าบอกว่าถ้าจะข้ามมาทางรถไฟ ควรจะหารถมารับไว้ก่อน เพราะที่สถานีนี้ไม่ค่อยมีรถรับจ้างเข้ามาจอดรอนัก ต้องขอบคุณพี่นงลักษณ์ด้วยนะคะ ที่ให้คำแนะนำหลายอย่างและให้เบอร์ติดต่อรถตู้และรถสกายแล็บมาด้วย ถึงสุดท้ายแล้วจะไม่ได้ใช้บริการรถทั้งสองก็ตาม เนื่องจากรถตู้เจ้านั้นเค้าติดงานค่ะ 

ลงจากรถไฟแล้วก็มากรอกเอกสารขอเข้าประเทศลาวกัน พอกรอกเสร็จก็มารอต่อคิวให้ตม.ลาวตรวจและประทับตราเข้าประเทศลาวค่ะ ขั้นตอนระหว่างนี้ไม่ยุ่งยากแต่เสียเวลาค่ะ เพราะไม่ค่อยมีการเตรียมการณ์อะไรนัก นักท่องเที่ยวลงจากรถไฟมาก็เดินกันงงๆ เพราะตม. ยังไม่เปิดทำงาน กว่าจะเปิด กว่าจะแจกเอกสารให้กรอก ก็เลยช้าหน่อย แต่ทุกอย่างก็ผ่านไปด้วยดีค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น คนแรมทาง (supansa_c-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2010-07-15 22:46:26 IP : 118.174.55.207


ความคิดเห็นที่ 35 (1383221)
avatar
คนแรมทาง
image

ได้เวลารถออกกันแล้ว ถึงจะออกช้ากว่าเวลา 9 โมงไป 10 นาที แต่รถแล่นเร็วมากค่ะ จากที่บอกว่าใช้เวลา 15 นาที เอาเข้าจริงแค่ประมาณ 5 นาทีเอง ยังชื่นชมบรรยากาศสองฝั่งโขงไม่เต็มอิ่มเลยอ่ะ ไม่รู้ว่าเพราะรถออกช้า หรือว่าแล่นเร็วเป็นปกติ เพราะระหว่างที่รถไฟแล่นข้ามสะพานมิตรภาพไทย-ลาว จะต้องปิดการจราจรบนสะพานทั้งสองฝั่ง เนื่องจากรางรถไฟอยู่กลางสะพานเลย ถ้าต้องกั้นรถนาน อาจมีปัญหากับคนใช้รถใช้สะพานได้ค่ะ

ก่อนข้ามสะพานฝั่งไทย ก็จะมีธงไทยปลิวไสวอยู่ค่ะ

พอมาถึงกลางสะพานก็จะมีธงไทย - ลาว ปักอยู่คู่กัน ข้ามไปถึงฝั่งลาวก็จะมีธงลาวโบกสะบัดต้อนรับพวกเราอยู่ค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น คนแรมทาง (supansa_c-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2010-07-15 22:25:02 IP : 118.174.55.207


ความคิดเห็นที่ 34 (1383218)
avatar
คนแรมทาง
image

วันที่ 2  วันอังคารที่ 22 มิถุนายน 2553  :  หนองคาย (Nong Khai) - เวียงจันทน์ (Vientiane) - วังเวียง (Vongvien)

หลับๆ ตื่นๆ อยู่บนรถไฟกันทั้งคืน ราวๆ ตี 5 ก็เริ่มตื่นขึ้นมานั่งชมวิวข้างทางกันแล้ว (ใจจริงก็ยังไม่อยากตื่นนะ แต่ลุงป้าน้าอาตื่นกันเกือบหมดแล้ว เลยไม่กล้านอนต่อ เดี๋ยวจะดูไม่งามค่ะ)

นั่งคุยกันอีกพักใหญ่กว่าจะถึงหนองคาย รถไฟถึงตรงเวลานะ 8.35 น. พอลงจากรถไฟก็ตรงไปซื้อตั๋วรถไฟระหว่างประเทศข้ามจากหนองคายไปสถานีท่านาแล้ง ราคาตั๋วคนละ 20 บาทค่ะ แล้วก็มากรอกเอกสารขอข้ามแดน สำหรับคนที่ถือพาสปอร์ตมาด้วย คือใบ Immigration ปกติเหมือนที่ใช้ที่สนามบินนั่นแหละ ไม่มีอะไรยุ่งยากค่ะ เพราะแจ้งทุกคนในคณะนำพาสปอร์ตมาด้วยอยู่แล้ว แต่ถ้าไม่มีมา ก็ไม่แน่ใจนะว่าจะยุ่งยากกว่ากันแค่ไหน จริงๆ ถ้ารู้มาก่อนว่าแค่เอกสารขอข้ามแดนอย่างเดียว ก็คงจัดการของทุกคนมาจากกรุงเทพฯ แล้วแหละ แต่ถึงต้องมากรอกที่นี่ก็ไม่เสียเวลาอะไรนักค่ะ เพราะทุกคนกรอกเอกสารกันเองได้ พอเอกสารเรียบร้อย ก็มาต่อคิวรอตรวจและประทับตราจากตำรวจตรวจคนเข้าเมือง หรือที่เราเรียกกันติดปากว่า ตม. เท่านี้ก็เรียบร้อยแล้ว เดินลากกระเป๋าสบายใจไปขึ้นรถไฟระหว่างประเทศไทย-ลาว (หนองคาย - ท่านาแล้ง)

ระหว่างรอเวลารถออก (จริงๆ แล้วคือรอให้นักท่องเที่ยวทั้งหลายผ่านตม.ให้หมดเสียก่อนนั้นแหละ) เราก็เก็บภาพบรรยากาศกันไปพลางๆ วันนี้มีนักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างชาติ รวมถึงคนลาวเองใช้รถไฟข้ามแดนกันพอสมควร ทั้งที่เป็นวันธรรมดา นี่ถ้าเป็นเสาร์-อาทิตย์ คนคงเยอะกว่านี้แน่

ผู้แสดงความคิดเห็น คนแรมทาง (supansa_c-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2010-07-15 22:07:36 IP : 118.174.55.207


ความคิดเห็นที่ 33 (1383027)
avatar
คนแรมทาง
image

สวัสดีค่ะลุงป้าน้าอา และพี่น้องทุกคน กลับมาจากทริปหลวงพระบางได้กว่าสองอาทิตย์แล้ว ทีแรกคิดว่าจะได้เริ่มลงกระทู้นี้ตั้งแต่อาทิตย์ที่แล้ว แต่ก็มีเรื่องผิดแผนมากมายหลายเรื่องให้ปวดหัว กว่าสมองจะปลอดโปร่งโล่งพอที่จะเริ่มบรรเลงกระทู้หลวงพระบางนี้ หวังว่าคงจะยังมีคนรอติดตามชมนะคะ เริ่มกันเลยแล้วกันนะ

จุดเริ่มต้นของทริปนี้ สืบเนื่องมาจากทริปแสวงบุญสู่สังเวชนียสถานอินเดีย-เนปาล เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา เราได้ลูกค้าลาวส่งตรงจากสปป.ลาวมาร่วมทริปด้วย 3 คน เป็นคู่พ่อเฒ่าแม่เฒ่า ซึ่งอยู่บ่อแก้ว และลูกสาว ซึ่งทำธุรกิจเกสเฮ้าท์อยู่ที่หลวงพระบาง เมื่อได้เวลาต้องแยกย้ายในวันสุดท้ายของทริปนั้น คำเชื้อเชิญให้แต่ละคนไปเยี่ยมบ้านของกันและกันก็เริ่มขึ้น ถึงไม่ได้สัญญา แค่รับปากว่าจะไปหาเมื่อมีโอกาส นั่นแหละคือที่มาของทริปนี้... "การเดินทางครั้งแรกสู่หลวงพระบาง"

หลังจากวางแผนกันอยู่นาน (จริงๆ แล้วแผนการไปหลวงพระบางนั้นเกิดขึ้นนานมากแล้ว แต่ยังไม่ได้ฟันธงว่าจะไปเมื่อไหร่ ยังไง จนกระทั่งเมื่อเราได้ลูกค้าจากหลวงพระบางนี่แหละ แผนนี้จึงได้เป็นจริงเสียที) เนื่องจากการเดินทางสู่สปป.ลาวนั้นสะดวกดาย และสามารถเลือกได้หลากหลายเส้นทาง สุดท้ายเราก็มาลงตัวที่การนั่งรถไฟตู้นอนจากหัวลำโพงช่วงค่ำ ไปสว่างที่จังหวัดหนองคาย แล้วข้ามสู่เวียงจันทน์ โดยต่อรถไฟระหว่างประเทศที่สถานีหนองคายสู่สถานีท่านาแล้ง ใช้เวลาเพียง 15 นาทีเท่านั้น ทีแรกห่วงว่าถ้ารถไฟขบวนกรุงเทพฯ - หนองคายเสียเวลาขึ้นมา แล้วพวกเราไปไม่ทันขึ้นรถไฟระหว่างประเทศไปลาว จะทำยังไงดี แต่จากการสืบถามข้อมูลจากสถานีหนองคายจึงได้ทราบว่า รถขบวนหนองคาย - ท่านาแล้ง จะยังไม่ออก จนกว่าขบวนรถจากกรุงเทพฯ จะมาถึง ทำให้เราโล่งใจ และฟันธงว่าจะไปทดลองนั่งรถไฟข้ามประเทศไทย-ลาวเป็นครั้งแรกในชีวิต

สรุปโปรแกรมได้เรียบร้อย ก็จัดการเอาลงเว็บเพื่อหาเพื่อนร่วมทางไปสำรวจลาวกัน และตามสไตล์ของทริปสำรวจ ก็ต้องแบกเป้เที่ยวกันแบบลุยๆ หน่อย แต่....

หลังจากสรุปจำนวนคนได้รวม 10 ชีวิต ซึ่งเป็นจำนวนที่มากเกินคาด และยังสูงวัยเกินกว่าที่คิด แผนการหลายอย่างก็เริ่มต้องปรับบ้าง จากที่คิดว่าไปถึงสถานีท่านาแล้ง จะไปหารถสกายแล็บ หรือตุ๊กๆ คันใหญ่ของลาวเที่ยวในเวียงจันทน์ ก่อนจะไปขึ้นรถ VIP บัสไปวังเวียงเที่ยวบ่ายสองโมง ก็เกิดอาการห่วงของว่าตอนเที่ยวจะเอาไว้ที่ไหน และห่วงผู้สูงวัยในคณะว่าจะไม่สะดวกสบาย สุดท้ายเลยตัดสินใจหาช่องทางติดต่อจองรถตู้เที่ยวในเวียงจันทน์กัน

เอาล่ะ...ตามนี้แหละ จองตั๋วรถไฟได้ คงไม่มีอะไรผิดแผนแล้ว(มั้ง) ไปจองตั๋วรถด่วนตู้นอนปรับอากาศขบวน 69 กรุงเทพฯ - หนองคาย ออกเดินทางวันที่ 21 มิ.ย. 10 ที่ และขากลับขบวน 70 หนองคาย - กรุงเทพฯ วันที่ 27 มิ.ย. 10 ที่ได้เรียบร้อย เตรียมตัวเตรียมใจ เตรียมความพร้อมสำหรับการเดินทางได้ แต่.... (อีกแล้ว)

ยังไม่ทันได้ไปไหน ก็มีเรื่องให้ปรับแผนอีกรอบ คือเรามีสมาชิกคนที่ 11 (พี่จุ่น) เพิ่มเข้ามาก่อนเดินทางประมาณ 5 วันค่ะ ทีแรกตั้งใจว่าจะปฏิเสธ เพราะสมาชิก 10 คน ก็ลงตัวแล้ว ห้องก็จองไว้ 5 ห้อง รถตู้ก็น่าจะนั่งได้ 10 พอดี แต่พี่จุ่นก็ยืนยันว่าอยากร่วมเดินทางด้วย เลยขอผลัดพี่จุ่นว่าขอเช็คเรื่องจำนวนที่นั่งในรถตู้ และตั๋วรถไฟก่อน แล้วก็เหมือนดวงจะได้ร่วมเดินทางด้วยกันนะ เพราะรถตู้ที่เราจองไว้เป็นรถรุ่นใหม่ คันใหญ่ นั่งได้ 12 ที่สบายๆ ตั๋วรถไฟก็ยังว่างทั้งไปและกลับ สรุปแล้วทริปนี้เราจึงมีเพื่อนร่วมทาง 11 ชีวิตค่ะ

วันแรกของการเดินทาง วันจันทร์ที่ 21 มิถุนายน 2553 :  สถานีรถไฟหัวลำโพง, กรุงเทพฯ (Bangkok) - หนองคาย (Nong Khai)

ต้นทางของทริปนี้เริ่มขึ้นที่ "หัวลำโพง" รถไฟออกเวลา 2 ทุ่มตรง สมาชิกส่วนใหญ่นัดมารวมพลกันที่หัวลำโพงตอนทุ่มครึ่ง มี 2 คนที่จะดักขึ้นสถานีระหว่างทาง คืออาม่าปี๊ดขึ้นที่สามเสน และป้าดวงขึ้นที่ดอนเมือง

เราสามสาว (พี่ปลา นุ้ย และน้องตาล) มาถึงหัวลำโพงตั้งแต่ยังไม่ทุ่มนึง เลยไปนั่งกินข้าวกันในสถานีรอสมาชิกที่เหลือ แต่สั่งข้าวยังไม่ทันเสร็จ ป้าจิ๋ม ลุงสุนทร ป้าเล็ก และลุงแม็คก็ส่งเสียงผ่านสายมาว่านั่งรถอยู่ที่สถานีแล้ว อ้าว....มาถึงก่อนพวกเราเสียอีก พอกินข้าวเสร็จก็ไปนั่งรวมกลุ่มกันรอเวลา และสมาชิกที่เหลือ คือพี่ต่วนกับพี่จุ่น แล้วก็เห็นพี่ต่วนเดินแว็บๆ สรุปว่าขานี้มาถึงตั้งแต่ 6 โมงเย็น เพราะตีรถมาจากจันทบุรีค่ะ (งานนี้เราหากันไม่ยาก เพราะสมาชิกส่วนใหญ่เป็นลูกค้าเก่าของวันแรมทางอยู่แล้วน่ะ) สุดท้ายก็คือพี่จุ่น ซึ่งเป็นสมาชิกใหม่ ยังไม่เคยเจอกันเลย แต่นั่งกองรวมกันอยู่กลุ่มใหญ่ พี่จุ่นเลยหาไม่ยาก เอาล่ะ....รวมพลชุดแรกครบแล้ว นั่งรอเวลาขึ้นรถไฟกัน ได้ยินขบวนอื่นๆ เค้าจะประกาศว่ารถจะเข้าจอดในชานชลาที่เท่าไหร่ จะเข้าสถานีในอีกกี่นาที เราก็คิดว่าเค้าคงจะเรียกเมื่อขบวน 69 ของเราเข้าเทียบ แต่....(อีกครั้ง)

พอได้ยินเค้าประกาศถึงขบวน 69 ในชานชลาที่ 1 ก็เตรียมลุกจากที่นั่ง มุ่งหน้าสู่ขบวนรถ ยังเดินไม่ทันถึงตู้แรก ก็ได้ยินเสียงประกาศต่อว่า...เหลือเวลาอีก 1 นาที ขบวนรถจะออกจากสถานี....อ้าวววววววว ซะงั้น จ้ำขึ้นรถกันแทบไม่ทัน ขึ้นตั้งแต่ตู้สุดท้ายเลย แล้วค่อยๆ เดินขึ้นไปถึงคันที่ 9 ซึ่งเป็นตู้นอนชั้น 2 ที่ของพวกเรา (ระหว่างทางก็เลยได้ผ่านตู้นอน VIP และตู้นอนชั้น 1 ซึ่งดูดีมากเลย ไว้โอกาสหน้าคงได้ทดลองใช้บริการบ้าง)

เปิดทริปได้น่าประทับใจมาก เกือบพากันตกรถไฟซะแล้ว....ตะลุยรถไฟอินเดียมาก็นักต่อนัก จะพาคณะมาตกรถไฟไทยเสียนี่...555 แต่นี่เป็นครั้งแรกของพี่ปลา และน้องตาลนะ ที่ได้ขึ้นรถไฟตู้นอนของไทย และที่น่าภูมิใจมากก็คือ รถไฟไทยออกตรงเวลาค่ะ (อย่างน้อยก็ครั้งนี้ เป็นต้น)

จัดการจัดสรรที่นั่งที่นอนให้แต่ละคนเรียบร้อย รอจนสมาชิกที่ดักขึ้นระหว่างทางประจำตำแหน่งบนรถไฟครบทีม สนทนาปราศรัยกันได้พอหอมปากหอมคอ ก็แยกย้ายกันพักผ่อนนอนหลับ เก็บแรงไว้เที่ยวลาวกันในรุ่งเช้าค่ะ ราตรีสวัสดิ์...คืนที่ไม่เงียบเหงา...เพราะรถไฟเค้าส่งเสียง ฉึก ฉัก ๆๆ กล่อมตลอดทั้งคืนค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น คนแรมทาง (supansa_c-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2010-07-14 00:31:49 IP : 118.174.54.0


ความคิดเห็นที่ 32 (1382953)
avatar
ป้าดวง
ภาพที่พวกเรายืนเข้าแถวตอนเรียง2อยู่นั่นน่ะเป็นลานจอดรถลอยฟ้า   สูงสุดของทางเส้นนี้ เห็นอะป่าวเทือกเขาข้างหลังเตี้ยไปเลย...ขณะนั่งรถไปหลวงพระบาง ตอนอยู่ตีนดอยคนขับรถเขาชี้ให้ดู บอกว่าเดี๋ยวเราจะไปพักรถตรงนั้น  ป้าก็ได้แต่ร้อง..อู้ฮู...มันสูงจัง เพราะมันเป็นยอดเขาตัด มีเรือนหลังคาแดง(ร้านอาหาร)อยู่หลังนึง..ตอนนั้นยังไม่เห็นลานจอดรถ..กว่าเราจะคอพับคออ่อนไปถึง...ก็เล่นเอาเหนื่อย...แต่พอไปถึง บรรยากาศดีมาก เขาสวย วิวสวย ลมเย็นชื่นใจ หายเหนื่อย และได้เข้าห้องน้ำราคามาตรฐาน 5 บาท
ผู้แสดงความคิดเห็น ป้าดวง วันที่ตอบ 2010-07-13 12:10:30 IP : 172.31.80.101





Copyright © 2007-2037 สงวนลิขสิทธิ์ภาพและบทความที่จัดทำขึ้นโดยเว็บไซต์ ห้ามลอกโดยเด็ดขาด