เลห์ ลาดักห์ เทศกาลหน้ากาก (21 มิถุนายน - 3 กรกฎาคม 2566)
ReadyPlanet.com
dot dot
เลห์ ลาดักห์ เทศกาลหน้ากาก (21 มิถุนายน - 3 กรกฎาคม 2566)
อัพเดทข้อมูล 22/4/2566
 
 
         

   

  

ทัวร์อินเดีย
เลห์ เทศกาลหน้ากาก
Our Journey Record : การเดินทางในเส้นทางนี้ ครั้งที่ 23
21 มิถุนายน - 3 กรกฎาคม 2566
13 วัน 10 คืน
 

ราคา 50,000 - 57,000 บาท
* ยังไม่รวมค่าตั๋วเครื่องบิน

หมายเหตุ - ขอสงวนสิทธิ์ที่จะปรับราคาตามความเหมาะสม หากมีการเปลี่ยนแปลงของ ค่าธรรมเนียมน้ำมัน ภาษีสนามบิน และ อัตราแลกเปลี่ยน 
       
คำเตือน..ด้วยรักและห่วงใย
   
ว่ากันว่า ที่นี่ คือ "สถานที่ที่สวรรค์กับโลกมนุษย์มาบรรจบกัน" 
ถึงแม้ว่า เส้นทางนี้งดงามเกินบรรยาย ชนิดที่เรียกว่า ควรไปเห็นด้วยตาให้ได้สักครั้งในชีวิต ถึงแม้ว่า เสน่ห์ของทริปนี้ อยู่ที่วิวสองข้างทาง สวยงามจนหลับตาไม่ลง แต่ ทริปนี้ไม่ได้สะดวกสบาย ไปลำบาก นั่งรถเหนื่อยมาก อาหารพื้นเมืองไม่อร่อย กินกันไม่ค่อยได้ !  
   
ด้วยเป็นพื้นที่ที่อยู่สูงเหนือจากระดับน้ำทะเลเกินกว่า 4,000 เมตร จึงสุ่มเสี่ยงต่ออาการแพ้ความสูง ทำให้ปวดหัว อาเจียน หายใจไม่ทัน หรือหัวใจวาย
   
ดังนั้น  กรุณาอ่านโปรแกรมดีๆก่อนตัดสินใจจอง 
ถ้าร่างกายไม่แข็งแรง เช่น
เป็นโรคหัวใจ ความดันสูง หอบหืด ไม่ควรเดินทาง .. 
หากชวนเพื่อนกรุณาบังคับให้เพื่อนอ่านด้วย 
เพื่อนที่เรื่องเยอะ ห้ามชวน ! 

                             
 กรุณาอ่านรายละเอียด 
 อ่านเงื่อนไขราคา และ การชำระเงิน ให้เข้าใจก่อนจอง 
 
            
 ใช้รถ Mahindra Scorpio  *นั่งคันละ 4 คน
นั่งสบาย นั่งรวมกับเพื่อนที่พักห้องเดียวกัน
เก็บกระเป๋าบนหลังคา
เบาะหน้า ข้างคนขับ   1 คน
เบาะกลาง หลังคนขับ   2 คน
เบาะท้าย   1 คน
    
รถที่เราใช้ตลอดการเดินทาง นั่งคันละ 4 คน เต็นท์ห้องน้ำของเรา ปวดฉี่จอดได้ทันที
        
Road Trip เดินทางยาวๆ 13 วัน
ไปกันเรื่อยๆ สไตล์วันแรมทาง

เน้นความสุขใจ ในการออกไปท่องเที่ยว
เก็บบรรยากาศ ความงามของธรรมชาติด้วยสองตา
พร้อมเรื่องเล่า ถ่ายทอดเรื่องราว รู้ลึก รู้จริง
อิ่มเอมกับมิตรภาพ ของเพื่อนร่วมทาง
ปล่อยใจให้สบาย แค่ไว้ใจ แล้วไปด้วยกัน
ปล. ทริปลำบาก ขอลูกทัวร์ อึด ถึก ทน สักนิด
       
โปรแกรมการเดินทาง
       
จุดนัดพบ
สนามบินสุวรรณภูมิ ชั้น 4 ประตู 4-5 บริเวณที่นั่งหน้าประตู
วันพุธที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2566
เวลา 20.00 น. (สองทุ่มตรง)
        
DAY 01 วันพุธที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2566
 
Bangkok - Delhi
   
เริ่มโปรแกรมทัวร์-
  
20.00 น. พบกันที่สนามบินสุวรรณภูมิ เช็คอินบัตรโดยสารและโหลดสัมภาระ
    
เที่ยวบิน TG331

Bangkok-Delhi
  สามารถโหลดกระเป๋าได้หนัก ไม่เกิน 20 กิโลกรัม
เครื่องออก เวลา 23.15 น. (ตามเวลาประเทศไทย)
เครื่องถึง เวลา 02.15 น. (ตามเวลาประเทศอินเดีย)

23.15 น. ได้เวลาเครื่องออก เดินทางสู่ประเทศอินเดีย 
*
ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 ชม. 30 นาที 
     
DAY 02 วันพฤหัสบดีที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2566
 
Delhi - Srinagar - Sonamarg

02.15 น. ถึงแผ่นดินอินเดีย สนามบินเดลลี

รอต่อเครื่องไป เลห์ Leh

ถ้าหิว สามารถซื้อของกิน รองท้องได้ภายในสนามบิน ระหว่างรอต่อเครื่อง "ต่างคนต่างซื้อกินที่สนามบิน"
(ค่าอาหารมื้อนี้ไม่รวมในค่าทัวร์)


07.40 น. ได้เวลาเครื่องออก เดินทางสู่เมืองศรีนากา (Srinagar)
*
ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง 
 
เที่ยวบิน AI827

Delhi-Srinagar
  สามารถโหลดกระเป๋าได้หนัก ไม่เกิน 20 กิโลกรัม
เครื่องออก เวลา 07.40 น. (ตามเวลาประเทศอินเดีย)
เครื่องถึง เวลา 08.40 น. (ตามเวลาประเทศอินเดีย)

 
08.40 น. เครื่องถึงสนามบินศรีนากา (Srinagar)
รถมารับ เดินทางไป โซนามาร์ค (Sonamarg)
*ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมง 
    

เฉพาะการเดินทางวันนี้ จาก สนามบินศรีนากา ไป โซนามาร์ค
จะใช้รถตู้ Tempo Traveller 13-15 ที่นั่ง
   
รถตู้ Tempo Traveller บรรยากาศหน้าที่พัก โซนามาร์ค
 

เดินทางถึง โซนามาร์ค เข้าสู่โรงแรมที่พัก

กินอาหารกลางวัน 
   

Sonamarg  (altitude 2730 metres)
ได้ชื่อว่าเป็นประตูสู่ลาดักห์ มีความหมายว่า เมืองที่ยากแก่การค้นหา โซนามาร์ค ตั้งอยู่ในหุบเขาชิน (Sindh)  บนเทือกเขา Shakhdan หรือ เรียกตามภาษาท้องถิ่น ว่าเทือกเขาทาจิวาส ในฤดูหนาวจะได้พบกับความงามของเทอกเขาที่ปกคลุมไปด้วยหิมะขาวโพลน ส่วนในฤดูร้อนท้องทุ่งกว้างจะคลุมไปด้วยทุ่งหญ้าเขียวขจี มีสายน้ำตกและลำธารน้ำใส ที่เกิดจากการละลายของหิมะธารน้ำแข็ง
เดินเล่น โซนามาร์ค เดินเล่น โซนามาร์ค

ตอนบ่ายๆ 
จะพาออกไปเดินเที่ยว ตามสมควรแก่เวลา
*บังคับเดิน ต้องปรับร่างกายกันหน่อย
  
 
จากนั้นกลับโรงแรมที่พัก  กินอาหารค่ำ  แล้วเข้านอน
   
DAY 03 วันศุกร์ที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2566
 
Sonamarg - Lamayuru
   
ตื่นเช้า- กินอาหารเช้า   

เก็บกระเป๋าขึ้นรถ ออกเดินทาง
วันนี้นั่งรถทั้งวัน  *
เวลาเดินทางขึ้นอยู่กับสภาพถนน
 
Drass  
ระหว่างทางผ่าน เมืองดราส (Drass) เมืองที่ถูกบันทึกไว้ว่า เป็นพื้นที่ที่มีคนอาศัยอยู่จริงที่หนาวเย็นที่สุดเป็นอันดับสองของโลก (the second coldest inhabited place in the world)
ถนนจากโซนามาร์ค หน้าผาสูงชัน ระหว่างทางจาก โซนามาร์ค-ดราส

แวะเมืองการ์กิล (Kargil) เมืองเล็กๆระหว่างเส้นทาง

กินอาหารกลางวัน   แล้วเดินทางกันต่อ
  
Chamba Statue 
แวะไปเที่ยวชม พระศรีอารยเมตไตรย์ แกะสลักอยู่บนภูเขาหิน จากรูปแบบของการแกะสลัก สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นเมื่อประมาณ 800 ปีก่อน โดยลูกศิษย์ของ ล็อตซาวา ริงเซ็น ซังโป พระสงฆ์ชาวทิเบตที่สร้างวัดไว้ในหุบเขาหิมาลัยมากถึง 108 วัด แวะกราบนมัสการ ขอพรให้เดินทางปลอดภัย 
Fotula Top  (altitude 4118 metres)
จุดสูงสุดบนเส้นทาง เลห์-ศรีนากา หรือ Highest Point the Srinagar Leh Road จุดนี้อยู่สูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 4,118 เมตร
วิวสวยๆจาก Fotula Top Chamba Statue พระศรีอารยเมตไตรย์ บนผาหิน

เดินทางถึง ลามายุรุ เข้าสู่โรงแรมที่พัก

กินอาหารค่ำ
  แล้วเข้านอน
     
DAY 04 วันเสาร์ที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2566
 
Lamayuru - Alchi
   
ตื่นเช้า- กินอาหารเช้า   

เช้านี้แวะไปเที่ยว วัดลามายุรุ กันก่อนเลย
 
Lamayuru  (altitude 3510 metres)
ด้วยทำเลที่ตั้งของลามายุรุนั้นเคยเป็นทะเลสาบมาก่อน ปัจจุบันท้องทะเลสาบแห้งสนิทเห็นชั้นดินที่ธารน้ำแข็งกัดเซาะเป็นร่องลึก มองเห็นเป็นชั้นๆสวยงามแปลกตา จนถูกขนานนามว่า Moon Land หรือ โลกพระจันทร์
Moon Land หุบเข้าโลกพระจันทร์
Lamayuru Gompa  (altitude 3370 metres)
ไปเที่ยวกันที่ วัดลามายุรุ เป็นวัดพุทธศาสนาแบบวัชรยานของทิเบต ในสายนิกาย ดริคุงคากิว (หมวกแดง) เช่นเดียวกันกับวัดอัลชิ วัดนี้เก่าแก่อายุราวหนึ่งพันปี สร้างโดย ล็อตซาวา ริงเซ็น ซังโป เช่นกัน วิหารของวัดตั้งอยู่บนยอดเขาสูงแวดล้อมด้วยเทือกเขาขนาดใหญ่ ภายในวัดมีถ้ำเล็กๆซึ่งประดิษฐานรูปปั้น  มหาสิทธานาโรปะ ตันตราจารย์ผู้ยิ่งใหญ่ในประวัติศาสตร์ของพุทธวัชรยาน (มีอายุอยู่ในช่วงปีพ.ศ 1499-1584) ซึ่งเชื่อกันว่าท่านเคยมาปฏิบัติสมาธิภาวนาในถ้ำแห่งนี้
 
ออกเดินทางไป หมู่บ้านอัลชิ  *ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1-2 ชั่วโมง
 
แวะเมืองเล็กๆระหว่างเส้นทาง

กินอาหารกลางวัน   แล้วเดินทางกันต่อ
   

Alchi Gompa  (altitude 3100 metres)
ไปเที่ยวชม  วัดอัลชิ  เป็นวัดพุทธศาสนาแบบวัชรยานของทิเบต วัดเก่าแก่อายุราวหนึ่งพันปี สร้างโดย ล็อตซาวา ริงเซ็น ซังโป พระสงฆ์ชาวทิเบตที่ได้รับการยกย่องว่าเป็น นักแปลผู้ยิ่งใหญ่ ด้วยผลงานการแปลพระไตรปิฎกจากภาษาสันสกฤตเป็นภาษาทิเบต ตลอดช่วงอายุของท่าน (พ.ศ. 1501-1598) ได้สร้างวัดไว้ในหุบเขาหิมาลัยมากถึง 108 วัด เพื่อเผยแผ่พระพุทธศาสนา วัดอัลชิเป็นหนึ่งในวัดที่ท่านสร้าง 
     วัดเล็กๆในหมู่บ้านที่ดูเงียบสงบ วิหารของวัดนี้สร้างด้วยไม้ ผสมโครงสร้างที่เป็นอิฐและดินเหนียว ในรูปแบบดั้งเดิมของชาวลาดักห์ ภายในวิหารมีพระพุทธรูปดินปั้นเก่าแก่และงดงามมากประดิษฐานอยู่ มีภาพวาดจิตรกรรมฝาผนัง ฝีมือจิตรกรชาวแคชเมียร์ วาดเรื่องราวของกษัตริย์และราชินีในยุคนั้นขณะดื่มเครื่องดื่ม สันนิษฐานว่าภาพวาดน่าจะถูกวาดขึ้นในช่วงปี พ.ศ. 1700 ด้านหลังวัดติดกับแม่น้ำสินธุ วิวสวยงาม ปัจจุบันวัดอัลชิ อยู่ภายใต้การดูแลของวัดลิครี (Likir Monastery) ในสายนิกายเกลุคปะ (หมวกเหลือง)
วัดอัลชิ (Alchi Gompa)

พระโพธิสัตวิ์ ภายในวัดอัลชิ


ช่วงเย็น ออกไปเดินเล่น ชมบรรยากาศสวยๆในหมู่บ้าน

กลับเข้าสู่โรงแรมที่พัก 
 กินอาหารค่ำ  แล้วเข้านอน
     
DAY 05 วันอาทิตย์ที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2566
 
Alchi - Leh
    
ตื่นเช้า- กินอาหารเช้า   

เก็บกระเป๋าขึ้นรถ ออกเดินทาง
วันนี้แวะเที่ยวไปเรื่อยๆ เริ่มกันที่ วัดลิคีร์ และ บาสโก้  
*ใช้เวลาเดินทางประมาณ 40 นาที - 1 ชั่วโมง
 
Likir Gompa
วัดลิคีร์ วัดนี้มีพระพุทธรูปพระศรีอาริยเมตไตรย์ ขนาดใหญ่ ทิวทัศน์บริเวณหุบเขาที่อยู่ระหว่างทางไปสู่วัดลิคีร์ ผ่านโตรกลึก ลำธารน้ำใส ถนนพับไปพับมาตามไหล่เขา ทำให้หมู่บ้านสดชื่นมีชีวิตชีวา
Basgo  (altitude 3290 metres)
หมู่บ้านบาสโก้ เป็นชุมชนเล็กๆอยู่ไม่ไกลจากหมู่บ้านอัลชิ บาสโก้มีชื่อเสียงเพราะ UNESCO Asia-Pasific Heritage ภายในมีวัดและพระพุทธรูป พระศรีอาริยเมตไตรย์ ขนาดใหญ่ที่ปั้นด้วยดินเหนียว เก่าแก่และงดงามมากองค์หนึ่ง    
วิวจากวัดลิกีร์ (View from Likir Gompa)
บาสโก้ (Basgo) วันแรมทาง วัดลิกีร์ (Likir Gompa)
บาสโก้ (Basgo) วัดลิกีร์ (Likir Gompa)
 
กินอาหารกลางวัน   

จากนั้นเดินทางต่อ เข้าสู่เมืองเลห์ Leh
*
ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2-3 ชั่วโมง

แวะเที่ยวจุดชมวิวสวยๆ ระหว่างเส้นทาง
 
Nimmu  (altitude 3170 metres)
Nimmu เป็นจุดที่แม่น้ำสองสาย คือ แม่น้ำสินธิ (Indus River) และ แม่น้ำซันสการ์ (Zanskar River) ไหลมาบรรจบกัน แล้วจึงเดินทางกลับเข้าสู่เมืองเลห์
Magnetic Hill  (altitude 3500 metres)
Magnet Hill หรือเนินเขาที่มีแรงโน้มถ่วง อยู่บนถนน Srinagar-Leh Highway  อยู่ไม่ไกลจากเมืองเลห์ ภูมิประเทศเป็นพื้นที่ลาดโดยรอบ ทำให้เกิดภาพลวงตาของเนินเขา ภาพทางขึ้นเขาที่เรามองเห็นนั้น จริงๆแล้วเป็นทางลงเขา รถยนต์ที่กำลังเคลื่อนที่ไปบนเนินเขา อาจดูเหมือนกำลังขึ้นเนิน โดยขัดต่อแรงโน้มถ่วงอย่างน่าอัศจรรย์ ทั้งๆที่ความเป็นจริงแล้ว รถยนต์กำลังวิ่งลงเนินต่างหาก
แม่น้ำสินธุ พบ แม่น้ำซันสการ์ (Nimmu)

Magnetic Hill


เดินทางถึง เมืองเลห์ เข้าสู่โรงแรมที่พัก
พักให้หายเหนื่อยจากการเดินทาง ให้เวลาช่วงเย็นตามอัธยาศัย
  
กินอาหารค่ำ
  แล้วเข้านอน
        
DAY 06 วันจันทร์ที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2566
 
Leh City Tour

ตื่นเช้า- กินอาหารเช้า   

วันนี้เที่ยวไปเรื่อยๆ ในเมืองเลห์
   
LEH เมืองเลห์  (altitude 3500 metres)
อยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเล 3,500 เมตร  เป็นเมืองหลวงของลาดักห์ คือดินแดนที่ซ่อนเร้นอยู่ท่ามกลางขุนเขา ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของเทือกเขาหิมาลัย เต็มไปด้วยภูเขาหิมะที่สูงกว่า 7,000 เมตร จากระดับน้ำทะเล เทือกเขาสูงที่โอบล้อม ทำให้เลห์กลายเป็นดินแดนลี้ลับที่ยากแก่การเข้าถึง
ลาดักห์ในอดีต เคยเป็นอาณาจักรใหญ่ที่รุ่งเรือง เป็นชุมทางการค้าขายของ 1 ใน 3 เส้นทางสำคัญของหิมาลัยโบราณ อันได้แก่ เส้นทางสายไหม เส้นทางเกลือ และ เส้นทางเครื่องเทศ พ่อค้ามากมายเดินทางมาพบปะเจรจา แลกเปลี่ยนซื้อขายสินค้า ที่นี่จึงเป็นจุดเชื่อมต่อวัฒนธรรมและอารยธรรม ระหว่างเอเชียกลาง เอเชียตะวันตก  ตะวันออกกลาง และยุโรป
 
Spituk Gompa  (altitude 3200 metres)
เช้าวันนี้ ออกไปเที่ยวกันที่ วัดสปิตุก หรือที่เรียกว่า Spituk Gompa เป็นวัดในพุทธศาสนา ตั้งอยู่ติดกับสนามบินเลห์ สามารถมองเห็นเครื่องบิน บินขึ้นลงได้อย่างชัดเจน สร้างขึ้นราวพุทธในศตวรรษที่ 16 สปิตุก แปลว่า เป็นแบบอย่าง ได้ชื่อนี้มาจากความหมายที่ว่า วัดนี้ต่อไปจะเป็นแบบอย่างให้วัดอื่นๆได้  วัดนี้เมื่อครั้งเริ่มสร้างเป็นนิกายหมวกแดง ต่อมาราวพุทธศตวรรษที่ 20 วัดแห่งนี้ได้รับอิทธพลของนิกายหมวกเหลือง และเป็นนิกายหมวกเหลืองมาจนถึงปัจจุบัน 
วัดสปิตุก หรือ Spituk Gompa สนามบินเลห์ มองเห็นได้จากบริเวณวัด
Paden Lhamo / Kali Mata
วัดสปิตุก มีเทวรูปของธรรมบาล ที่ชื่อ พัลเด็น ลาโม (Palden Lhamo) หรือที่ชาวอินเดียนิยมเรียกกันว่า Kali Mata หรือ Sri Devi เทพีแห่งความตาย ในทางพุทธศาสนาแบบทิเบตจัดว่าเป็นเทพีหญิงผู้ยิ่งใหญ่ ที่ปรากฏกายในรูปแบบต่างๆมากมาย โดยมักจะปรากฏเป็นเทพีที่โกรธจัด มีบทบาทหลักเป็นธรรมบาล คุ้มครองพระโพธิสัตว์ผู้รู้แจ้งด้านปัญญา เป็นหนึ่งในสาม ธรรมปาละหรือธรรมบาล หลักในพุทธศาสนาแบบทิเบต ควบคู่ไปกับ มหากาละ และ ยามันตากะ // พัลเด็น ลาโม ได้รับการนับถือว่าเป็นธรรมบาลหลัก ที่คุ้มครองประเทศภูฏานอีกด้วย
 
พัลเด็น ลาโม (Palden Lhamo)

กินอาหารกลางวัน 
 
Namgyal Tsemo Gompa  (altitude 3650 metres)
แวะเที่ยว วัด Namgyal Tsemo Gompa สร้างตั้งแต่ปี พ.ศ.1973 ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปขนาดใหญ่ และพระคัมภีร์เก่าแก่จากทิเบต บริเวณเหนือตัววัดจะเป็นป้อมปราการเก่า เป็นจุดชมวิวที่สามารถเห็นเมืองเลห์ได้อย่างสวยงาม
Leh Palace  (altitude 3537 metres)
ไปเที่ยวกันที่ พระราชวังเลห์ (Leh Palace) เป็นพระราชวัง ที่ตั้งอยู่อย่างโดดเด่นกลางเมืองเลห์ สร้างในปี พ.ศ. 2173 มีลักษณะรูปแบบสถาปัตยกรรมใกล้เคียงกับพระราชวังโปตาลาในทิเบต คือมีผนังเอียงเข้าหากันทุกด้าน
พระราชวังเลห์ (Leh Palace)
พระราชวังเลห์ (Leh Palace) วัด Namgyal Tsemo Gompa

เที่ยวเสร็จ ถ้ามีเวลาเหลือ ให้เวลาอิสระ
จะกลับโรงแรมไปพักผ่อน หรือ
ไปเที่ยวตลาด เดินเล่นเพลินๆ ก็ได้ตามอัธยาศัย


กินอาหารค่ำ  แล้วเข้านอน
   
DAY 07 วันอังคารที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2566
  
Leh City Tour
     
ตื่นเช้า- กินอาหารเช้า   

วันนี้เที่ยวกันต่อ ในเมืองเลห์
       

Shey Palace  (altitude 3415 metres)
เริ่มที่ พระราชวังเชย์ ตอนแสงสวยๆ แต่เดิมเมืองเชย์ เป็นเมืองหลวงเก่าของลาดักห์ พระราชวังนี้สร้างโดย กษัตริย์ Deldan Namgyal  เพื่อระลึกถึงผู้เป็นพระบิดา Singge Namgyal กำแพงของพระราชวังถูกฉาบด้วยทองคำผสมทองแดง ก่อสร้างเพื่อเป็นพระราชวังฤดูร้อนของกษัตริย์แห่งลาดักห์ ภายในมีองค์พระศากยมุณีที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคนี้
พระราชวังเชย์ (Shey Palace)
วิวด้านหน้าพระราชวังเชย์ (Shey Palace)  องค์พระศากยมุณี ภายในพระราชวังเชย์

กินอาหารกลางวัน 
  
Thiksey Gompa  (altitude 3300 metres)
แล้วไปต่อที่ วัดธิคเซย์ (Thiksey Monastery) เป็นวัดที่สวยงามที่สุดของลาดักห์ อยู่ในนิกายเกลุคปา ภายในวัดมีองค์พระศรีอารยะเมตไตรย์ ซึ่งชาวพุทธสายมหายานเชื่อว่า เป็นพระโพธิสัตว์องค์ต่อไป ที่จะคอยช่วยเหลือมนุษย์
วัดธิคเซย์ (Thiksey Monastery) พระศรีอารยเมตไตรย์ วัดธิคเซย์
วัดธิคเซย์ (Thiksey Monastery) พระศรีอารยเมตไตรย์ วัดธิคเซย์

เดินทางกลับเข้าสู่ตัวเมืองเลห์
พาไปกินขนมอร่อยๆในเมือง นั่งเล่นกินน้ำ กินกาแฟคลายร้อน

พอแดดร่มๆ จะพาไปดูบรรยากาศยามเย็นสวยๆที่ Shanti Stupa
  
Shanti Stupa  (altitude 3609 metres)
แล้วปิดท้ายของวันนี้กันที่ Shanti Stupa  ชมบรรยากาศยามเย็น อยู่ห่างจากตัวเมืองเลห์ประมาณ 2 กิโลเมตร  Shanti Stupa เป็นเจดีย์สันติภาพที่สร้างขึ้นโดยชาวญี่ปุ่น ที่นี่เป็นจุดชมวิวที่สามารถเห็นตัวเมืองเลห์ ได้อย่างชัดเจน แสงสีทองจับทิวเขาขณะอาทิตย์ลับขอบฟ้า สวยงามจับใจ 
Shanti Stupa  วิวยามพระอาทิตย์ตก มองจาก Shanti Stupa
  
ถ่ายรูป ชื่นชมบรรยากาศของเมืองเลห์ ตอนเย็นๆจากมุมสูง ที่ Shanti Stupa

เที่ยวเสร็จ ถ้ามีเวลาเหลือ ให้เวลาอิสระ
จะกลับโรงแรมไปพักผ่อน หรือ
ไปเที่ยวตลาด เดินเล่นเพลินๆ ก็ได้ตามอัธยาศัย

กินอาหารค่ำ  แล้วเข้านอน
    
DAY 08 วันพุธที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2566
 
Hemis Festival
     
ตื่นเช้า- กินอาหารเช้า   

วันนี้จะไปเที่ยวชม  งานเทศกาลหน้ากาก  ที่วัดเฮมิส
เราเตรียมจองที่นั่งไว้ให้แล้ว ไม่ต้องนั่งพื้น หรือเบียดแย่งที่นั่งกับใคร
มีข้อมูล เรื่องราวของเทศกาลหน้ากาก เล่าให้ทุกท่านฟัง ได้ดู ได้รู้ ได้เข้าใจ
       
Hemis Gompa  (altitude 3680 metres)
วัดเฮมิส เป็นวัดเก่าแก่ที่มีชื่อเสียง จัดได้ว่าใหญ่ที่สุดและมั่งคั่งที่สุดในลาดักห์ ตั้งอยู่บนฝั่งแม่น้ำสินธุ เช่นเดียวกับวัดสำคัญอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น Lamayuru, Alchi, Stok และ Thiksey
     
 เทศกาลหน้ากาก Hemis Festival
เต็มอิ่ม เต็มวัน อยู่ชมจนจบงาน
พร้อมไกด์บรรยาย ให้เข้าใจเรื่องราวการแสดง
 
พิธีเปิดภาพพระบฏ (ภาพทังก้า)
เป็นสัญลักษณ์ของการเริ่มงานประเพณี

ช่วงพักแสดง จะพาเดินเที่ยวชมส่วนต่างๆ และห้องสำคัญๆภายในวัด
 
กินอาหารกลางวัน
 
  จะต้องเป็นอาหารกล่องที่แพ็คมาจากโรงแรม เพื่อที่จะได้อยู่ชมงานได้จนจบการแสดง
 
งานเทศกาลหน้ากาก (Mask Dance) วัดเฮมิส งานเทศกาลหน้ากาก (Mask Dance) วัดเฮมิส
งานเทศกาลหน้ากาก (Mask Dance) วัดเฮมิส  งานเทศกาลหน้ากาก (Mask Dance) วัดเฮมิส
วัดเฮมิส (Hemis Monastery)
องค์คุรุปัทมสัมภวะ ภายในวัดเฮมิส  วัดเฮมิส (Hemis monastery)
  
ถ่ายรูป ชื่นชมบรรยากาศในงานให้เต็มที่
งานจบ เดินทางกลับเข้าสู่ตัวเมืองเลห์

ให้เวลาอิสระ
จะกลับโรงแรมไปพักผ่อน หรือ
ไปเที่ยวตลาด เดินเล่นเพลินๆ ก็ได้ตามอัธยาศัย


กินอาหารค่ำ  แล้วเข้านอน
    
DAY 09 วันพฤหัสบดีที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2566
 
Leh - Pangong Lake
       
ตื่นเช้า- กินอาหารเช้า   

วันนี้เก็บกระเป๋าเดินทางไกลไป ทะเลสาบพันกอง
ใช้เส้นทางที่ผ่าน ชางลา (Chang La Pass) ถนนซึ่งสูงเป็นอันดับ 3 ของโลก
*ใช้เวลาเดินทางประมาณ 5-6 ชั่วโมง   

ชมวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม ระหว่างเส้นทาง

วิวสวยๆริมแม่น้ำสินธุ เห็นวัด Stakna Gompa อยู่ไกลๆ
 
Chang La Pass  (altitude 5360 metres)
ชางลาพาส Chang La Pass เป็นหนึ่งในถนนที่ตัดผ่านยอดเขาสูงในลาดักห์ ที่ระดับความสูง 5,391 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล สูงเป็นอันดับ 3 ของอินเดีย อยู่ระหว่างเส้นทางจากเลห์ไปทะเลสาบพันกอง ผิวถนนเส้นนี้จะกลายเป็นดินโคลนหลังฤดูหนาวที่หิมะตกหนัก จึงต้องมีการบำรุงรักษาเป็นประจำ ในช่วงฤดูร้อนโดยเฉพาะฤดูท่องเที่ยว สองฝั่งถนนจะมีลำธารเล็กสวยงาม ชางลาพาส นั้นเป็นจุดที่สูงมากจากระดับน้ำทะเล แพทย์แนะนำว่าอย่าอยู่บนที่สูงเกิน 20-25 นาที เพราะอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพได้ เนื่องจากระดับความสูงที่สูงมากเกินไป
ชางลา (Chang la Pass)
ชางลา (Chang la Pass) แม่น้ำสายเล็กๆ ระหว่างทางไปทะเลสาบ
  
กินอาหารกลางวัน   ระหว่างทาง
                
Pangong Lake  (altitude 4350 metres)
ทะเลสาบพันกอง มีความยาวถึง 40 ไมล์ กว้าง 2-4 ไมล์ พื้นที่ 75% ของทะเลสาบอยู่ในดินแดนทิเบต อีก 25% อยู่ในเขตของอินเดีย เป็นทะเลสาบน้ำเค็มที่อยู่สูงที่สุดในโลก คือ 4,350 เมตร จากระดับน้ำทะเล ชื่นชมความงามของทะเลสาบที่มีภูเขาสูงเป็นฉากหลัง น้ำในทะเลสาบแห่งนี้มีสีสันที่งดงามมาก โดยเฉพาะในช่วงเย็นน้ำจะมีสีน้ำเงินเข้ม งดงามจับใจ ถ่ายรูป พักผ่อนชื่นชมธรรมชาติกันตามอัธยาศัย
 ทะเลสาบพันกอง วิวจากห้องพัก
ทุ่งหญ้าฟ้ากว้าง ก่อนถึงทะเลสาบ ความสามารถเฉพาะตัว ห้ามเลียนแบบ
  
เดินทางถึง ทะเลสาบพันกอง
ดื่มด่ำกับความงามของทะเลสาบ ชื่นชมธรรมชาติกันเต็มที่

เข้าสู่แค้มป์ที่พัก


กินอาหารค่ำ  แล้วเข้านอน
     
DAY 10 วันศุกร์ที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2566
 
Pangong Lake - Nubra Valley
        
ตื่นเช้า- กินอาหารเช้า   

ออกเดินทางไกลไป นูบราวัลเล่ย์
วันนี้เราเดินทางเรียบแม่น้ำ Sheyok River 
นั่งรถครึ่งค่อนวัน *ระยะเวลาเดินทาง ขึ้นอยู่กับสภาพถนน   
  
ถ่ายรูปรวม ริมทะเลสาบพันกอง แม่น้ำ Shyok River ระหว่างทางไปนูบรา

ชมวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม ระหว่างเส้นทาง
  

กินอาหารกลางวัน   ระหว่างทาง
    

เดินทางถึง นูบราวัลเล่ย์ เข้าสู่โรงแรมที่พัก
  
Nubra Valley  (altitude 3048 metres)
เป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางคารวานในอดีต เชื่อมต่อกับเส้นทางสายไหมอันโด่งดัง นูบราหมายถึงหุบเขาแห่งดอกไม้ เป็นแหล่งปลูก Apricot และผลไม้หลากหลายของลาดักห์ และเป็นที่อยู่อาศัย ของนกนานาชนิด อยู่ห่างจากเลห์ไปทางเหนือ ประมาณ 150 กิโลเมตร โอบล้อมด้วยเทือกเขาหิมาลัยและเทือกเขาคาราโครัม (Karakoram Range) ซึ่งเทือกเขาคาราโครัมนี้ เป็นเขตแดนตามธรรมชาติกั้นอินเดียกับปากีสถาน
Diskit Gompa  (altitude 3150 metres)
ออกไปเที่ยว วัดดิสกิต (Diskit Gompa) วัดเก่าแก่ที่สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.1963 สักการะ พระศรีอารยเมตไตรย์ องค์ใหญ่ ถ่ายรูปจุดชมวิวตามอัธยาศัย
วัด Diskit - Nubra Valley พระศรีอารยเมตไตรย์ วัด Diskit
วัด Diskit - Nubra Valley พระศรีอารยเมตไตรย์ วัด Diskit
 
Sand Dunes
พอแดดร่มๆ ไปดู อูฐหลัง 2 หนอก (Bactrian camels) ที่หลงเหลือมาจากสมัยที่ขบวนคาราวานยังผ่านไปมา ในเส้นทางสายไหม Trans-Karakoram อันเก่าแก่ ทุกวันนี้อูฐทำงานรับจ้างบริการนักท่องเที่ยว แทนอาชีพคาราวานดั้งเดิม เราจะ ขี่อูฐ เดินเล่นบนผืนทะเลทรายกัน
อูฐสองหนอก ที่ sand dune
ขี่อูฐสองหนอก ที่ sand dune ชาวบ้านขายผักในตลาด
 
*ค่าขี่อูฐ และค่าทิปให้คนจูงอูฐ ไม่รวมอยู่ในค่าทัวร์ ต่างคนต่างจ่ายกันตรงนั้น
 เผื่อเงินค่าอูฐและทิป ประมาณ 500 รูปี
 
เข้าสู่โรงแรมที่พัก

กินอาหารค่ำ  แล้วเข้านอน
      
DAY 11 วันเสาร์ที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2566
 
Nubra Valley  - Leh
       
ตื่นเช้า- กินอาหารเช้า   

วันนี้เก็บกระเป๋าเดินทางไกล กลับเข้าสู่เมืองเลห์
*ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4-5 ชั่วโมง   

ชมวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม ระหว่างเส้นทาง
 
Khardung-La Pass  (altitude 5602 metres)
เป็นไฮไลท์ของวัน เราจะผ่านเส้นทางรถยนต์สูงที่สุดในโลกคือ กาดุงลาพาส Khardung-La Pass ถนนที่ตัดผ่านยอดเขาสูงที่สุดในอินเดีย ที่ระดับความสูง 5,602 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล อยู่ระหว่างเส้นทางจากเลห์ไปนูบราวัลเลย์ บริเวณนี้จะมีอากาศเบาบางและหนาวเย็นมาก มีหิมะตกตลอดทั้งปี ผิวถนนเส้นนี้จะกลายเป็นดินโคลนหลังหิมะตกหนัก จึงต้องมีการบำรุงรักษาเป็นประจำ กาดุงลาพาส นั้นเป็นจุดที่สูงมากจากระดับน้ำทะเล แพทย์แนะนำว่าอย่าอยู่บนที่สูงเกิน 20-25 นาที เพราะอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพได้ เนื่องจากระดับความสูงที่มากเกินไป

 
เดินทางถึง เมืองเลห์  กินอาหารกลางวัน 

เข้าสู่โรงแรมที่พัก ให้เวลาอิสระ

กินอาหารค่ำ  

คืนนี้มีปาร์ตี้ ฉลองความสุขในการเดินทางของเรา และเลี้ยงขอบคุณให้คนขับและทีมงาน
     
DAY 12 วันอาทิตย์ที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2566
   
Leh - Delhi - Bangkok
        
ตื่นเช้า- กินอาหารเช้า   

เก็บกระเป๋าเดินทาง เตรียมตัวกลับประเทศไทยกัน

11.00 น. 
กินอาหารกลางวัน 

12.00 น. ไปสนามบิน เช็คอินบัตรโดยสารและโหลดสัมภาระ
  
 
เที่ยวบิน 6E5303

Leh-Delhi
  สามารถโหลดกระเป๋าได้หนัก ไม่เกิน 20 กิโลกรัม
เครื่องออก เวลา 14.00 น. (ตามเวลาประเทศอินเดีย)
เครื่องถึง เวลา 15.30 น. (ตามเวลาประเทศอินเดีย)

14.00 น. ได้เวลาเครื่องออก มุ่งหน้าสู่กรุงนิวเดลี

15.30 น. ถึงสนามบินนิวเดลี   รอต่อเครื่องกลับกรุงเทพ

กินอาหารค่ำ  "ต่างคนต่างซื้อกินที่สนามบิน"
(ค่าอาหารมื้อนี้ไม่รวมในค่าทัวร์)

 
เที่ยวบิน TG316

Delhi-ฺBangkok
  สามารถโหลดกระเป๋าได้หนัก ไม่เกิน 20 กิโลกรัม
เครื่องออก เวลา 23.30 น. (ตามเวลาประเทศอินเดีย)
เครื่องถึง เวลา 05.25 น. (ตามเวลาประเทศไทย)

23.30 น. ได้เวลาเครื่องออก เดินทางสู่ประเทศไทย
*
ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 ชม. 25 นาที 
  
DAY 13 วันจันทร์ที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2566

05.25 น. เดินทางถึง สนามบินสุวรรณภูมิ โดยสวัสดิภาพ.. สวัสดีประเทศไทย


จบโปรแกรมทัวร์-


หมายเหตุ-  โปรแกรมการเดินทาง อาจเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสมของช่วงเวลา และสถานการณ์เฉพาะหน้า
         
ที่พัก

 
พักห้องละ 2 ท่าน
เรื่องที่พัก ขอให้เชื่อใจ
เราเลือกโรงแรมที่ดี สะอาดและปลอดภัย
โรงแรมดีๆที่ไม่ได้วัดกันที่ว่า มีกี่ดาว 
   

 
Sonamarg / Alchi / Leh / Nubra Valley
พักโรงแรม สะอาดปลอดภัย มีสิ่งอำนวยความสะดวกพร้อม 
 
มี wifi
 
Pangkong Lake  
พักแค้มป์ สะอาดปลอดภัย มีห้องน้ำในตัว   
ไม่มี สัญญานเน็ต
    
ราคาทัวร์
        เดินทางขั้นต่ำ  6 คน ใช้รถ 2 คัน   คนละ   57,000 บาท
        เดินทาง  7-11 คน ใช้รถ 3 คัน   คนละ   54,000 บาท
        เดินทาง  12-16 คน ใช้รถ 4 คัน   คนละ   50,000 บาท 
     


  *ราคานี้ ยังไม่รวม ค่าตั๋วเครื่องบิน
     ทุกเส้นทางตามที่ระบุในโปรแกรม

  
   จ่ายเพิ่มค่าตั๋วเครื่องบิน ประมาณ  26,000 บาท++
    จ่ายตามราคาจริง ณ วันที่จอง/วันที่ออกตั๋ว
      จองเร็วได้ตั๋วถูก จองช้าได้ตั๋วแพง

   หมายเหตุ - 
ขอสงวนสิทธิ์ที่จะปรับราคาตามความเหมาะสม หากมีการเปลี่ยนแปลงของ ค่าน้ำมัน และ อัตราแลกเปลี่ยน เนื่องด้วยความผันผวนของสถานการณ์โลก ในปัจจุบัน
  

      

ส่วนลด-  (หักจากการจ่ายเงินงวดสุดท้าย)
มีวีซ่าอินเดียอยู่แล้ว หรือ ทำวีซ่าเอง ลดค่าวีซ่า 380 บาท

 

ราคานี้รวม-

ค่าวีซ่าอินเดีย *ประเภท  e-Tourist VISA 30 Days 

ยา Acetazolamide (Diamox) 250 mg มีสำหรับทุกท่าน
O2 ออกซิเจน ติดรถเป็นกองกลาง 1 แท็งค์ กรณีฉุกเฉิน

อาหารมื้อหลักทุกมื้อ  รวม ชา กาแฟ ของหวาน และผลไม้  
*ท่านใดไม่กินอาหารเย็น ไม่คืนค่าอาหาร

อาหารไทย  ทัวร์ลีดเดอร์ ทำให้กินในบางมื้อ
น้ำดื่ม (น้ำเปล่าบรรจุขวด) ไม่จำกัดจำนวน 

ที่พัก  โรงแรม/แคมป์ ตามที่ระบุ พักห้องละ 2 คน
 
ค่ารถตลอดเส้นทาง 

 ++ เส้นทาง เลห์-ซันสการ์-มะนาลี
ใช้รถ Mahindra Scorpio ไม่มีแอร์ นั่งคันละ 4 คน
 ++ เฉพาะเส้นทาง มะนาลี-จันดิการ์ 
ใช้รถตู้ Tempo Traveller ปรับอากาศ 12-14 ที่นั่ง 

ค่าบัตรเข้าชมสถานที่ต่างๆ เฉพาะตามที่ระบุในโปรแกรม
ค่าบริการ หัวหน้าทัวร์คนไทย (ไม่รวมทิป)
ค่าบริการ ไกด์ชาวอินเดีย และคนขับรถ (ไม่รวมทิป)

ประกันการเดินทาง-  
เงื่อนไขครอบคลุมภายใต้ข้อตกลงที่มีไว้กับบริษัทประกันชีวิต 

   


ราคานี้ไม่รวม-

ค่าตั๋วเครื่องบิน สายการบินตามที่ระบุในโปรแกรม  
ค่าธรรมเนียมน้ำมันและภาษีสนามบิน ไทย-อินเดีย
อาหารเช้า  ที่สนามบินเดลลี วันแรกของการเดินทาง
อาหารค่ำ  ที่สนามบินเดลลี วันสุดท้ายของการเดินทาง
ค่ากล้องถ่ายรูป และ ค่ากล้องวีดีโอ ซึ่งเรียกเก็บเป็นบางสถานที่
ค่าทิป escort หรือผู้ช่วยหัวหน้าทัวร์ ชาวอินเดีย
ค่าทิป หัวหน้าทัวร์คนไทย
ค่าทิป ทีมงานอินเดีย ไกด์ท้องถิ่น คนขับรถ
ค่าทิป ค่าทิป เด็กยกกระเป๋าที่โรงแรม
ค่าใช้จ่าย ในการรักษาพยาบาล / ค่ากักตัวที่ประเทศอินเดีย
ค่าใช้จ่ายอื่นๆ นอกเหนือจากที่ระบุไว้ในรายการ




เงินทิป-  
   
เด็กยกกระเป๋า ควรให้ไม่ต่ำกว่า 20 รูปี ต่อกระเป๋า 1 ใบ
    
ทีมงานอินเดีย 
(ไกด์ท้องถิ่น คนขับรถ) 
เผื่อเงินไว้ประมาณ 4,400 รูปี หรือ 2,200 บาท 
สำหรับ 11 วัน ในอินเดีย  
(ให้ในวันสุดท้าย ของการเดินทาง)


หัวหน้าทัวร์คนไทย 
เผื่อเงินไว้ประมาณ 1,200 บาท
สำหรับ 12 วัน หรือตามแต่พอใจ (ไม่บังคับ)
(ให้ในวันสุดท้าย ของการเดินทาง)

         
 การชำระเงิน


1)  จ่ายมัดจำ 10,000 บาท  ทันทีที่จอง   
      *ยึดมัดจำถ้าขอเลิกการเดินทาง

2)  จ่ายค่าตั๋วเครื่องบิน 20,000 บาท  ทันทีที่จอง 
      
*ถ้าขอยกเลิกการเดินทาง
       คืน/ไม่คืนเงิน ตามเงื่อนไขของสายการบิน

      (กรุณาสอบถามราคาก่อนจองทัวร์)
 
3)  จ่ายส่วนที่เหลือ  ภายในวันที่  11 กรกฎาคม 2566

   
 เงื่อนไขการให้บริการ

 

   
จองล่วงหน้าตามช่วงเวลาที่กำหนด ชำระเงินตามเงื่อนไขข้างต้น
 

ขอยกเลิกการเดินทาง ยึดเงินมัดจำ  และหักค่าใช้จ่ายตามที่เกิดขึ้นจริง และ/หรือ ขอยกเลิกการเดินทาง น้อยกว่า 30 วัน เก็บค่าใช้จ่ายเต็มจำนวน 
  

กรณีเกิดการระบาดของ โควิด-19 จนทำให้ไม่สามารถเดินทางได้ ขอสงวนสิทธิ์ในการ เลื่อน/ยกเลิกการเดินทาง ตามแต่สถานการณ์เฉพาะหน้า หากจำเป็นต้องยกเลิกการเดินทาง จะคืนเงินเต็มจำนวน

เมื่อท่านออกเดินทางกับคณะแล้ว ถ้าท่านงดการใช้บริการรายการใดรายการหนึ่ง เช่น ไม่เที่ยวบางรายการ ไม่ทานอาหารบางมื้อ หรือไม่เดินทางพร้อมคณะ ถือว่าท่านสละสิทธิ์ ไม่อาจเรียกร้องค่าบริการและเงินมัดจำคืนได้ ไม่ว่ากรณีใดๆ ทั้งสิ้น  กรณีที่การตรวจคนเข้าเมืองทั้งที่กรุงเทพฯ และในต่างประเทศ ปฏิเสธมิให้เดินทางออกหรือเข้าประเทศในรายการเดินทาง หรือ กรณีความล่าช้าจากสายการบิน การประท้วง, การนัดหยุดงาน, การก่อจลาจล ทางเราขอสงวนสิทธิ์ที่จะไม่คืนค่าบริการไม่ว่ากรณีใดๆ ทั้งสิ้น  เมื่อท่านตกลงชำระเงิน ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน ถือว่าท่านได้ยอมรับเงื่อนไขข้อตกลงต่างๆ ที่ได้ระบุไว้แล้วทั้งหมด


กรณีติดโควิด-19 ระหว่างเดินทาง หรือในขณะที่อยู่ในประเทศอินเดีย เบื้องต้นจะรักษาตามอาการ  ทั้งนี้ผู้ร่วมทางต้องดูแลตัวเอง หากมีอาการหนักจะนำส่งโรงพยาบาลที่อินเดีย เพื่อให้เข้ารับการรักษา หากต้องการเดินทางกลับประเทศไทยก่อนกำหนด สามารถทำได้โดยคิดค่าใช้จ่ายตามที่เกิดขึ้นจริง

         
 
คลิก..เพื่อดูโปรแกรมการเดินทาง
หรือ ขอโปรแกรมได้ที่  คุณนุ้ย 0816928233
หรือ แจ้งทาง LINE ID : wanramtang3 

 
    
ขั้นตอนง่ายๆในการจองทริปกับเรา
1 
คลิกเพื่อจองทริป คลิกตรวจรายชื่อ คลิกเพื่อโอนเงิน คลิกเพื่อส่งเอกสาร
 
บริการของเรา
คำแนะนำ เตรียมของ ฝากแลกเงิน เรื่องอาการแพ้ที่สูง
               
.. ประสบการณ์ 16 ปี  พาเที่ยว Leh Ladakh Zanskar ..
            
26 กันยายน - 8 ตุลาคม 2550 14-23 ตุลาคม 2550 8-21 กรกฎาคม 2551
ep 1  -  ปี 2550
26 กันยายน - 8 ตุลาคม
มะนาลี ลาดักห์ แคชเมียร์
ep 2  -  ปี 2550
14-23 ตุลาคม
ลาดักห์ แคชเมียร์ ทัชมาฮาล 
ep 3  -  ปี 2551
8-21 กรกฎาคม
มะนาลี ลาดักห์ แคชเมียร์
         
30 มิถุนายน - 12 กรกฎาคม 2552 10-19 ตุลาคม 2552
ep 4  -  ปี 2552
30 มิถุนายน - 12 กรกฎาคม
ลาดักห์ แคชเมียร์ ทัชมาฮาล
ep 5  -  ปี 2552
15 กันยายน - 2 ตุลาคม
มะนาลี ลาดักห์ ซันสการ์ แคชเมียร์
ep 6  -  ปี 2552
10-19 ตุลาคม
ลาดักห์ แคชเมียร์
           
23 กรกฎาคม - 8 สิงหาคม 2553 21 สิงหาคม - 6 กันยายน 2553 7-22 ตุลาคม 2554
ep 7  -  ปี 2553
23 กรกฎาคม - 8 สิงหาคม
มะนาลี ลาดักห์ แคชเมียร์
ep 8  -  ปี 2553
21 สิงหาคม - 6 กันยายน
มะนาลี ลาดักห์ แคชเมียร์
ep 9  -  ปี 2554
7-22 ตุลาคม
มะนาลี ลาดักห์ แคชเมียร์
         
ep 10  -  ปี 2555
27 มิถุนายน - 8 กรกฎาคม
มะนาลี ลาดักห์ แคชเมียร์
ep 11  -  ปี 2556
7-22 กุมภาพันธ์
Chadar Trek แม่น้ำน้ำแข็งซันสการ์
ep 12  -  ปี 2557
3-12 กรกฎาคม
แคชเมียร์ ลาดักห์ เทศกาลหน้ากาก
         
 
ep 13  -  ปี 2557
1-12 สิงหาคม
แคชเมียร์ ซันสการ์ ลาดักห์
ep 14  -  ปี 2557
15-24 กรกฎาคม
ลาดักห์ Stok Trekking
ep 15  -  ปี 2559
20 เมษายน - 1 พฤษภาคม
ดาฮานู เลห์ ลาดักห์
         
ep 16  -  ปี 2559
8-19 กรกฎาคม
เลห์ ลาดักห์ เทศกาลหน้ากาก
ep 17  -  ปี 2559
28 สิงหาคม - 10 กันยายน
มะนาลี เลห์ ลาดักห์
ep 18  -  ปี 2561
7-17 ตุลาคม
แคชเมียร์ เลห์ ลาดักห์
           
ep 19  -  ปี 2562
5-13 เมษายน
Winter in Leh เลห์ ลาดักห์
ep 20  -  ปี 2562
26 กรกฎาคม - 6 สิงหาคม
แคชเมียร์ เลห์ ลาดักห์
ep 21  -  ปี 2565
16-30 พฤษภาคม
เลห์ มะนาลี ซิมลา
 
   
ep 22  -  ปี 2565
3-14 กรกฎาคม
เลห์ ลาดักห์ เทศกาลหน้ากาก
 ep 23  -  ปี 2566
21 มิถุนายน - 3 กรกฎาคม
เลห์ ลาดักห์ เทศกาลหน้ากาก
 ep 24  -  ปี 2566
13-26 สิงหาคม
ลาดักห์ ซันสการ์
       
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
ที่อยู่ แผนที่ วันแรมทาง
บ้านวันแรมทาง
1/60 ซ.อนามัยงามเจริญ 12 แขวงท่าข้าม เขตบางขุนเทียน กรุงเทพ 10150
โทรศัพท์  024054561
มือถือ - ปลา 0898119139 (AIS)
มือถือ - นุ้ย 0816928233 (DTAC)
Email wanramtang@hotmail.com
Line Official ID @wanramtang
 
วันทำงาน วันจันทร์-วันศุกร์ เวลา 09.00-18.00 น.
วันเสาร์ เวลา 09.00-12.00 น.
นอกเวลางาน งดการติดต่อทุกเรื่อง
ถ้าไม่รับสายหรือโทรไม่ติด กรุณาติดต่อทาง Line
           
หรือติดต่อผ่านระบบอัตโนมัติ ด้านล่างนี้

 


ชื่อ :  *
เบอร์โทรศัพท์ :  *
อีเมล :  *
ชื่อทริปเดินทาง :  *
วันที่เดินทาง :  *
ต้องการ : จองทริป
สอบถาม
หัวข้อที่ต้องการสอบถาม :
รายละเอียด :



โปรแกรม ลาดักห์




ใบอนุญาตประกอบธุรกิจนำเที่ยว เลขที่ 11/06037
ติดต่อเรา
โปรแกรมการเดินทาง
dot
dot
dot
dot
dot
dot
dot
dot










อุณหภูมิ พยากรณ์อากาศ
คำแนะนำเรื่อง อาการแพ้ความสูง Altitude Sickness อาการเวลาอยู่บนพื้นที่สูง Acute Mountain Sickness (AMS)


Copyright © 2007-2037 สงวนลิขสิทธิ์ภาพและบทความที่จัดทำขึ้นโดยเว็บไซต์ ห้ามลอกโดยเด็ดขาด
ติดต่อเรา
บริษัท อัพเดททัวร์แอนด์ทราเวล จำกัด
เลขที่ 1/60 ซอยอนามัยงามเจริญ 12 แขวงท่าข้าม เขตบางขุนเทียน กรุงเทพ 10150
โทรศัพท์ : 024054561 , 0816928233 (dtac) , 0898119139 (ais)
Email : wanramtang@hotmail.com
Line ID: @wanramtang