อัพเดทโปรแกรม 10/09/2562 |
.png) |
|
 |
|
เลห์ ลาดักห์ |
ทัวร์อินเดีย .. |
กรุงเทพ เดลลี แคชเมียร์ ศรีนากา โซนามาร์ค ลามายุรุ หมู่บ้านอัลชิ บาสโก้
นูบราวัลเล่ย์ แม่น้ำ Sheyok ทะเลสาบพันกอง ทะเลสาบโซโมริริ
เลห์ เดลลี กรุงเทพ
|
1-13 กรกฎาคม 2563 |
13 วัน 10 คืน |
เปิดรับ 12 ท่าน |
|
|
ค่าทัวร์
50,000 บาท
บวกเพิ่ม
ค่าตั๋วเครื่องบิน
*ราคาตามจริงในวันที่จอง
1x,xxx บาท
|
|
|
คำเตือน..ด้วยรักและห่วงใย |
ว่ากันว่า ที่นี่ คือ "สถานที่ที่สวรรค์กับโลกมนุษย์มาบรรจบกัน"
ถึงแม้ว่า เส้นทางนี้งดงามเกินบรรยาย ชนิดที่เรียกว่า ควรไปเห็นด้วยตาให้ได้สักครั้งในชีวิต ถึงแม้ว่า เสน่ห์ของทริปนี้ อยู่ที่วิวสองข้างทาง สวยงามจนหลับตาไม่ลง แต่ ทริปนี้ไม่ได้สะดวกสบาย ไปลำบาก นั่งรถเหนื่อยมาก อาหารพื้นเมืองไม่อร่อย กินกันไม่ค่อยได้ !
ด้วยเป็นพื้นที่ที่อยู่สูงเหนือจากระดับน้ำทะเลเกินกว่า 4,000 เมตร จึงสุ่มเสี่ยงต่ออาการแพ้ความสูง ทำให้ปวดหัว อาเจียน หายใจไม่ทัน หรือหัวใจวาย
|
ดังนั้น กรุณาอ่านโปรแกรมดีๆก่อนตัดสินใจจอง
ถ้าร่างกายไม่แข็งแรง เช่น
เป็นโรคหัวใจ ความดันสูง หอบหืด ไม่ควรเดินทาง ..
หากชวนเพื่อนกรุณาบังคับให้เพื่อนอ่านด้วย
เพื่อนที่เรื่องเยอะ ห้ามชวน !
|
กรุณาอ่านรายละเอียด
อ่านเงื่อนไขราคา และ การชำระเงิน ให้เข้าใจก่อนจอง |
|
|
ใช้รถ Mahindra Xylo/Scorpio *นั่งคันละ 3 คน |
ทุกคนได้นั่งริมหน้าต่าง ขึ้นลงสะดวกสบาย เก็บกระเป๋าด้านในรถ |
ดูสถานะการจองและที่นั่งว่าง ได้จากลิงค์นี้นะคะ
https://www.wanramtang.com/name-update/kashmir-leh.html |
|
|
|
|

|
จุดนัดพบ
สนามบินสุวรรณภูมิ ชั้น 4 ประตู 5-6
ใกล้ๆ Row K หรือ บริเวณที่นั่งหน้าประตู
วันอังคารที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2563
เวลา 18.00 น. (หกโมงเย็น) |
|
โปรแกรมการเดินทาง |
|
DAY 01 |
วันพุธที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2563 |
|
เที่ยวบิน |
.png) |
AI335 |
bangkok-delhi |
|
21.05-23.45 |
|
 |
|
|
bangkok - delhi |
เริ่มโปรแกรมทัวร์-
18.00 น. พบกันที่สนามบินสุวรรณภูมิ เช็คอินบัตรโดยสารและโหลดสัมภาระ
*รับ O2 ออกซิเจน แพ็คใส่กระเป๋าใครกระเป๋ามัน คนละ 1 กระป๋อง
*สามารถโหลดกระเป๋าได้หนักไม่เกิน 20 กิโลกรัม เท่านั้น
เช็คอินเสร็จแล้ว แยกย้ายกันเข้าด้านใน ผ่าน ตม. รอขึ้นเครื่องพร้อมกัน
21.05 น. ได้เวลาเครื่องออก เดินทางสู่ประเทศอินเดีย
ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 ชั่วโมง *กินอาหารค่ำบนเครื่องบิน
23.45 น. ถึงแผ่นดินอินเดีย ผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากร
|
|
DAY 02 |
วันพฤหัสบดีที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2563 |
|
เที่ยวบิน |
.png) |
AI827 |
delhi-srinagar |
|
07.25-08.40 |
|
 |
|
|
delhi - srinagar - sonamarg |
รอต่อเครื่องไป ศรีนากา
*กินอาหารเช้าที่สนามบิน (ค่าอาหารไม่รวมอยู่ในค่าทัวร์)
07.25 น. ได้เวลาเครื่องออก
08.40 น. เดินทางถึงสนามบินศรีนากา |
Sonamarg |
รถมารับที่สนามบิน เดินทางต่อสู่ โซนามาร์ค (Sonamarg)
*ระยะทางประมาณ 84 กิโลเมตร นั่งรถ 3-4 ชม. |
 |
 |
โซนามาร์ค (Sonamarg) |
โซนามาร์ค (Sonamarg) |
|
โซนามาร์ค (Sonamarg)
ได้ชื่อว่าเป็นประตูสู่ลาดักห์ มีความหมายว่า เมืองที่ยากแก่การค้นหา โซนามาร์ค ตั้งอยู่ในหุบเขาชิน (Sindh) บนเทือกเขา Shakhdan หรือ เรียกตามภาษาท้องถิ่น ว่าเทือกเขาทาจิวาส ในฤดูหนาวจะได้พบกับความงามของเทอกเขาที่ปกคลุมไปด้วยหิมะขาวโพลน ส่วนในฤดูร้อนท้องทุ่งกว้างจะคลุมไปด้วยทุ่งหญ้าเขียวขจี มีสายน้ำตกและลำธารน้ำใส ที่เกิดจากการละลายของหิมะธารน้ำแข็ง |
เที่ยง- เดินทางถึงโซนามาร์ค เข้าสู่โรงแรมที่พัก กินอาหารกลางวัน
แล้วออกไปเดินเที่ยว ตามสมควรแก่เวลา
*บังคับเดิน ต้องปรับร่างกายกันหน่อย
กินอาหารเย็น ที่โรงแรมที่พัก แล้วพักผ่อนตามอัธยาศัย |
|
DAY 03 |
วันศุกร์ที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2563 |
|
|
sonamarg - lamayuru |
กินอาหารเช้า แล้วรีบออกเดินทาง วันนี้เราต้องเดินทางไกลมาก
*ระยะทางประมาณ 230 กิโลเมตร นั่งรถนาน 8-10 ชม. |
 |
 |
รถที่เราใช้ตลอดการเดินทาง นั่งคันละ 3 คน |
เต็นท์ห้องน้ำของเรา ปวดฉี่จอดได้ทันที |
|
Drass Village |
ระหว่างทางผ่าน เมืองดราส (Drass) เมืองที่ถูกบันทึกไว้ว่า เป็นพื้นที่ที่มีคนอาศัยอยู่จริงที่หนาวเย็นที่สุดเป็นอันดับสองของโลก (the second coldest inhabited place in the world)
เที่ยง- พักกินอาหารกลางวันระหว่างทาง |
 |
 |
ถนนจากโซนามาร์ค หน้าผาสูงชัน |
เก็บวิวสวยๆระหว่างทางจาก โซนามาร์ค-ดราส |
|
Chamba Statue & Fotula Top |
แวะที่ Chamba Statue ที่นี่มีพระพุทธรูปพระศรีอารยเมตไตรย์ แกะสลักอยู่บนภูเขาหิน อายุเก่าแก่กว่าพันปี แวะกราบนมัสการ ขอพรให้เดินทางปลอดภัย แล้วเดินทางต่อผ่าน Fotula Top จุดสูงสุดบนเส้นทาง เลห์-ศรีนากา หรือ Highest Point the Srinagar Leh Road จุดนี้อยู่สูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 4,118 เมตร
|
 |
 |
วิวสวยๆจาก Fotula Top |
Chamba Statue พระศรีอารยเมตไตรย์ บนผาหิน |
|
ช่วงเย็น- เดินทางถึง ลามายุรุ (Lamayuru) เข้าสู่ที่พัก
กินอาหารเย็น แล้วนอนหลับพักผ่อนให้หายเหนื่อยจากการเดินทาง
|
|
DAY 04 |
วันเสาร์ที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2563 |
|
|
lamayuru - alchi |
Lamayuru Gompa |
กินอาหารเช้า แล้วไปเที่ยวกันที่ วัดลามายุรุ (Lamayuru Gompa) วิหารของวัดตั้งอยู่บนยอดเขาสูงแวดล้อมด้วยเทือกเขาขนาดใหญ่ ภายในวัดมีถ้ำเล็กๆซึ่งประดิษฐานรูปปั้น ท่านมอราปะ ลามะองค์สำคัญ ผู้ก่อตั้งนิกาย Kagyupa ซึ่งเชื่อกันว่าท่านเคยมาปฏิบัติสมาธิภาวนาในถ้ำแห่งนี้ |
ลามายุรุ (Lamayuru)
อยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเล 3,510 เมตร (10,520 ฟุต) ด้วยทำเลที่ตั้งของลามายุรุนั้นเคยเป็นทะเลสาบมาก่อน ปัจจุบันท้องทะเลสาบแห้งสนิทเห็นชั้นดินที่ธารน้ำแข็งกัดเซาะเป็นร่องลึก และเป็นชั้นๆสวยงามแปลกตา จนถูกขนานนามว่า Moon Land หรือ โลกพระจันทร์ |
Moon Land |
ออกเดินทางสู่ หมู่บ้านอัลชิ
*ระยะทางประมาณ 60 กิโลเมตร นั่งรถนาน 2-3 ชั่วโมง
ระหว่างทางผ่าน หุบเขาที่กล่าวกันว่าดูคล้ายพื้นผิวดวงจันทร์มากที่สุด แวะถ่ายรูปกันบริเวณที่เรียกว่า Moon Land ด้วยทำเลที่ตั้งของลามายุรุนั้นเคยเป็นทะเลสาบมาก่อน ปัจจุบันท้องทะเลสาบแห้งสนิทเห็นชั้นดินที่ธารน้ำแข็งกัดเซาะเป็นร่องลึก มองเห็นเป็นชั้นๆสวยงามแปลกตา จนถูกขนานนามว่าโลกพระจันทร์ |
 |
 |
Lamayuru Gompa วัดลามายุรุ |
Moon Land หุบเข้าโลกพระจันทร์ |
 |
 |
วัดอัลชิ (Alchi Gompa) |
พระโพธิสัตวิ์ ภายในวัดอัลชิ |
|
Alchi Gompa |
เดินทางถึงหมู่บ้านอัลชิ เข้าสู่ที่พัก แล้วกินอาหารกลางวัน
แล้วไปเที่ยวชม วัดอัลชิ (Alchi Gompa) วัดเก่าแก่อายุหลายร้อยปี เป็นวัดเล็กๆในหมู่บ้านที่ดูเงียบสงบ วิหารของวัดนี้สร้างด้วยไม้ ผสมโครงสร้างที่เป็นอิฐ ในรูปแบบดั้งเดิมของชาวลาดักห์ ภายในวิหารเก่าๆนั้น มีพระพุทธรูปดินปั้นเก่าแก่และงดงามมาก ประดิษฐานอยู่ด้วย ด้านหลังวัดติดกับลำธารที่มีน้ำสีฟ้าสวยทีเดียว
บ่ายถึงเย็น- เดินเล่นในหมู่บ้าน กินอาหารเย็น คืนนี้พักผ่อนสบายๆ |
|
DAY 05 |
วันอาทิตย์ที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2563 |
|
|
alchi - leh |
กินอาหารเช้า
"ครึ่งวันเช้า ให้เวลาอิสระ ใช้ชีวิตเพลินๆ ที่หมู่บ้านอัลชิ"
เที่ยง- กินอาหารกลางวัน แล้วออกเดินทางสู่ เมืองเลห์
*ระยะทางประมาณ 80 กิโลเมตร นั่งรถนาน 3-4 ชั่วโมง |
เมืองเลห์ (Leh)
อยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเล 3,500 เมตร เป็นเมืองหลวงของลาดักห์ คือดินแดนที่ซ่อนเร้นอยู่ท่ามกลางขุนเขา ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของเทือกเขาหิมาลัย เต็มไปด้วยภูเขาหิมะที่สูงกว่า 7,000 เมตร จากระดับน้ำทะเล เทือกเขาสูงที่โอบล้อม ทำให้เลห์กลายเป็นดินแดนลี้ลับที่ยากแก่การเข้าถึง
ลาดักห์ในอดีต เคยเป็นอาณาจักรใหญ่ที่รุ่งเรือง เป็นชุมทางการค้าขายของ 1 ใน 3 เส้นทางสำคัญของหิมาลัยโบราณ อันได้แก่ เส้นทางสายไหม เส้นทางเกลือ และ เส้นทางเครื่องเทศ พ่อค้ามากมายเดินทางมาพบปะเจรจา แลกเปลี่ยนซื้อขายสินค้า ที่นี่จึงเป็นจุดเชื่อมต่อวัฒนธรรมและอารยธรรม ระหว่างเอเชียกลาง เอเชียตะวันตก ตะวันออกกลาง และยุโรป |
Basgo |
บ่าย- แวะไปเที่ยวกันที่ บาสโก้ (Basgo) หมู่บ้านบาสโก้ ชุมชนเล็กๆอยู่ไม่ไกลจากหมู่บ้านอัลชิ บาสโก้มีชื่อเสียงเพราะ UNESCO Asia-Pasific Heritage ภายในมีวัดและพระพุทธรูป พระศรีอาริยเมตไตรย์ ขนาดใหญ่ที่ปั้นด้วยดินเหนียว เก่าแก่และงดงามมากองค์หนึ่ง |
 |
 |
บาสโก้ (Basgo) |
แม่น้ำสินธุ พบ แม่น้ำซันสการ์ (Nimmu) |
|
ระหว่างเส้นทาง แวะถ่ายรูปที่ Nimmu เป็นจุดที่แม่น้ำสองสาย คือ แม่น้ำสินธิ (Indus River) และ แม่น้ำซันสการ์ (Zanskar River) ไหลมาบรรจบกัน แล้วขึงเดินทางเข้าสู่เมืองเลห์
เย็นถึงค่ำ- กินอาหารค่ำ แล้วแยกย้ายเข้านอน คืนนี้หลับสบายกันที่เลห์ |
|
DAY 06 |
วันจันทร์ที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2563 |
|
|
leh (city tour) |
Shey Palace |
ตื่นเช้า- กินอาหารเช้า แล้วไปเที่ยวสบายๆกันต่อ ในเมืองเลห์
เริ่มที่ พระราชวังเชย์ (Shey Palace) ตอนแสงสวยๆ แต่เดิมเมืองเชย์ เป็นเมืองหลวงเก่าของลาดักห์ พระราชวังนี้สร้างโดย กษัตริย์ Deldan Namgyal เพื่อระลึกถึงผู้เป็นพระบิดา Singge Namgyal กำแพงของพระราชวังถูกฉาบด้วยทองคำผสมทองแดง ก่อสร้างเพื่อเป็นพระราชวังฤดูร้อนของกษัตริย์แห่งลาดักห์ ภายในมีองค์พระศากยมุณีที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคนี้ |
 |
 |
วิวด้านหน้าพระราชวังเชย์ (Shey Palace) |
องค์พระศากยมุณี ภายในพระราชวังเชย์ |
|
Hemis Gompa |
แล้วไปต่อที่ วัดเฮมิส (Hemis monastery) เป็นวัดเก่าแก่ที่มีชื่อเสียง จัดได้ว่าใหญ่ที่สุดและมั่งคั่งที่สุดในลาดักห์ ตั้งอยู่บนฝั่งแม่น้ำสินธุ (Indus River) เช่นเดียวกับวัดสำคัญอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น Lamayuru, Alchi, Stok และ Thiksey |
 |
 |
องค์คุรุปัทมสัมภวะ ภายในวัดเฮมิส |
วัดเฮมิส (Hemis Monastery) |
|
Thiksey Gompa |
กลางวัน- ได้เวลาท้องหิว กินอาหารกลางวัน
แล้วไปต่อที่ วัดธิคเซย์ (Thiksey Monastery) เป็นวัดที่สวยงามที่สุดของลาดักห์ อยู่ในนิกายเกลุคปา ภายในวัดมีองค์พระศรีอารยะเมตไตรย์ ซึ่งชาวพุทธสายมหายานเชื่อว่า เป็นพระโพธิสัตว์องค์ต่อไป ที่จะคอยช่วยเหลือมนุษย์ |
 |
 |
วัดธิคเซย์ (Thiksey Monastery) |
พระศรีอารยเมตไตรย์ วัดธิคเซย์ |
 |
 |
Shanti Stupa |
วิวยามพระอาทิตย์ตก มองจาก Shanti Stupa |
|
Shanti Stupa |
แล้วปิดท้ายของวันนี้กันที่ Shanti Stupa ชมบรรยากาศยามเย็น อยู่ห่างจากตัวเมืองเลห์ประมาณ 2 กิโลเมตร Shanti Stupa เป็นเจดีย์สันติภาพที่สร้างขึ้นโดยชาวญี่ปุ่น ที่นี่เป็นจุดชมวิวที่สามารถเห็นตัวเมืองเลห์ ได้อย่างชัดเจน แสงสีทองจับทิวเขาขณะอาทิตย์ลับขอบฟ้า สวยงามจับใจ
เย็นถึงค่ำ- กินอาหารค่ำ แล้วแยกย้ายเข้านอน คืนนี้หลับสบายกันที่เลห์ |
|
DAY 07 |
วันอังคารที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2563 |
|
|
leh (city tour) |
Leh Palace |
ตื่นเช้า- กินอาหารเช้า แล้วไปเที่ยวกันที่ พระราชวังเลห์ (Leh Palace) เป็นพระราชวัง ที่ตั้งอยู่อย่างโดดเด่นกลางเมืองเลห์ สร้างในปี ค.ศ. 1630 มีลักษณะรูปแบบสถาปัตยกรรมใกล้เคียงกับพระราชวังโปตาลาในทิเบต คือมีผนังเอียงเข้าหากันทุกด้าน
|
 |
 |
พระราชวังเลห์ (Leh Palace) |
วัด Namgyal Tsemo Gompa |
|
Namgyal Tsemo Gompa |
แวะเที่ยว วัด Namgyal Tsemo Gompa สร้างตั้งแต่ปี ค.ศ.1430 ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปขนาดใหญ่ และพระคัมภีร์เก่าแก่จากทิเบต บริเวณเหนือตัววัดจะเป็นป้อมปราการเก่า เป็นจุดชมวิวที่สามารถเห็นเมืองเลห์ได้อย่างสวยงาม
เที่ยง- กินอาหารกลางวัน
"ช่วงบ่าย ให้เวลาอิสระ เดินเล่น เพลินๆ พักผ่อน เที่ยวตลาด ตามอัธยาศัย"
มื้อเย็น กลับมากินอาหารค่ำที่โรงแรม
หรือจะเลือกกินเอง ข้างนอกก็ตามสะดวก สบายๆกันเลย
แล้วแยกย้ายเข้านอน คืนนี้หลับสบายกันที่เลห์
|
|
DAY 08 |
วันพุธที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2563 |
|
|
leh - nubra valley |
ตื่นเช้า- กินอาหารเช้ากัน วันนี้ต้องเดินทางไกลมากอีกครั้ง
เก็บกระเป๋า ขึ้นรถมุ่งหน้าสู่ นูบราวัลเล่ย์ (Nubra Valley)
*ระยะทางประมาณ 150 ก.ม. ใช้เวลาเดินทาง 4-5 ชั่วโมง
|
Khardung-La Pass |
จากนั้น เป็นไฮไลท์ของวัน เราจะผ่านเส้นทางรถยนต์สูงที่สุดในโลกคือ กาดุงลาพาส Khardung-La Pass อยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเล 5,578 เมตร แวะถ่ายรูปกันตามสมควรแก่เวลา |
 |
 |
Khardung-La Pass |
Khardung-La Pass |
|
นูบราวัลเลย์ (Nubra Valley)
อยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเล 3,048 เมตร เป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางคารวานในอดีต เชื่อมต่อกับเส้นทางสายไหมอันโด่งดัง นูบราหมายถึงหุบเขาแห่งดอกไม้ เป็นแหล่งปลูก Apricot และผลไม้หลากหลายของลาดักห์ และเป็นที่อยู่อาศัย ของนกนานาชนิด อยู่ห่างจากเลห์ไปทางเหนือ ประมาณ 150 กิโลเมตร โอบล้อมด้วยเทือกเขาหิมาลัยและเทือกเขาคาราโครัม (Karakoram Range) ซึ่งเทือกเขาคาราโครัมนี้ เป็นเขตแดนตามธรรมชาติกั้นอินเดียกับปากีสถาน |
Diskit Gompa & Sand Dune |
ช่วงบ่าย- เดินทางถึง นูบราวัลเลย์ เข้าสู่ที่พัก เก็บของพักเหนื่อย
แล้วออกไปเที่ยว วัดดิสกิต (Diskit Gompa) วัดเก่าแก่ที่สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ.1420 สักการะ พระศรีอารยเมตไตรย์ องค์ใหญ่ ถ่ายรูปจุดชมวิวตามอัธยาศัย |
 |
 |
วัด Diskit - Nubra Valley |
พระศรีอารยเมตไตรย์ วัด Diskit |
 |
 |
ขี่อูฐสองหนอก ที่ sand dune |
ชาวบ้านขายผักในตลาด |
|
ช่วงบ่าย- เดินทางถึง นูบราวัลเลย์ เข้าสู่ที่พัก เก็บของพักเหนื่อย
พอแดดร่มๆ ไปเที่ยวที่ เนินทราย Sand Dunes ไปดู อูฐหลัง 2 หนอก (Bactrian camels) ที่หลงเหลือมาจากสมัยที่ขบวนคาราวานยังผ่านไปมา ในเส้นทางสายไหม Trans-Karakoram อันเก่าแก่ ทุกวันนี้อูฐทำงานรับจ้างบริการนักท่องเที่ยว แทนอาชีพคาราวานดั้งเดิม
เราจะ ขี่อูฐ เดินเล่นบนผืนทะเลทรายกัน
*ค่าขี่อูฐ และค่าทิปให้คนจูงอูฐ ไม่รวมอยู่ในค่าทัวร์ ต่างคนต่างจ่ายกันตรงนั้น
เผื่อเงินค่าอูฐและทิป ประมาณ 500-600 รูปี
เย็นถึงค่ำ- แวะไปเที่ยวเดินตลาดเล็กๆในหมู่บ้าน แล้วกลับเข้าสู่ที่พัก
กินอาหารเย็น คืนนี้หลับสบายกันที่ นูบราวัลเล่ย์
|
|
DAY 09 |
วันพฤหัสบดีที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2563 |
|
|
nubra valley - pangong lake |
Pangong Tso |
ตื่นเช้า- กินอาหารเช้า วันนี้ต้องเดินทางไกลมากอีกครั้ง
ขึ้นรถมุ่งหน้าสู่ ทะเลสาบพันกอง (Pangong Tso)
วันนี้เราเดินทางเรียบแม่น้ำ Sheyok River
นั่งรถทั้งวัน *ระยะเวลาการเดินทางขึ้นอยู่กับสภาพถนน
ชมวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม ระหว่างเส้นทางสู่ทะเลสาบพันกอง
กินอาหารกลางวัน (เป็น แซนวิช ซุปร้อนๆ และ มาม่า) |
 |
 |
แม่น้ำ Shyok River |
ทะเลสาบพันกอง (Pangong Lake) |
|
 |
ทะเลสาบพันกอง (Pangong Lake) |
|
ทะเลสาบพันกอง (Pangong Lake)
มีความยาวถึง 40 ไมล์ กว้าง 2-4 ไมล์ พื้นที่ 75% ของทะเลสาบอยู่ในดินแดนทิเบต อีก 25% อยู่ในเขตของอินเดีย เป็นทะเลสาบน้ำเค็มที่อยู่สูงที่สุดในโลก คือ 4,350 เมตร จากระดับน้ำทะเล ชื่นชมความงามของทะเลสาบที่มีภูเขาสูงเป็นฉากหลัง น้ำในทะเลสาบแห่งนี้มีสีสันที่งดงามมาก โดยเฉพาะในช่วงเย็นน้ำจะมีสีน้ำเงินเข้ม งดงามจับใจ ถ่ายรูป พักผ่อนชื่นชมธรรมชาติกันตามอัธยาศัย |
บ่ายถึงเย็น- ดื่มด่ำกับความงามของทะเลสาบ ชื่นชมธรรมชาติกันเต็มที่
ช่วงค่ำ- เข้าสู่ที่พัก กินอาหารค่ำ แล้วนอนหลับพักผ่อน |
|
DAY 10 |
วันศุกร์ที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2563 |
|
|
pangong lake - tsomoriri lake |
ตื่นเช้า- กินอาหารเช้ากัน
ออกเดินทาง มุ่งหน้าสู่ ทะเลสาบโซโมริริ (Tsomoriri)
เป็นเส้นทางถนนที่ขรุขระมาก หัวสั่นหัวคลอนมาก ลำบากมาก
แต่วิวสองข้างทาง งดงามมาก คุ้มค่ากับความเหนื่อยยากในวันนี้
*ระยะเวลาการเดินทางขึ้นอยู่กับสภาพถนน *
++ ใช้เวลาเดินทางไม่ต่ำกว่า 8 ชั่วโมง ++
กินอาหารกลางวัน (เป็น แซนวิช ซุปร้อนๆ และ มาม่า)
|
ทะเลสาบโซโมริริ (Tsomoriri Lake)
ทะเลสาบงดงาม อยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเล 4,522 เมตร (14,836 ฟุต) ในภาษาทิเบตทะเลสาบนี้มีชื่อว่า ไวลี (Wylie) หรือ lha mo bla mtsho ทะเลสาบโซโมริริ อยู่ในที่เขตที่ราบสูง Changthang เป็นทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคทางตอนเหนือในเขตหิมาลัยของอินเดีย มีพื้นที่ติดกับทั้งลาดักห์ ซันสการ์ และทิเบต |
 |
 |
ลาป่า (Wild Ass) พบได้ระหว่างทาง |
ทะเลสาบโมริริ (Tsomoriri Lake) |
|
บ่ายถึงเย็น- ดื่มด่ำกับความงามของทะเลสาบ ชื่นชมธรรมชาติกันเต็มที่
ช่วงค่ำ- เข้าสู่ที่พัก กินอาหารค่ำ แล้วนอนหลับพักผ่อน |
|
DAY 11 |
วันเสาร์ที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2563 |
|
|
tsomoriri lake - leh |
ตื่นเช้า- กินอาหารเช้ากัน
ก่อนกลับ ให้เวลาเต็มอิ่ม ที่ทะเลสาบสีเงินอันงดงาม
แวะไปเที่ยววัด เก่าแก่ในหมู่บ้านริมทะเลสาบ
เดินทางกลับเข้าสู่เมืองเลห์
*ระยะทางถึงเลห์ประมาณ 220 ก.ม. ใช้เวลาเดินทาง 5-6 ชั่วโมง
เที่ยง- กินอาหารกลางวัน ระหว่างทาง
|
.png) |
หมู่บ้าน ริมทะเลสาบโมริริ (Tsomoriri Lake) |
|
ช่วงเย็น- ให้เวลาตามอัธยาศัย Shopping ตามสะดวก
Special Dinner
ช่วงค่ำ- กินอาหารเย็น ที่ร้านอาหารอร่อยๆในเมือง คืนนี้หลับสบายกันที่เลห์ |
|
DAY 12 |
วันอาทิตย์ที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2563 |
|
เที่ยวบิน |
.png) |
AI446 |
leh-delhi |
|
11.55-13.30 |
|
 |
|
|
leh - delhi |
ตื่นนอน- กินอาหารเช้า แล้วออกเดินทางสู่สนามบิน
ถึงสนามบินเลห์ Check in บัตรโดยสารและโหลดสัมภาระ
*สามารถโหลดกระเป๋าได้หนักไม่เกิน 25 กิโลกรัม
11.55 น. ได้เวลาเครื่องออก เดินทางสู่สนามบินเดลลี
*ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง 25 นาที
13.30 น. ถึงสนามบินเดลลี
|
 |
 |
ร้าน Anokhi Shop |
Shopping ซื้อของฝากกลับบ้าน |
|
รถมารับออกไป กินอาหารกลางวัน ในเมือง
"พาไป Shopping ที่เดลลี ระหว่างรอต่อเครื่อง"
กินอาหารค่ำ ที่สนามบิน *มีเงินสดให้คนละ 500 รูปี
23.00 น. ได้เวลาเครื่องออก
*ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 ชม *บนเครื่องบินมีบริการอาหารให้ด้วย |
|
DAY 13 |
วันจันทร์ที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2563 |
|
เที่ยวบิน |
.png) |
AI334 |
delhi-bangkok |
|
23.00-04.45 |
|
 |
|
|
delhi - bangkok |
04.45 น. ถึงสุวรรณภูมิ โดยสวัสดิภาพ
พร้อมกับมุมมองใหม่ๆในโลกใบเดิมที่แคบลงเสมอ เมื่อการเดินทางสิ้นสุด
สวัสดีเมืองไทย
จบโปรแกรมทัวร์-
|
|
หมายเหตุ- โปรแกรมการเดินทาง อาจเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสมของช่วงเวลา และสถานการณ์เฉพาะหน้า |
|
 |
|
ราคาทัวร์- 50,000 บาท
+ ตั๋วเครื่องบิน ประมาณ 1x,xxx บาท
*เป็นราคาตั๋วโดยประมาณ จ่ายค่าตั๋วเครื่องบินตามจริง ณ วันที่จองทริป
เงื่อนไข-
ต้องการ พักเดี่ยว- จ่ายเพิ่มท่านละ 9,000 บาท
*ไม่แนะนำให้พักคนเดียว เพื่อความปลอดภัย เผื่อเป็นอะไรตอนกลางคืน
ส่วนลดพิเศษ- (หักจากการจ่ายเงินงวดสุดท้าย)
มีวีซ่าอินเดียอยู่แล้ว หรือ ทำวีซ่าเอง ลดค่าวีซ่า 1,500 บาท
เคยเดินทางกับ วันแรมทาง ลด 1,000 บาท
ราคานี้รวม-
ค่าตั๋วเครื่องบิน
สายการบิน
เส้นทาง Bangkok-Delhi-Srinagar//Leh-Delhi-Bangkok
ค่าธรรมเนียมน้ำมันและภาษีสนามบิน ไทย-อินเดีย
ค่าวีซ่าอินเดีย EVISA *อายุวีซ่า 1 ปี Multiple Entry
ยา Acetazolamide (Diamox) 250 mg มีสำหรับทุกท่าน
O2 ออกซิเจน ฟรี .. ส่วนตัวคนละ 1 กระป๋อง , ติดรถเป็นกองกลาง 1 แท็งค์
.png)
อาหารมื้อหลักทุกมื้อ รวม ชา กาแฟ ของหวาน และผลไม้
อาหารไทย ปรุงโดย Tour Leader *เป็นบางมื้อ
ค่าน้ำดื่ม (น้ำเปล่าบรรจุขวด) ไม่จำกัดจำนวน .. กรุณาดื่มอย่างรู้คุณค่า
ที่พัก Hotel/Homestay/Camp พักห้องละ 2 ท่าน
ถ้าต้องการพักห้องละ 3 ท่าน ท่านที่ 3 ต้องนอนเตียงเสริม *ไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่ม
ค่ารถตลอดเส้นทาง
ศรีนากา-โซนามาร์ค รถตู้ Tempo Traveller ปรับอากาศ 10 ที่นั่ง
เลห์ ลาดักห์ รถ Marhindra Scorpio/Xylo ลูกทัวร์นั่งคันละ 3 คน
เดลลี รถบัสปรับอากาศ 18-24 ที่นั่ง
ค่าบัตรเข้าชมสถานที่ต่างๆ (เฉพาะตามที่ระบุในโปรแกรม)
ค่าบริการ หัวหน้าทัวร์คนไทย (ไม่รวมทิป)
ค่าบริการ ไกด์ท้องถิ่น
ประกันอุบัติเหตุ- มิตรแท้ ประกันภัย
วงเงิน 1,000,000 บาท ค่ารักษาพยาบาล 500,000 บาท
เงื่อนไข- ภายใต้ข้อตกลงที่มีไว้กับบริษัทประกันชีวิต
ครอบคลุม เฉพาะกรณีเกิดอุบัติเหตุ
ไม่ครอบคลุม กรณีเจ็บป่วย เป็นไข้หวัด ท้องเสีย หรือ อาหารเป็นพิษ
ราคานี้ไม่รวม-
ค่ากล้องถ่ายรูป และ ค่ากล้องวีดีโอ ซึ่งเรียกเก็บเป็นบางสถานที่
ค่าทิป หัวหน้าทัวร์คนไทย
ค่าทิป ทีมงานอินเดีย ไกด์ท้องถิ่น คนขับรถ
ค่าทิป เด็กยกกระเป๋าที่โรงแรม
ค่าขี่อูฐ
ค่าทิป คนจูงอูฐ
ค่าใช้จ่ายอื่นๆ นอกเหนือจากที่ระบุไว้ในรายการ
ค่าทิป-
เด็กยกกระเป๋า ควรให้ไม่ต่ำกว่า 20 รูปี ต่อครั้ง
ทีมงานอินเดีย (ไกด์ท้องถิ่น คนขับรถ)
เผื่อเงินไว้ประมาณ 4,200 รูปี หรือ 2,200 บาท สำหรับ 11 วัน ในอินเดีย
(ให้ในวันสุดท้าย ของการเดินทาง)
หัวหน้าทัวร์คนไทย แล้วแต่ความพอใจ
หรือเผื่อเงินไว้ประมาณ 1,200 บาท สำหรับ 12 วัน
(ให้ในวันสุดท้าย ของการเดินทาง)
|
|
จองทัวร์
ติดต่อ : คุณปลา 0898119139 , คุณนุ้ย 0816928233 , 024054561
Line ID: wanramtang3 |
|
การชำระเงิน
1) จ่ายมัดจำ จำนวน 10,000 บาท ทันทีที่จอง
2) จ่ายค่าตั๋วเครื่องบิน จำนวน 1X,X00 บาท ทันทีที่จอง
ตามราคาออกตั๋วจริง *กรุณาโทรสอบถามค่าตั๋วก่อนโอนเงิน
3) จ่ายส่วนที่เหลือ จำนวน 40,000 บาท จ่ายภายในวันที่ 1 มิถุนายน 2563
เงื่อนไขการให้บริการ
จองล่วงหน้าตามช่วงเวลาที่กำหนด ชำระเงินตามเงื่อนไขข้างต้น
ขอยกเลิกการเดินทาง ยึดเงินมัดจำ และหักค่าใช้จ่ายตามที่เกิดขึ้นจริง และ/หรือ ขอยกเลิกการเดินทาง น้อยกว่า 30 วัน เก็บค่าใช้จ่ายเต็มจำนวน เมื่อท่านออกเดินทางกับคณะแล้ว ถ้าท่านงดการใช้บริการรายการใดรายการหนึ่ง เช่น ไม่เที่ยวบางรายการ ไม่ทานอาหารบางมื้อ หรือไม่เดินทางพร้อมคณะ ถือว่าท่านสละสิทธิ์ ไม่อาจเรียกร้องค่าบริการและเงินมัดจำคืนได้ ไม่ว่ากรณีใดๆ ทั้งสิ้น กรณีที่การตรวจคนเข้าเมืองทั้งที่กรุงเทพฯ และในต่างประเทศ ปฏิเสธมิให้เดินทางออกหรือเข้าประเทศในรายการเดินทาง หรือ กรณีความล่าช้าจากสายการบิน การประท้วง, การนัดหยุดงาน, การก่อจลาจล ทางเราขอสงวนสิทธิ์ที่จะไม่คืนค่าบริการไม่ว่ากรณีใดๆ ทั้งสิ้น เมื่อท่านตกลงชำระเงิน ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน ถือว่าท่านได้ยอมรับเงื่อนไขข้อตกลงต่างๆ ที่ได้ระบุไว้แล้วทั้งหมด
|
|
 |
|
ขั้นตอน การจองทัวร์ |
 |
 |
 |
คลิก เพื่อจองทริป |
คลิก เพื่อโอนเงิน |
คลิก เพื่อส่งเอกสาร |
|
|
|
บริการของเรา |
 |
 |
 |
คลิก ตรวจรายชื่อ |
คลิก อ่านการเตรียมตัว |
คลิก ดูสิ่งที่ทัวร์เตรียมให้ |
|
 |
คลิก อ่านข้อมูล เรื่องอาการแพ้ที่สูง |
|
|
|
 |
|
 |
|
ถ้ามีปัญหาสั่งพิมพ์ไม่ได้ กรุณาโทรแจ้ง 024054561, 0816928233
หรือ ขอโปรแกรมการเดินทาง ได้ที่
Email : info@wanramtang.com , Line ID : wanramtang3
|
|
|
|
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ |
ที่อยู่ |
 |
|
บ้านวันแรมทาง
1/60 ซ. อนามัยงามเจริญ 12 แขวงท่าข้าม เขตบางขุนเทียน กรุงเทพ 10150
|
โทรศัพท์ |
024054561 |
มือถือ - ปลา |
0898119139 (AIS) |
มือถือ - นุ้ย |
0816928233 (DTAC) |
Email |
info@wanramtang.com และ wanramtang@hotmail.com |
Line ID/โทรศัพท์ |
wanramtang3 / 0876997475 |
|
 |
วันทำงาน |
วันจันทร์-วันศุกร์ เวลา 09.00-18.00 น.
|
วันเสาร์ เวลา 09.00-12.00 น. |
วันอาทิตย์ หยุดงาน งดการติดต่อทุกเรื่อง |
ถ้าไม่รับสายหรือโทรไม่ติด กรุณาส่งเป็นข้อความ sms ส่ง email หรือ Line |
|
|
หรือติดต่อผ่านระบบอัตโนมัติ ด้านล่างนี้ |
|
|