|

|
|
ราคาแพ็คเกจ ปี 2558
|
จำนวนผู้เดินทาง
|
ค่าตั๋วเครื่องบิน* |
ราคาต่อท่าน
ช่วงเวลา (Low Season) |
ราคาต่อท่าน
ช่วงเวลา (High Season)
|
ขั้นต่ำ |
* ราคาโดยประมาณ
กรณีต้องการเดินทาง
ต้องเช็คราคาตั๋ววันต่อวัน |
มกราคม กุมภาพันธ์ มิถุนายน
กรกฎาคม สิงหาคม ธันวาคม
|
มีนาคม เมษายน พฤษภาคม กันยายน
ตุลาคม พฤศจิกายน |
|
สายการบิน Druk Air |
5 วัน 4 คืน |
5 วัน 4 คืน |
2 ท่าน |
22,500 |
* ราคานี้ไม่รวมตั๋วเครื่องบิน
28,000
|
* ราคานี้ไม่รวมตั๋วเครื่องบิน
38,000
|
|
* ส่วนลดพิเศษ สำหรับคณะเดินทางตั้งแต่ 4 ท่าน ขึ้นไป รับส่วนลดท่านละ 2,000 บาท |
ภูฏาน เป็นประเทศเล็กๆ ที่ถูกห้อมล้อมด้วยธรรมชาติอันงดงามของเทือกเขาหิมาลัย เป็นประเทศที่มีเอกลักษณ์เฉพาะทางวัฒนธรรมที่น่าสนใจ โดยเฉพาะชีวิตที่เรียบง่ายสงบสุขของชาวภูฏาน ซึ่งเป็นชีวิตของสังคมเกษตรกรรมที่ยังคงยึดมั่นในคำสอนของศาสนา และดำรงชีวิตตามวิถีทางพุทธศาสนานิกายมหายานตลอดมา ทั้งยังคงไว้ซึ่งวัฒนธรรมและขนบธรรมเนียมประเพณีที่มีมาช้านาน
ชื่ออย่างเป็นทางการของประเทศภูฏาน คือ ราชอาณาจักรภูฏาน (Kingdom of Bhutan) ภูฏาน (อ่านว่า พู-ตาน) มีสมญาว่า ดินแดนของมังกรสายฟ้า (Druk Tsendhen) หรือ Land of the Thunder Dragon เนื่องจากชื่อภูฏานในภาษาถิ่นคือ Druk Yul (ออกเสียงว่า ดรุก-อือ) แปลว่า ดินแดนของมังกร ซึ่งมีที่มาจากเรื่องเล่าว่า ตอนต้นศตวรรษที่ 11 มีลามะชาวทิเบตองค์หนึ่งเดินทางมาหาทำเลที่ตั้งวัดใหม่ในตอนกลางของทิเบต เมื่อมาถึงสถานที่สร้างวัด ท่านได้ยินเสียงฟ้าร้อง เสียงดังกัมปนาทเหมือนเสียงคำรามของมังกร (สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ตามความเชื่อของคนบนเทือกเขาหิมาลัย) ท่านจึงตั้งชื่อวัดใหม่ว่า Druk (มังกร) และตั้งชื่ออาศรมที่ใช้เป็นสถานที่สอนศาสนาว่า Drukpa เมื่อชาวภูฏานได้ครอบครองดินแดนในแถบนี้จึงใช้ชื่อประเทศว่า Druk Yul และเรียกตัวเองว่า ดรุกปาส-Drukpa (Drukpas)
ในระยะเวลาสิบกว่าปีที่ผ่านมานี้ ภูฏานกลายเป็นจุดหมายปลายทางที่นักท่องเที่ยวจากทั่วโลกปรารถนาจะได้ไปเยือนดินแดนมังกรสายฟ้าแห่งนี้สักครั้งในชีวิต
|
|

|
|
โปรแกรมการเดินทาง
|
|
วันแรก |
กรุงเทพ - พาโร - ทิมพู |
|

|
จุดนัดพบ
Check In สนามบินสุวรรณภูมิ ชั้น 4 ประตู 10 บริเวณ Counter Check In
ควรไปถึงสนามบิน ก่อนเวลาเครื่องออก 3 ชั่วโมง
|
|
เส้นทาง |
bangkok - paro - thimphu |
เดินทาง |
bangkok-paro นั่งเครื่องประมาณ 4 ชม.
paro-thimphu ระยะทาง 65 กม. นั่งรถ 2 ชม |
ที่พัก: |
Hotel KISA (3 ดาว),
หรือ เทียบเท่า in Thimphu
Best Hotel in the Region
(3 stars and above)
|
|
 |
|
|
06.50 น. ออกเดินทางสู่เมืองพาโร ประเทศภูฏาน โดยสายการบิน Druk Air หรือ Bhutan Airlines ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 ชั่วโมง เครื่องบางลำอาจจะแวะรับผู้โดยสารเพิ่มที่ โกลกัตตา ประเทศอินเดีย พักเครื่องรออยู่บนเครื่องประมาณ 40 นาที
สนามบินเมืองพาโร ตั้งอยู่ที่ระดับความสูง 2,280 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล เมื่อเดินทางถึงสนามบินนานาชาติเมืองพาโร ผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากร เจ้าหน้าที่จากบริษัททัวร์ภูฏาน เดินทางมารับที่สนามบิน
|
|
ไปเที่ยว |

|

|
วิวสนามบิน (Paro Airport Birds eye View)
|
การยิงธนู (Archery)
|
|
แวะถ่ายรูปชมวิวสวยๆที่ จุดชมวิวสนามบิน (Paro Airport Birds eye View)
ไปชม การยิงธนู (Archery) กีฬาประจำชาติของภูฏาน
|
|
|
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน
ออกเดินทางสู่ เมืองทิมพู (Thimphu) ระยะทางประมาณ 65 กิโลเมตร (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง) ทิมพู เป็นนครหลวงของภูฏาน ตั้งอยู่ที่ระดับความสูง 2,350 เมตรจากระดับน้ำทะเล
เย็น เข้าสู่โรงแรมที่พัก แล้วออกไปเดินเล่นในเมือง รับประทานอาหารเย็น แล้วพักผ่อนตามอัธยาศัย
|
|
วันที่สอง |
ทิมพู - ปูนาคา |
|
เส้นทาง |
thimphu - punakha |
เดินทาง |
thimphu-punakha ระยะทาง 75 กม.
นั่งรถประมาณ 2 ชม |
ที่พัก: |
Hotel Meri Puensum (3 ดาว),
Hotel Zangdhopelri (3 ดาว),
หรือ เทียบเท่า in Punakha
Best Hotel in the Region (3 star and above)
|
|
 |
|
|
เช้า- รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรมที่พัก แล้วออกไปเที่ยวกัน |
|
ไปเที่ยว |

|

|
มหาสถูปแห่งทิมพู (Memorial Chorten)
|
องค์หลวงพ่อสัจธรรม (Buddha Dordenma Statue)
|
 |
 |
ทาคิน (Takin) สัตว์ประจำชาติของภูฏาน
|
ศูนย์หัตถกรรมพื้นบ้าน Handicrafts Emporium
|
|
มหาสถูปแห่งทิมพู (Memorial Chorten)
เป็นมหาสถูปที่สร้างขึ้นในปี 1974 โดยดำริของพระเจ้าจิกมี ดอร์จี วังชุก กษัตริย์องค์ที่ 3 แห่งราชวงศ์วังชุกที่ปกครองภูฏานในช่วงปี ค.ศ. 1952-1972 และทรงได้รับฉายาว่า พระบิดาแห่งภูฏานยุคใหม่ (King of Modernization) โดยประสงค์จะสร้างขึ้นเพื่อถวายเป็นพุทธบูชาแทนสัญลักษณ์ กาย วาจา ใจ ของพุทธศาสนา แต่ท่านได้สวรรคตเสียก่อน สมเด็จพระราชินีจึงได้ดำเนินการสร้างต่อจนแล้วเสร็จ
องค์หลวงพ่อสัจธรรม (Buddha Dordenma Statue)
พระพุทธรูปแห่งความเมตตา องค์พระศรีศากยมุนีพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระพุทธรูปหล่อด้วยสัมฤทธิ์ขนาดใหญ่ ประดิษฐานอยู่บริเวณเชิงเขาในเมืองทิมพู บริเวณฐานองค์พระพุทธรูปเป็นห้องโถงสำหรับเจริญสมาธิวิปัสนา ทำให้จิตใจสงบ ภายในพระพุทธรูปองค์นี้ ยังมีพระพุทธรูปสัมฤทธิ์ขนาดเล็กบรรจุอยู่อีกเป็นจำนวนมาก
สถานอนุรักษ์สัตว์ประจำชาติของภูฏาน
ที่เรียกว่า ทาคิน (Takin) สัตว์ประจำชาติของภูฏาน ซึงปัจจุบันหาดูได้ยากมาก ตัวใหญ่เท่าวัว มีหน้าและเขาคล้ายแพะ แต่ไม่มีเครา
ศูนย์หัตถกรรมพื้นบ้าน Handicrafts Emporium
ที่มีทั้งงานแกะสลักและงานผ้าพื้นเมืองอันประณีตของชาวภูฏาน
|
|
|
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน |
|
ไปเที่ยว |
|
ทิมพู ซอง หรือ ทาชิโช ซอง (Tashichho Dzong)
สร้างขึ้นใหม่ในปี 1962 ปัจจุบันป้อมปราการแห่งนี้ถูกใช้เป็นสำนักพระราชวัง ทำเนียบรัฐบาล สถานที่ทำการของกระทรวงต่างๆ และวัด รวมทั้งเป็นพระราชวังฤดูร้อนของพระสังฆราช อนุญาตให้นักท่องเที่ยวเข้าชมเฉพาะท้องพระโรงใหญ่เท่านั้น ซึ่งประดับภาพจิตรกรรมผาผนัง บอกเล่าเรื่องราวในพุทธศาสนาสายวัชรยาน
|
|
|
จากนั้นออกเดินทาง มุ่งหน้าสู่ เมืองปูนาคา (Punakha) ระยะทางประมาณ 75 กิโลเมตร (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง)
|
|
ไปเที่ยว |
|
โด ชูลา (Dochula Pass) หรือช่องเขาศิลา
ระหว่างทางจาก ทิมพู-ปูนาคา แวะเที่ยวช่องเขาศิลา ที่มีระดับความสูง 3,145 เมตร จากระดับน้ำทะเล เป็นช่องเขาที่สามารถมองเห็นเทือกเขาหิมาลัยได้ในระยะใกล้ โด ชูลา เต็มไปด้วยธงหลากหลายสีสัน เป็นพันๆ ธงที่ปลิวไสวสวยงาม ซึ่งเป็นธงที่ชาวภูฏานได้นำมาปักไว้เพื่อบูชาเจ้าป่าเจ้าเขาแห่ง โด ชูลา โดยละแวกนั้นจะมีสถูป องค์ใหญ่แบบภูฏานตั้งตระหง่านอยู่
จุดชมวิวเทือกเขาหิมาลัย
ในวันที่อากาศแจ่มใสจะมองเห็น เมืองปูนาคาโอบล้อมด้วยเทือกเขาหิมาลัยสวยงาม และถ้าโชคดีในวันที่ท้องฟ้าเปิดก็จะสามารถมองเห็นวิวของเทือกเขาหิมาลัยที่งดงาม (ในช่วงเดือนพฤศจิกายน-กุมภาพันธ์ จะเห็นเทือกเขาหิมาลัยได้อย่างชัดเจนที่สุด) รวมถึงยอดเขา กังก้า พุนซุม (Gangkhar Phuensum) ซึ่งสูงถึง 7,541 เมตร อีกด้วย
สถูป 108 องค์ ดรุค วังเกล (Druk Wangle Chorten)
หรือสถูปแห่งความเป็นสิริมงคลและสันติสุขของแผ่นดิน 108 องค์ ซึ่งสร้างขึ้นมาเพื่อถวายพระโพธิสัตว์ของชาววัชรยาน 108 องค์ โดยสมเด็จพระราชินี อะชิ ดอร์จิ วังโม ราชินีองค์ที่ 1 ในพระเจ้าจิกมี่ซิงเก วังชุก กษัตริย์องค์ที่ 4 แห่งราชวงศ์วังชุก เพื่อเป็นการขอบคุณพระสวามีและบุตรชายในการชนะสงครามและเดินทางกลับมาอย่างปลอดภัย และสถานที่นี้ในวันที่อากาศแจ่มใสท่านสามารถมองเห็นวิวของเทือกเขาหิมาลัยที่งดงาม
|
|
|
เย็น เข้าสู่โรงแรมที่พัก รับประทานอาหารเย็น แล้วพักผ่อนตามอัธยาศัย |
|
วันที่สาม |
ปูนาคา - วังดีโปดรัง - พาโร |
|
เส้นทาง |
punakha - wangdue - paro |
เดินทาง |
punakha-wangdue ระยะ 25 กม. นั่งรถ 45 นาที
wangdue-paro ระยะทาง 150 กม. นั่งรถ 4 ชม |
ที่พัก: |
Hotel Metta Resort & Spa (3 ดาว),
หรือ เทียบเท่า in Paro
Best Hotel in the Region
(3 stars and above)
|
|
 |
|
|
เช้า รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรมที่พัก แล้วออกไปเที่ยวกัน |
|
ไปเที่ยว |
|
ปูนาคา ซอง (Punakha Dzong)
พระราชวังแห่งที่สอง ที่สร้างขึ้นในราชอาณาจักรภูฏาน พระราชวังแห่งเมืองปูนาคา สร้างขึ้นในปี 1637 โดย ฉับดรุง งาวัง นัมเกล ปัจจุบันเป็นพระราชวังฤดูหนาวของพระสังฆราช เนื่องจากปูนาคามีอากาศที่ไม่หนาวเย็นจนเกินไป เพราะตั้งอยู่ในพื้นที่สูงเพียง 1,468 เมตร เมื่อเทียบกับเมืองอื่นๆ จึงมีอากาศที่อบอุ่นกว่า
มีตำนานว่า กูรู รินโปเช (Guru Rinpoche) หรือ พระปทุมสมภพ (Guru Padmasambhava) ทรงมีพุทธทำนายว่า จะมีบุรุษนาม นัมเกล มาสร้างพระราชวัง หรือ ซอง บริเวณด้านหน้าเขารูปงวงช้างแห่งนี้ ซึ่งคำทำนายเป็นจริง เมื่อท่าน ซับดรุง งาวัง นัมเกล ประมุขฝ่ายอาณาจักรและศาสนจักร สร้าง ปูนาคา ซอง เป็นที่ประทับเมื่อราว 350 ปีก่อน
ปูนาคา ซอง โดดเด่นสวยงาม ณ จุดบรรจบของแม่น้ำโม (Mo Chu) (โม หมายถึง แม่หรือผู้หญิง) กับ แม่โพ (โพ หมายถึงพ่อหรือผู้ชาย) รวมกันเป็น แม่น้ำปูนาซัง
ทั้งนี้ ปูนาคา ซอง ถือเป็น พระราชวังที่สำคัญที่สุดของภูฏาน เพราะเป็นสถานที่เก็บพระอัฐิของท่าน ซับดรุง งาวัง นัมเกล และยังเป็นสถานที่ซึ่งพระเจ้าอุกเยน วังชุก ได้กระทำพิธีบรมราชาภิเษกขึ้นเป็นปฐมกษัตริย์แห่งภูฏาน เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2450 (ต่อมาจึงได้กำหนดให้ทุกวันที่ 17 ธันวาคม เป็นวันชาติภูฏาน)
ปูนาคา ซอง เป็นพระราชวังที่ขนาดใหญ่มาก นอกจากมีพระตำหนัก มีศาลาว่าการของเมืองแล้ว ยังมีโบสถ์ วิหาร ประดิษฐานภายในเขตพระราชฐานนี้ถึง 21 แห่ง มีภิกษุสามเณรจำพรรษากว่า 6,000 รูป แม้จะเคยเกิดไฟไหม้ถึง 6 ครั้ง น้ำท่วมและแผ่นดินไหว แต่ยังคงความสง่างามตราบจนวันนี้
|
|
|
จากนั้นออกเดินทาง มุ่งหน้าสู่ เมืองวังดีโปดรัง (Wangdue Phodrang) ระยะทางจากเมืองปูนาคา ประมาณ 25 กิโลเมตร (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 45 นาที)
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน
|
|
ไปเที่ยว |
|
วังดีโปดรัง (Wangdue Phodrang)
เป็นเมืองสำคัญของประวัติศาสตร์ภูฏาน สร้างขึ้นโดย ซับดรุง นาวัง นัมเกล ในปี ค.ศ. 1638 ตั้งตระหง่านอยู่บนสันเขาสูง ระหว่างแม่น้ำปูนาซัง และแม่น้ำดัง
ตามตำนานกล่าวว่า มีพระโพธิสัตว์นามว่า ธรรมบาลมหากาล ปรากฏองค์ต่อหน้าท่าน ซับดรุง งาวัง นัมเกล (พระลามะผู้รวบรวมแว่นแคว้นให้เป็นประเทศภูฏานในวันนี้) โดยระบุว่าถ้าจะให้แผ่นดินภูฏานเจริญยั่งยืนชั่วกาลนาน จะต้องสร้างซอง (วัง) ในทิศที่ฝูงนกดุเหว่าบินไป ชาวภูฏานจึงนับถือนกดุเหว่าเป็นนกประจำชาติ ตามความเชื่อว่า ธรรมบาลมหากาล มีร่างเป็นคนแต่มีเศียรเป็นนกดุเหว่าน่าเกรงขาม เพื่อกำราบเหล่าปีศาจร้าย
|
|
|
จากนั้นออกเดินทางกลับเข้าสู่เมืองพาโร (Paro) ระยะทางประมาณ 150 กิโลเมตร (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 ชั่วโมง) |
|
แวะเที่ยว |
ผ่านเส้นทางเดิมที่เคยผ่านมาแล้ว แวะเก็บภาพสวยๆกันอีกครั้งที่ โด ชูลา (Dochula Pass) ช่องเขาศิลา และ จุดชมวิวเทือกเขาหิมาลัย และ สถูป 108 องค์ ดรุค วังเกล (Druk Wangle Chorten)
ชมวิวทิวทัศน์ที่ วัดตัมชู (Tamchoe Monastery) ซึ่งมีสะพานโซ่เหล็กเก่าแก่ทอดไปยังอีกฝั่งของแม่น้ำ วัดนี้สร้างโดยพระที่เดินทางมาจากทิเบตเพราะต้องการมาหาแร่เหล็ก และท่านเป็นผู้คิดค้นการทำโซ่เหล็กขึ้นเป็นครั้งแรก
จุดชมวิว แม่น้ำวังชู เป็นจุดรวมของ แม่น้ำพาโรและแม่น้ำทิมพู ที่ไหลมาบรรจบกันก่อนที่จะไหลลงสู่ประเทศอินเดีย ตรงจุดนี้สามารถชมรูปแบบสถูปทั้ง 3 แบบ ที่นิยมสร้างกันในดินแดนเทือกเขาหิมาลัย
|
|
|
เย็น เข้าสู่โรงแรมที่พัก รับประทานอาหารเย็น แล้วพักผ่อนตามอัธยาศัย |
|
วันที่สี่ |
พาโร - วัดทักซัง |
|
เส้นทาง |
paro
taktsang monatery |
เดินทาง |
นั่งรถเที่ยวในเมือง |
ที่พัก: |
Hotel Metta Resort & Spa (3 ดาว),
หรือ เทียบเท่า in Paro
Best Hotel in the Region
(3 stars and above)
|
|
 |
|
|
เช้า รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรมที่พัก แล้วออกไปเที่ยวกัน |
|
ไปเที่ยว |

|
 |
ขี่ม้าขึ้น วัดทักซัง
|
วัดทักซัง (Taktsang Monastery)
|
|
วัดทักซัง (Taktsang Monastery)
การขึ้นสู่วัดแห่งนี้ใช้วิธีเดินเท้าขึ้นเขาหรือขี่ม้าขึ้นไป ชื่อทักซังนี้มีความหมายว่าที่อยู่ของเสือ (Tiger’s Nest) หรือ วัดถ้ำเสือ ซึ่งตั้งชื่อตามตำนานความเชื่อเก่าของวัดแห่งนี้ที่กล่าวไว้ว่า เมื่อครั้งที่ท่าน กูรู รินโปเช (Guru Rinpoche) หรือ พระปทุมสมภพ (Guru Padmasambhava) เข้าเผยแผ่ธรรมะในดินแดนแห่งนี้ ท่านได้แปลงร่างเป็นพญาครุฑขี่หลังเสือ ซึ่งเสือตัวนั้นก็คือร่างที่แปลงมาจากภรรยาของท่าน เหาะเหินขึ้นมาจำศีลภาวนา ณ ถ้ำเล็กๆ บนหน้าผาแห่งนี้เป็นเวลากว่า 3 เดือน ต่อมาให้มีการสร้างวัดเพื่อให้พระที่มาปฏิบัติธรรมอยู่อาศัย และสร้างต่อๆ มาถึง 13 อาคาร
|
|
|
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน
|
|
ไปเที่ยว |

|

|
ดรุกเยลซอง (Drukgyel Dzong)
|
คิชูลาคัง (Kyichu Lhakhang) หรือ วัดคิชู
|
|
ดรุกเยลซอง (Drukgyel Dzong)
ป้อมโบราณเก่าแก่ ตั้งอยู่บนยอดเขาสูง อนุสรณ์สถานที่ระลึกถึงชัยชนะในการทำสงครามกับทิเบต สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 17 ถ้าเวลาน้อยไม่จำเป็นต้องขึ้นไปชมบนป้อม จอดรถชมวิวจากไกลๆ ถ่ายรูปสวยๆ มีป้อมเป็นฉากหลัง ชมความสวยของทิวทัศน์ได้แบบไม่ผิดหวัง
คิชูลาคัง (Kyichu Lhakhang) หรือ วัดคิชู
เป็น 1 ใน 2 วัดที่เก่าแก่ที่สุดของประเทศภูฏาน ตามประวัติกล่าวว่า วัดนี้สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 7 โดยกษัตริย์ซองเซน กัมโป (Songtsen Gampo) แห่งทิเบต ผู้ซึ่งได้นำพระพุทธศาสนาเข้ามาในประเทศภูฏาน ตั้งแต่สมัยที่ภูฏานยังเป็นดินแดนส่วนหนึ่งของทิเบต กษัตริย์ซองเซน กัมโป ซึ่งชาวทิเบตยกย่องว่าเป็นผู้อัญเชิญศาสนาพุทธสายวัชรยานตันตระมาประดิษฐานในทิเบต โปรดให้สร้างวัด 108 แห่งเพื่อตอกตรึง อวัยวะ 108 จุด ของยักษ์ตนหนึ่ง ซึ่งนอนแผ่ทับเทือกเขาหิมาลัยไว้หมายจะไม่ให้สัจธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าเผยแผ่ไปถึง โดยจุดที่สร้างวัดคิชูที่เมืองพาโรเป็นเท้าซ้ายของยักษ์ (อีกวัดหนึ่งในภูฏานอยู่ที่เมืองบุมทัง สร้างตรงเข่าซ้ายของยักษ์) ชมวิหารเก่าแก่ตั้งแต่สมัยกษัตริย์ ซองเซน กัมโป ซึ่งปูพื้นด้วยไม้แผ่นใหญ่ ตรงบริเวณเบื้องหน้าพระประธานมีรอยบุ๋มลึก เนื่องจากมีผู้แสวงบุญมายืนและก้มลงกราบพระแบบอัษฎางคประดิษฐ์ ซ้ำๆ กันเป็นเวลานานนับพันปี
|
|
|
จากนั้น ใช้เวลาที่เหลือก่อนค่ำก่อนร้านปิด เดินเล่นซื้อของ shopping ในเมือง
ค่ำ เข้าสู่โรงแรมที่พัก รับประทานอาหารเย็น แล้วพักผ่อนตามอัธยาศัย
|
|
วันที่ห้า |
พาโร - กรุงเทพ |
|
เส้นทาง |
paro - bangkok |
เดินทาง |
paro-bangkok นั่งเครื่องประมาณ 4 ชม.
พักผ่อนบนเครื่องบิน
เครื่องแวะที่โกลกัตตา ประเทศอินเดีย
พักเครื่องรออยู่บนเครื่องประมาณ 40 นาที |
|
 |
|
|
เช้า รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรมที่พัก เก็บกระเป๋าขึ้นรถ เตรียมตัวเดินทางไปสนามบิน
10.50 น. โบกมือลาภูฏานออกเดินทางกลับสู่มาตุภูมิ โดยสายการบิน Druk Air หรือ Bhutan Airlines ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 ชั่วโมง เครื่องบางลำอาจจะแวะรับผู้โดยสารเพิ่มที่ โกลกัตตา ประเทศอินเดีย พักเครื่องรออยู่บนเครื่องประมาณ 40 นาที
16.15 น. เดินทางถึงสนามบินสุวรรณภูมิ โดยสวัสดิภาพ พร้อมกับมุมมองใหม่ๆ ในโลกใบเดิม โลกที่แคบลงเสมอเมื่อการเดินทางสิ้นสุด... สวัสดีเมืองไทย
|
|

|
|
หมายเหตุ โปรแกรมอาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสมของช่วงเวลา และสถานการณ์เฉพาะ
|
|

|
|
ราคาแพ็คเกจ ปี 2558
|
|
จำนวนผู้เดินทาง
|
ค่าตั๋วเครื่องบิน* |
ราคาต่อท่าน
ช่วงเวลา (Low Season) |
ราคาต่อท่าน
ช่วงเวลา (High Season)
|
ขั้นต่ำ |
* ราคาโดยประมาณ
กรณีต้องการเดินทาง
ต้องเช็คราคาตั๋ววันต่อวัน |
มกราคม กุมภาพันธ์ มิถุนายน
กรกฎาคม สิงหาคม ธันวาคม
|
มีนาคม เมษายน พฤษภาคม กันยายน
ตุลาคม พฤศจิกายน |
|
สายการบิน Druk Air |
5 วัน 4 คืน |
5 วัน 4 คืน |
2 ท่าน |
22,500 |
* ราคานี้ไม่รวมตั๋วเครื่องบิน
28,000
|
* ราคานี้ไม่รวมตั๋วเครื่องบิน
38,000
|
|
* ส่วนลดพิเศษ สำหรับคณะเดินทางตั้งแต่ 4 ท่าน ขึ้นไป รับส่วนลดท่านละ 2,000 บาท
|
|
เงื่อนไขราคา |
|
|

|
|
การชำระเงิน
|
1)
|
จ่ายมัดจำ
|
จำนวน
|
10,000
|
บาท
|
จ่ายทันทีที่จอง
|
2)
|
จ่ายค่าตั๋วเครื่องบิน
|
จำนวน
|
1x,xxx
|
บาท*
|
จ่ายทันทีที่จอง
|
3)
|
จ่ายส่วนที่เหลือ
|
[ตามราคาในแพ็คเกจ]
|
ภายใน 30 วันก่อนเดินทาง
|
หมายเหตุ- กรณีที่ให้เราออกตั๋ว *จ่ายค่าตั๋วเครื่องบินตามราคาจริงที่สายการบินเรียกเก็บ ราคาเช็ควันต่อวัน
|
|
|

|
|
เงื่อนไขการให้บริการ
จองล่วงหน้าตามช่วงเวลาที่กำหนด
ชำระเงินตามเงื่อนไขข้างต้น
ขอยกเลิกการเดินทาง หักค่าใช้จ่ายตามที่เกิดขึ้นจริง และ/หรือ
ขอยกเลิกการเดินทาง น้อยกว่า 10 วัน เก็บค่าใช้จ่ายเต็มจำนวน
เมื่อท่านออกเดินทางกับคณะแล้ว ถ้าท่านงดการใช้บริการรายการใดรายการหนึ่ง อาทิ ไม่เที่ยวบางรายการ, ไม่ทานอาหารบางมื้อ หรือไม่เดินทางพร้อมคณะ ถือว่าท่านสละสิทธิ์ ไม่อาจเรียกร้องค่าบริการและเงินมัดจำคืนได้ ไม่ว่ากรณีใดๆ ทั้งสิ้น
กรณีที่การตรวจคนเข้าเมืองทั้งที่กรุงเทพฯ และในต่างประเทศ ปฏิเสธมิให้เดินทางออกหรือเข้าประเทศในรายการเดินทาง หรือเกิดกรณีความล่าช้าจากสายการบิน, การประท้วง, การนัดหยุดงาน, การก่อจลาจล ทางเราขอสงวนสิทธิ์ที่จะไม่คืนค่าบริการไม่ว่ากรณีใดๆ ทั้งสิ้น
เมื่อท่านตกลงชำระเงิน ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน ถือว่าท่านได้ยอมรับเงื่อนไขข้อตกลงต่างๆ ที่ได้ระบุไว้แล้วทั้งหมด
|
|

|
|
-ขั้นตอนง่ายๆในการจองทริปกับเรา-
|
|

|

|

|
คลิกเพื่อจองทริป
|
คลิกเพื่อโอนเงิน
|
คลิกเพื่อส่งเอกสาร
|
|
|
|
รวบรวมภาพถ่ายและเรื่องเล่าจากทริปที่ผ่านมา.. คลิกที่รูปนะจ้ะ
|

|
ปี 2554
18-22 มิถุนายน
พาโร-ทิมพู-ปูนาคา
|
|
|
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
|
ที่อยู่
|
"บ้านวันแรมทาง"
1/60 ซ.อนามัยงามเจริญ 12 แขวงท่าข้าม เขตบางขุนเทียน กรุงเทพฯ 10150
แผนที่ "บ้านวันแรมทาง" << คลิกที่นี่ค่ะ
|
โทรศัพท์ (สำนักงาน)
แฟกซ์ (สำนักงาน)
มือถือ (ปลา)
มือถือ (นุ้ย)
|
0-2405-4561
0-2405-4560
08-9811-9139 (AIS)
08-1692-8233 (DTAC)
|
Email
|
info@wanramtang.com
|

|

ID: wanramtang3 |
วันทำงาน
|
วันจันทร์-วันศุกร์ เวลา 09.00-18.00 น.
วันเสาร์ เวลา 09.00-12.00 น.
วันอาทิตย์ ไม่รับโทรศัพท์
ถ้าไม่รับสายหรือโทรไม่ติด กรุณาส่งเป็นข้อความ sms , ส่ง email หรือ Line
(กรุณาอย่าฝากข้อความเสียง เพราะจะเปิดฟังไม่ได้ค่ะ)
|
หรือ คลิกไปที่ >>
|

|
|
|


ถ้ามีปัญหาสั่งพิมพ์ไม่ได้ กรุณาโทรแจ้ง 02-405-4561, 08-1692-8233
หรือส่ง email แจ้งขอโปรแกรมได้ที่ info@wanramtang.com ขอบคุณค่ะ
|