อัพเดทข้อมูล 20/02/2567 |
|
|
|
|
|
ทัวร์อินเดีย |
สปิติวัลเลย์ |
Our Journey Record : การเดินทางในเส้นทางนี้ ครั้งที่ 6 |
6-22 กันยายน 2567 |
17 วัน 14 คืน |
เปิดรับไม่เกิน 12 ท่าน เท่านั้น |
เดินทางขั้นต่ำ 8 ท่าน |
|
|
|
|
ราคา 73,000 บาท |
* ยังไม่รวมค่าตั๋วเครื่องบิน
|
หมายเหตุ - ขอสงวนสิทธิ์ที่จะปรับราคาตามความเหมาะสม หากมีการเปลี่ยนแปลงของ ค่าธรรมเนียมน้ำมัน ภาษีสนามบิน และ อัตราแลกเปลี่ยน |
|
.. ประสบการณ์ พาเที่ยว SPITI .. |
|
|
|
|
|
ep 01 - ปี 2558
21 กรกฎาคม - 2 สิงหาคม
Summer Spiti Valley |
ep 02 - ปี 2560
8-24 กันยายน
Summer Spiti Valley |
ep 03 - ปี 2562
15-25 มิถุนายน
Summer Spiti Valley |
|
|
|
|
|
ep 04 - ปี 2563
18-29 กุมภาพันธ์
Winter Spiti Extreme |
ep 05 - ปี 2566
1-17 กันยายน
Summer Spiti Valley |
ep 06 - ปี 2567
6-22 กันยายน
Summer Spiti Valley |
|
|
|
Road Trip เดินทางยาวๆ 17 วัน
ไปกันช้าๆ ไปเรื่อยๆ สไตล์วันแรมทาง
เน้นความสุขใจ ในการออกไปท่องเที่ยว
เก็บบรรยากาศ ความงามของธรรมชาติด้วยสองตา
พร้อมเรื่องเล่า ถ่ายทอดเรื่องราว รู้ลึก รู้จริง
อิ่มเอมกับมิตรภาพ ของเพื่อนร่วมทาง
ปล่อยใจให้สบาย แค่ไว้ใจ แล้วไปด้วยกัน |
|
คำเตือน..ด้วยรักและห่วงใย |
ว่ากันว่า ที่นี่ คือ "สถานที่ที่สวรรค์กับโลกมนุษย์มาบรรจบกัน"
ถึงแม้ว่า เส้นทางนี้งดงามเกินบรรยาย ชนิดที่เรียกว่า ควรไปเห็นด้วยตาให้ได้สักครั้งในชีวิต ถึงแม้ว่า เสน่ห์ของทริปนี้ อยู่ที่วิวสองข้างทาง สวยงามจนหลับตาไม่ลง แต่ ทริปนี้ไม่ได้สะดวกสบาย ไปลำบาก นั่งรถเหนื่อยมาก อาหารพื้นเมืองไม่อร่อย กินกันไม่ค่อยได้ !
ด้วยเป็นพื้นที่ที่อยู่สูงเหนือจากระดับน้ำทะเลเกินกว่า 4,000 เมตร จึงสุ่มเสี่ยงต่ออาการแพ้ความสูง ทำให้ปวดหัว อาเจียน หายใจไม่ทัน หรือหัวใจวาย
|
ดังนั้น กรุณาอ่านโปรแกรมดีๆก่อนตัดสินใจจอง
ถ้าร่างกายไม่แข็งแรง เช่น
เป็นโรคหัวใจ ความดันสูง หอบหืด ไม่ควรเดินทาง ..
หากชวนเพื่อนกรุณาบังคับให้เพื่อนอ่านด้วย
เพื่อนที่เรื่องเยอะ ห้ามชวน !
|
กรุณาอ่านรายละเอียด
อ่านเงื่อนไขราคา และ การชำระเงิน ให้เข้าใจก่อนจอง |
|
|
|
ใช้รถ Toyota Innova *นั่งคันละ 4 คน |
นั่งสบาย นั่งรวมกับเพื่อนที่พักห้องเดียวกัน
เก็บกระเป๋าบนหลังคา |
เบาะหน้า ข้างคนขับ 1 คน
เบาะกลาง หลังคนขับ 2 คน
เบาะท้าย 1 คน |
|
|
|
เราไปไหนกันบ้าง |
|
หุบเขาสปิติ หรือ สปิติวัลเล่ย์
เส้นทางตอนเหนือใน รัฐหิมาจัลประเทศ ประเทศอินเดีย ติดทิเบต ติดเทือกเขาหิมาลัย เป็นดินแดนที่ยากต่อการเข้าถึง ไม่มีเครื่องบิน บินตรงสู่เมืองนี้ ต้องนั่งรถเข้าไปเท่านั้น สองข้างทางที่ต้องผ่านเข้าไปในแต่ละเมือง สวยงามมากอย่างน่าอัศจรรย์ มีอารยธรรมที่แต่งต่างและแปลกตา เหมือนหลุดเข้าไปอีกโลกใบหนึ่ง ครั้งหนึ่งในชีวิต ควรไปให้ได้สักครั้ง |
|
shimla (2200 meters) |
|
|
เมืองซิมลา |
เมืองซิมลา ยามค่ำคืน |
|
เมืองซิมลา Shimla
เป็นเมืองหลวงของรัฐหิมาจัลประเทศ (Himachal Pradesh) ซึ่งเป็นรัฐหนึ่งที่อยู่ในเขตเทือกเขาหิมาลัย เป็นรัฐชายแดนของอินเดีย มีพื้นที่ติดต่อกับทิเบตทางทิศตะวันออก เมืองซิมลา เป็นเมืองที่อังกฤษใช้เป็น เมืองหลวงในฤดูร้อน (Summer Capital) ในสมัยที่ปกครองอินเดีย ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1864 เป็นเมืองที่มีความเป็นสหราชอาณาจักร แทรกซึมอยู่มากมาย ทั้งสถาปัตยกรรมของ อาคารบ้านเมือง เป็นที่รู้จักในชื่อ เมืองแห่งรีสอร์ท เป็นสถานที่ตากอากาศของชาวอินเดีย เพราะอากาศดีในฤดูร้อน และทัศนียภาพสวยงามมากในฤดูหนาว นอกจากนั้น ในฤดูใบไม้ผลิยังสะพรั่งด้วยดอกไม้หลากสีสัน นานาพันธุ์ ทำให้เมืองซิมลา เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวได้ตลอดปี |
|
sarahan (2165 meters) |
วัด Bhima Kali Temple วัดฮินดูที่มีความสำคัญ สร้างขึ้นเพื่อบูชาเจ้าแม่กาลี
|
|
|
วัด Bhima Kali Temple |
เส้นทางเรียบผา อันน่าหวาดเสียว |
|
|
sangla (2700 meters) |
|
|
วัดพุทธ แห่งเดียวในหมู่บ้าน |
หมู่บ้านแซงลา |
|
เมืองแซงลา (Sangla)
เมืองสวยในหุบเขาบาสป้า หรือหุบเขาแซงลาในเขตคินนัวร์ ตั้งอยู่บนความสูง 2,700 เมตร ล้อมรอบด้วยป่าสน ลำธาร ไร่แอปเปิ้ล และสวนเชอร์รี่ หุบเขาแซงลา ได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในหุบเขาที่สวยที่สุดในเทือกเขาหิมาลัย ที่ซึ่งได้ชื่อว่า เป็นที่ประทับของพระเจ้า ในภาษาธิเบต คำว่า sang แปลว่า แสง ส่วนคำว่า la แปลว่า ทางผ่าน ดังนั้น Sangla จึงแปลว่า ทางเดินของแสง นั่นเอง |
|
chitkul ( meters) |
เป็นหมู่บ้านชายแดนที่ติดกับทิเบต สำหรับชาวอินเดียเป็นหมู่บ้านสุดท้าย ที่จะผ่านเข้ามาโดยไม่ต้องใช้ใบอนุญาต ทางหลวงอินเดียก็สิ้นสุดลงที่เมืองนิ้เช่นกัน |
|
|
ความสวยงามของ แม่น้ำ Baspa |
หมู่บ้านคัลปา Kalpa Village |
|
|
kalpa (2960 meters) |
เมืองคัลปา (Kalpa)
ในหุบเขาคินนัวร์ ตั้งอยู่บนความสูง 2,960 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล มีอายุย้อนหลังไปมากกว่าสองพันปี เดิมมีชื่อว่า ชินี่ ตามตำนานกล่าวว่า เมืองชินี่ เปรียบเสมือนเป็นพระราชวังฤดูหนาวขององค์พระศิวะ ในฤดูหนาวพระองค์จะเสด็จจากหิมาลัย มาประทับที่นี่และเสพกัญชาอย่างมีความสุข ในสมัยอาณานิคม ชาวอังกฤษก็นิยมมาพักผ่อนที่นี่ ด้วยทิวทัศน์ที่งดงามและเงียบสงบ นอกจากนั้น ที่นี่ยังเคยเป็นเส้นทางการค้าโบราณของอินโดจีนด้วย
หมู่บ้านคัลปา (Kalpa Village)
หมู่บ้านเล็กๆในหุบเขา ล้อมรอบด้วยไร่แอปเปิ้ล ทุ่งดอกไม้ และลำธารใส ทิวทัศน์ของยอดเขา คินนัวร์ไกรลาส ยอดเขาศักดิ์สิทธิ์ ที่สูง 6,500 เมตร งดงามดังสวรรค์บนดิน
วัดฮินดู สถาปัตยกรรมโดดเด่นมีเอกลักษณ์ งานแกะสลักไม้อ่อนช้อย
วัดพุทธ วัดพุทธทิเบตเก่าแก่ ซึ่งตั้งอยู่ในหมู่บ้านเดียวกัน
|
|
|
หมู่บ้านคัลปา Kalpa Village |
หมู่บ้านคัลปา Kalpa Village |
|
|
คินนัวร์ไกรลาส Kinnaur Kailash
ยอดเขาที่มีความสูง 6,500 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล เป็นยอดเขาศักดิ์สิทธิ์ทั้งในความเชื่อของศาสนาพุทธและฮินดู ตามตำนานกล่าวว่า มีอสูรตนหนึ่งชื่อ Bhasmasur ได้รับพรวิเศษจากพระศิวะ ว่าเมื่อใดที่อสูรตนนี้ ชี้นิ้วไปที่หัวของใคร คนคนนั้นจะกลายเป็นเถ้าธุลี
|
แต่หลังจากได้รับพร อสูรตนนี้กลับต้องการฆ่าพระศิวะ เพราะหลงรักพระนางปวารตี พระศิวะจึงต้องหนีและแอบซ่อนตัวตามที่ต่างๆ พระศิวะซ่อนตัวที่ เขาคินนัวร์ไกรลาส อยู่ช่วงเวลาหนึ่ง จนกระทั่ง พระวิษณุ ที่ต้องการช่วยเหลือให้พระศิวะ รอดพ้นจากอันตราย ได้กลายร่างเป็น หญิงสาวแสนสวย มายั่วยวนอสูรให้หลงกล ชวนให้อสูรเคลิบเคลิ้มชี้นิ้วไปที่ศีรษะตัวเอง อสูรจึงกลายเป็นเถ้าถ่านด้วยนิ้วของตัวเอง ในที่สุด |
|
|
nako (3662 meters)
|
|
หมู่บ้านนาโก้ Nako Village |
|
หมู่บ้านนาโก้ (Nako Village)
เป็นหมู่บ้านเล็กๆ ของชาวพุทธทิเบต เงียบสงบงดงาม อยู่ริมทะเลสาบนาโก้ ในเขตคินนัวร์ (Kinnaur) ที่ระดับความสูง 3,662 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล อิงแอบแนบชิดอยู่ในอ้อมกอดของ เทือกเขา เรียว เพิร์คยัล มียอดเขาที่สูง 6,816 เมตร เป็นยอดเขาที่สูงที่สุดใน รัฐหิมาจัลประเทศ
ทะเลสาบนาโก้
ทะเลสาบเล็กๆ ที่ร่มรื่นสวยงาม ด้วยต้นวิลโลว์ และ ต้นป๊อปล่า อยู่ท่ามกลางเทือกเขาที่มีหิมะปกคลุม ทุ่งดอกไม้ ไร่ถั่ว บ้านเรือนแปลกตา
|
|
|
วัดนาโก้ Nako Monastery |
เด็กชาวบ้านรอบๆวัดนาโก้ |
|
วัดนาโก้ (Nako Monastery)
เป็นอีกวัดหนึ่งที่มีอายุเก่าแก่มาก มีโครงสร้างเป็นดินเหนียว ได้รับการดูแลรักษาอย่างดีเพื่อคงสภาพเดิมของวัดเอาไว้ ภายในมีภาพจิตรกรรมฝาผนัง ที่มีอายุย้อนไปถึงศตวรรษที่ 11 ว่ากันว่า ที่นี่มีรอยพุทธบาทของ ท่าน คุรุ รินโบเช อยู่ด้วย
|
|
tabo (3280 meters) |
|
|
อารามสงฆ์ตาโบ Tabo Monastery |
อารามสงฆ์ตาโบ Tabo Monastery |
|
เมืองตาโบ Tabo อยู่เหนือระดับน้ำทะเล 3,280 เมตร
อารามสงฆ์ตาโบ (Tabo Monastery)
วัดเก่าแก่ที่สร้างตั้งแต่ช่วงปลายศตวรรษที่ 9 ในปี ค.ศ. 996 หรือ 1,021 ปี ล่วงมาแล้ว โดยท่าน รินเชน ซังโป ในพื้นที่ที่แห้งแล้งและหนาวเย็น บนความสูง 3,280 เมตร ตัวอาคารสร้างด้วยอิฐ ในปี ค.ศ.1975 ได้เกิดแผ่นดินไหว ทำให้ตัวอารามเก่าพังเสียหาย จึงได้สร้างอารามหลังใหม่ขึ้น ในปี ค.ศ.1983 วัดแห่งนี้ปัจจุบันได้รับการยกย่องให้เป็นมรดกโลก ภายในวัดยังเป็นที่เก็บรักษาภาพทังก้า หรือ ภาพพระบส ที่สวยงามอีกด้วย เมื่อปี ค.ศ.1996 ได้จัดพิธีเฉลิมฉลองครบรอบสหัสวรรษของอารามสงฆ์ตาโบ องค์ดะไลลามะ เสด็จมาแสดงธรรมที่นี่ ครั้งนั้นมีผู้ศรัทธาหลายพันคนจากทั่วโลกเข้าร่วมงาน
|
|
Painting ภาพจิตกรรมฝาผนัง
ภายในวัดมีภาพจิตรกรรมฝาผนังแบบปูนเปียก หรือ เฟรสโก ที่งดงามหาชมได้ยาก และถูกขนานนามว่า เป็น อชันต้าและเอลโลร่าแห่งหิมาลัย (Ajanta and Ellora of the Himalayas)
ถ้ำตาโบ (Tabo Cave)
มีมากมายหลายถ้ำ อยู่เหนือวัดตาโบขึ้นไปบนเขา สันนิษฐานว่า พระลามะขุดถ้ำเหล่านี้ไว้ เพื่ออาศัยในฤดูหนาว บางถ้ำแบ่งเป็นหลายห้อง ใช้เป็นห้องสวดมนต์ และ ทำสมาธิ ภายในขุดอย่างเรียบง่าย ไม่มีภาพเขียนใดๆบนผนังถ้ำ |
|
|
dhankar (3894 meters) |
|
วัดดันกา Dhankar Monastery บนยอดเขา |
|
วัดดันกา (Dhankar Monastery)
บนเส้นทางที่คดเคี้ยวไปตามไหล่เขา ท่ามกลางวิวทิวทัศน์ ที่งดงามแปลกตาดั่งอยู่บนดวงจันทร์ มีอารามสงฆ์อายุพันกว่าปี สร้างเด่นอยู่บนชะง่อนผาสูง บนความสูง 3,894 เมตร วัดนี้เป็นเก่าแก่ในพุทธศาสนานิกายเกลุกปะ หรือนิกายหมวกเหลือง คำว่า Dhan แปลว่า หน้าผา และคำว่า kar แปลว่า ป้อมปราการ ดังนั้น Dhankar จึงแปลว่า ป้อมปราการบนหน้าผา นั่นเอง ในอดีต อารามสงฆ์ดันการ์ เคยใช้เป็นป้อมปราการด้วย ปัจจุบันเป็นโรงเรียนเผยแพร่ศาสนาพุทธนิกายเกลุกปะแบบทิเบต มีพระลามะประมาณ 150 รูป |
|
lhalung (3658 meters) |
|
|
วัดลาลุง Lhalung Monastery |
ภาพเขียนภายใน วัดลาลุง |
|
เมืองลาลุง (Lhalung)
ชื่อเมืองนี้แปลว่าดินแดนแห่งเทพเจ้า Land of God ตั้งอยู่เชิงเขา Tangmar เชื่อกันว่าภูเขาลูกนี้จะเปลี่ยนสีได้ตามอารมณ์ของเทพเจ้า เมื่อใดที่ ภูเขาเป็นสีแดง หมายความว่าเทพเจ้ากำลังโกรธ เมื่อใดที่ ภูเขาเป็นสีเหลือง นั่นหมายถึงเทพเจ้ากำลังมีความสุข
วัดลาลุง (Lhalung Monastery)
หรือ วิหารสีทอง สาเหตุที่เรียกว่า วิหารสีทอง เพราะ ภายในมีการเก็บ ใบระกาสีทอง เอาไว้ อารามสงฆ์ลาลุง แห่งนี้เป็นอีกหนึ่งในอารามสงฆ์ที่เก่าที่สุด ที่พบในหุบเขาสปิติ สร้างโดยท่าน รินเชน ซังโป ราวต้นศตวรรษที่ 10 อยู่ในระดับความสูง 3,658 เมตร ด้านในมีรูปภาพจิตรกรรมฝาผนังเป็นศิลปะแบบ Fresco ปูนเปียก อายุนับพันปี
|
|
pin valley (3770 meters) |
|
|
หุบเขาพิน (Pin Valley) |
หมู่บ้าน Mud Village |
|
หุบเขาพิน (Pin Valley)
อยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของเมืองคาซา (Kaza) หุบเขาซึ่งมีแม่น้ำสองสายมาบรรจบกัน คือ แม่น้ำพิน (Pin River) และแม่น้ำสปิติ (Spiti River) อยู่ในพื้นที่ของ จังหวัด Lahaul & Spiti รัฐหิมาจัลประเทศ เช่นกันกับ หุบเขาสปิติ
อุทยานแห่งชาติพินวัลเล่ย์ (Pin Valley National Park)
มีพื้นที่ 675 ตารางกิโลเมตร ทิวทัศน์สวยงาม เต็มไปด้วยดอกไม้นานาพันธุ์ เป็นความงดงามที่สุดอีกแห่งหนึ่ง ว่ากันว่าที่นี่คือ ดินแดนของ แพะภูเขา (ibex) (blue sheep) และ เสือดาวหิมะ (snow leopards)
หมู่บ้าน Mud Village
ห่างออกไป 33 กิโลเมตรจากทางหลวง อยู่ที่ระดับความสูง 3,770 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล เป็นหมู่บ้านเล็กๆ ที่มีคนอาศัยอยู่เพียง สองร้อยกว่าคน สำหรับนักท่องเที่ยว ที่นี่เป็นจุดเริ่มต้นของเส้นทางเดินป่าที่อุทยานแห่งชาติพินวัลเล่ย์
|
|
langza (4400 meters) |
หมู่บ้านแลงซา (Langza Village)
หรือ หมู่บ้านฟอสซิล (Fossil Village) ตั้งอยู่ระหว่างหุบเขาที่ดูเหมือนชามขนาดใหญ่ คนในหมู่บ้านส่วนใหญ่เป็นชาวพุทธศากยะนิกาย ของพุทธศาสนาในทิเบต หมู่บ้านมีคนอยู่ประมาณ 137 คน อาศัยอยู่ใน 33 ครัวเรือน อาชีพหลักของชาวบ้านในสมัยก่อนคือ การทำถ้วยชามดินเผา ศิลปะนี้มีอยู่มาจนถึงทุกวันนี้ ถ้วยชามดินเผาต่างๆถูกผลิตและจำหน่ายไปทั่วประเทศ เกษตรกรรมเป็นอีกอาชีพหนึ่งที่สำคัญในหมู่บ้านแห่งนี้ ปลูกพืชเช่นข้าวและมันฝรั่ง เหนือหมู่บ้านมี พระพุทธรูปสีทอง ขนาดใหญ่ เชื่อกันว่ามีอายุกว่า 1,000 ปี ปางประทับนั่ง โดดเด่นบนระดับความสูง 4,400 เมตร
|
|
พระพุทธรูปขนาดใหญ่ บนยอดเขา |
|
|
หมู่บ้านแลงซา (Langza Village) |
ฟอสซิล (Fossil) แห่งแลงซา |
|
ฟอสซิล (Fossil) แห่งแลงซา
ประวัติศาสตร์ทางธรณีวิทยาของสปิติ ต้องย้อนกลับไปถึง 500 ล้านปี เมื่อมันจมอยู่ใต้ทะเลใต้เทธิส (Tethys) จนเทือกเขาหิมาลัยเกิดขึ้น จากการยกตัว หลังการปะทะกันของแผ่นหินอินเดียและเอเชีย เมื่อหลายล้านปีก่อน ทะเลเทธิสก็หายไป ทิ้งไว้เพียงร่องรอย ฟอสซิลซากสัตว์ดึกดำบรรพ์ ของสิ่งมีชิวิตทางทะเลในยุคนั้น การมาเที่ยวหมู่บ้านนี้ จะไม่สมบูรณ์หากไม่มีการค้นหา ฟอสซิลดึกดำบรรพ์ พวกนี้ วิธีหาฟอสซิล คือการเดินเที่ยวรอบๆหมู่บ้านแล้วมองหามันจากพื้นดินหรือใต้ก้อนหิน ซึ่งมันเหนื่อยมากและหาไม่ค่อยได้แล้วในปัจจุบัน วิธีง่ายกว่า คือซื้อต่อจากเด็กๆชาวบ้านที่มาวิ่งเล่นใกล้ๆเรา ต่อรองได้และราคาไม่แพง |
|
komic (5150 meters) |
hikkim (4440 meters) |
|
|
หมู่บ้าน Komic ที่อยู่สูงที่สุดในโลก |
ไปรษณีย์ที่สูงที่สุดในโลก หมู่บ้าน Hikkim |
|
หมู่บ้าน Komic
ว่ากันว่าที่นี่เป็นหมู่บ้านที่อยู่สูงที่สุดในเอเชีย (หรือบางคนกล่าวว่าที่สุดในโลก) ที่ความสูงถึง 5,150 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล หมู่บ้านนี้มีวัดเพียงวัดเดียว บ้านเรือน 12 หลัง และคนอาศัยประมาณ 150 คน นับรวมพระลามะที่วัดแล้วด้วย
หมู่บ้าน Hikkim
ตั้งอยู่ที่ระดับความสูง 4,440 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล
มีที่ทำการไปรษณีย์สูงสุดของโลก ไปส่งโปสการ์ด จากไปรษณีย์ที่สูงที่สุดในโลกแห่งนี้ สักใบสองใบ
|
|
kye monastery (4166 meters) |
|
|
วัดคี Kye Monastery |
วัดคี Kye Monastery |
|
วัดคี Kye Monastery
ตั้งตระหง่านอยู่บนยอดเขา เป็นพระอารามสงฆ์ที่เก่าและใหญ่ที่สุด ในหุบเขาสปิติ ตั้งอยู่ที่ระดับความสูง 4,166 เมตร กล่าวกันว่า สร้างราว ค.ศ. 1008-1064 โดยท่านลามะ Dromtön ซึ่งเป็นลูกศิษย์ของ ท่านอาจารย์ Atisha ลามะผู้มีชื่อเสียงและเป็นที่เคารพอย่างยิ่งในยุคนั้น วัดแห่งนี้ มีการบูรณะใหม่อีกหลายครั้ง หลังจากถูกรุกราน ทั้งจากพวกมองโกล ชาวลาดักห์และพวกซิกข์ รวมถึงความเสียหายจาก เหตุการณ์แผ่นดินไหวใหญ่ เมื่อปี ค.ศ. 1975 วัดแห่งนี้มีความโดดเด่นในเชิงสถาปัตยกรรม ได้รับอิทธิพลมาจากงานศิลปะของจีน ในช่วงศตวรรษที่ 14 มีห้องและระเบียงทางเดินสลับซับซ้อนดังเขาวงกต ครั้งหนึ่งที่นี่เคยใช้เป็นป้อมปราการด้วย ปัจจุบันเป็นศูนย์ฝึกอบรมพระลามะทางพุทธศาสนา นิกายเกลุกปะ และเป็นที่เก็บรักษาผ้าทังก้าโบราณ หรือ ภาพพระบส อันมีค่ายิ่ง |
|
kibber (4270 meters) |
|
|
หมู่บ้าน kibber Village |
หมู่บ้าน kibber Village |
|
หมู่บ้าน Kibber Village
ที่ความสูง 4,270 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล Kibber เป็นหมู่บ้านที่เงียบสงบ มีคนอาศัยอยู่เพียงสามร้อยกว่าคน และลาอีกกว่าสองร้อยตัว ท่ามกลางภูมิประเทศที่แห้งแล้งเต็มไปด้วยลมและฝุ่น หมู่บ้านแห่งนี้เป็นเหมือนโอเอซิส ที่อุดมสมบูรณ์ ในอดีตชาวบ้านปลูกข้าวและองุ่น และนำผลผลิตเดินเท้ากว่า 3 วันไปยังลาดักห์ เพื่อขายแลกเปลี่ยนเป็นม้าหรือเงินสด |
|
Chandrataal Lake (4300 meters) |
|
|
ทะเลสาบจันทรา ยามต้องแสงแดด |
ทะเลสาบจันทรา สงบร่มเย็น |
|
ทะเลสาบจันทรา (Chandrataal Lake)
หรือ Lake of the Moon ทะเลสาบแห่งดวงจันทร์ อยู่ที่ระดับความสูงประมาณ 4,300 เมตร มีขนาดพื้นที่ประมาณ 2.5 ตารางกิโลเมตร เท่านั้น ชื่อทะเลสาบจันทรา ถูกเรียกขานตามลักษณะของทะเลสาบ ที่มองเห็นได้เหมือนเสี้ยวพระจันทร์ ทะเลสาบจันทรา มีทิวทัศน์สวยงามน่าตื่นตาตื่นใจ น้ำในทะเลสาบเป็นสีน้ำเงินเข้ม ยามต้องแสงแดด กับฉากหลังของเทือกเขาที่รายล้อมอยู่ทุกด้าน |
|
manali 2050 meters |
|
|
บางมื้อที่ต้องกินอาหารพื้นเมือง หรือ มาม่า |
ร้านอาหาร ระหว่างเส้นทาง |
|
|
สวนสัตว์เปิด |
ปลาเทราต์รสเด็ด รออยู่ที่มะนาลี |
|
มะนาลี Manali
เป็นเมืองในหุบเขา ที่อยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเลเพียง 2,050 เมตร อยู่ในรัฐหิมาจัลประเทศของอินเดีย ตั้งอยู่ทางตอนเหนือสุดของหุบเขา Kullu มีแม่น้ำ Beas ไหลผ่าน มะนาลีเป็นจุดเริ่มต้นของเส้นทางการค้าโบราณผ่าน เมืองลาฮอล และลาดักห์ เหนือช่องแคบคาราโครัม และเข้าดินแดนของจีน มะนาลีเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในอินเดีย |
|
ราคาทัวร์ |
ราคา 73,000 บาท
* ยังไม่รวมค่าตั๋วเครื่องบิน |
*ราคานี้ ยังไม่รวม ค่าตั๋วเครื่องบิน
ทุกเส้นทางตามที่ระบุในโปรแกรม
จ่ายเพิ่มค่าตั๋วเครื่องบิน ประมาณ 17,000 - 18,000 บาท
จ่ายตามราคาจริง ณ วันที่จอง/วันที่ออกตั๋ว
จองเร็วได้ตั๋วถูก จองช้าได้ตั๋วแพง
หมายเหตุ - ขอสงวนสิทธิ์ที่จะปรับราคาตามความเหมาะสม หากมีการเปลี่ยนแปลงของ ค่าน้ำมัน และ อัตราแลกเปลี่ยน เนื่องด้วยความผันผวนของสถานการณ์โลก ในปัจจุบัน
|
|
ส่วนลด- (หักจากการจ่ายเงินงวดสุดท้าย)
มีวีซ่าอินเดียอยู่แล้ว หรือ ทำวีซ่าเอง ลดค่าวีซ่า 950 บาท
ราคานี้รวม-
ค่าวีซ่าอินเดีย *ประเภท e-Tourist VISA 30 Days
ยา Acetazolamide (Diamox) 250 mg มีสำหรับทุกท่าน
อาหารมื้อหลักทุกมื้อ รวม ชา กาแฟ ของหวาน และผลไม้
*ท่านใดไม่กินอาหารเย็น ไม่คืนค่าอาหาร
อาหารไทย ทัวร์ลีดเดอร์ ทำให้กินในบางมื้อ
น้ำดื่ม (น้ำเปล่าบรรจุขวด) ไม่จำกัดจำนวน
ที่พัก โรงแรม/แคมป์ พักห้องละ 2 คน
ค่ารถตลอดเส้นทาง รถ Toyota Innova นั่งคันละ 4 คน
เต็นท์ห้องน้ำ มีให้บริการตลอดเส้นทาง
ค่าบัตรเข้าชมสถานที่ต่างๆ เฉพาะตามที่ระบุในโปรแกรม
ค่าบริการ หัวหน้าทัวร์คนไทย (ไม่รวมทิป)
ค่าบริการ ไกด์ชาวอินเดีย (ไม่รวมทิป)
ประกันการเดินทาง-
เงื่อนไข- ครอบคลุมภายใต้ข้อตกลงที่มีไว้กับบริษัทประกันชีวิต
ราคานี้ไม่รวม-
ค่าตั๋วเครื่องบิน สายการบินตามที่ระบุในโปรแกรม
ค่าธรรมเนียมน้ำมันและภาษีสนามบิน ไทย-อินเดีย
อาหารเช้า ที่สนามบินเดลลี วันที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2567
อาหารค่ำ ที่สนามบินเดลลี วันที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2567
ค่ากล้องถ่ายรูป และ ค่ากล้องวีดีโอ ซึ่งเรียกเก็บเป็นบางสถานที่
ค่าทิป หัวหน้าทัวร์คนไทย
ค่าทิป local guide ไกด์ท้องถิ่น ชาวอินเดีย
ค่าทิป คนขับรถ
ค่าทิป ค่าทิป เด็กยกกระเป๋าที่โรงแรม
ค่าใช้จ่าย ในการรักษาพยาบาล / ค่ากักตัวที่ประเทศอินเดีย
ค่าใช้จ่ายอื่นๆ นอกเหนือจากที่ระบุไว้ในรายการ
เงินทิป-
เด็กยกกระเป๋า ควรให้ไม่ต่ำกว่า 20 รูปี ต่อกระเป๋า 1 ใบ
ทีมงานอินเดีย (ไกด์ท้องถิ่น คนขับรถ)
เผื่อเงินไว้ประมาณ 6,000 รูปี หรือ 3,000 บาท
สำหรับ 15 วัน ในอินเดีย
(ให้ในวันสุดท้าย ของการเดินทาง)
หัวหน้าทัวร์คนไทย
เผื่อเงินไว้ประมาณ 3,200 บาท
สำหรับ 16 วัน หรือตามแต่พอใจ (ไม่บังคับ)
(ให้ในวันสุดท้าย ของการเดินทาง)
|
|
การชำระเงิน |
1) จ่ายมัดจำ 10,000 บาท ทันทีที่จอง
*ยึดมัดจำถ้าขอเลิกการเดินทาง
2) จ่ายค่าตั๋วเครื่องบิน 1x,xxx บาท ทันทีที่จอง
*ถ้าขอยกเลิกการเดินทาง
คืน/ไม่คืนเงิน ตามเงื่อนไขของสายการบิน
(กรุณาสอบถามราคาก่อนจองทัวร์)
3) จ่ายงวดที่ 2 31,500 บาท ภายในวันที่ 6 กรกฎาคม 2567
4) จ่ายส่วนที่เหลือ 31,500 บาท ภายในวันที่ 6 สิงหาคม 2567
|
|
เงื่อนไขการให้บริการ |
จองล่วงหน้าตามช่วงเวลาที่กำหนด ชำระเงินตามเงื่อนไขข้างต้น
ขอยกเลิกการเดินทาง ยึดเงินมัดจำ และหักค่าใช้จ่ายตามที่เกิดขึ้นจริง และ/หรือ ขอยกเลิกการเดินทาง น้อยกว่า 30 วัน เก็บค่าใช้จ่ายเต็มจำนวน
กรณีเกิดการระบาดของ โควิด-19 หรือโรคระบาดอื่นๆ จนทำให้ไม่สามารถเดินทางได้ ขอสงวนสิทธิ์ในการ เลื่อน/ยกเลิก การเดินทาง ตามแต่สถานการณ์เฉพาะหน้า
เมื่อท่านออกเดินทางกับคณะแล้ว ถ้าท่านงดการใช้บริการรายการใดรายการหนึ่ง เช่น ไม่เที่ยวบางรายการ ไม่ทานอาหารบางมื้อ หรือไม่เดินทางพร้อมคณะ ถือว่าท่านสละสิทธิ์ ไม่อาจเรียกร้องค่าบริการและเงินมัดจำคืนได้ ไม่ว่ากรณีใดๆ ทั้งสิ้น กรณีที่การตรวจคนเข้าเมืองทั้งที่กรุงเทพฯ และในต่างประเทศ ปฏิเสธมิให้เดินทางออกหรือเข้าประเทศในรายการเดินทาง หรือ กรณีความล่าช้าจากสายการบิน การประท้วง, การนัดหยุดงาน, การก่อจลาจล ทางเราขอสงวนสิทธิ์ที่จะไม่คืนค่าบริการไม่ว่ากรณีใดๆ ทั้งสิ้น เมื่อท่านตกลงชำระเงิน ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน ถือว่าท่านได้ยอมรับเงื่อนไขข้อตกลงต่างๆ ที่ได้ระบุไว้แล้วทั้งหมด
กรณีติดโควิด-19 หรือเจ็บป่วย ระหว่างเดินทางหรือในขณะที่อยู่ในประเทศอินเดีย เบื้องต้นจะรักษาตามอาการ และแยกห้องพักจากลูกทัวร์ท่านอื่น ทั้งนี้ผู้ร่วมทางต้องดูแลตัวเอง หากมีอาการหนักจะนำส่งโรงพยาบาลที่อินเดีย เพื่อให้เข้ารับการรักษา หากต้องการเดินทางกลับประเทศไทยก่อนกำหนด สามารถทำได้โดยคิดค่าใช้จ่ายตามที่เกิดขึ้นจริง
|
|
|
|
คลิก..เพื่อดูโปรแกรมการเดินทาง
หรือ ขอโปรแกรมได้ที่ คุณนุ้ย 0816928233
หรือ แจ้งทาง Line Official ID : @wanramtang |
|
|
|
|
ขั้นตอนง่ายๆในการจองทริปกับเรา |
|
1 |
2 |
3 |
4 |
คลิกเพื่อจองทริป |
คลิกตรวจรายชื่อ |
คลิกเพื่อโอนเงิน |
คลิกเพื่อส่งเอกสาร |
|
|
|
|
|
|
คำแนะนำ |
เตรียมของ |
เรื่องอาการแพ้ที่สูง |
|
|
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ |
ที่อยู่ |
|
|
บ้านวันแรมทาง
1/60 ซ.อนามัยงามเจริญ 12 แขวงท่าข้าม เขตบางขุนเทียน กรุงเทพ 10150
|
โทรศัพท์ |
024054561 |
มือถือ - ปลา |
0898119139 (AIS) |
มือถือ - นุ้ย |
0816928233 (DTAC) |
Email |
wanramtang@hotmail.com |
Line Official ID |
@wanramtang |
|
|
วันทำงาน |
วันจันทร์-วันศุกร์ เวลา 09.00-18.00 น.
|
วันเสาร์ เวลา 09.00-12.00 น. |
นอกเวลางาน งดการติดต่อทุกเรื่อง |
ถ้าไม่รับสายหรือโทรไม่ติด กรุณาติดต่อทาง Line |
|
|
|
หรือติดต่อผ่านระบบอัตโนมัติ ด้านล่างนี้ |
|