อัพเดทโปรแกรม 05/11/2566 |
|
|
|
|
ทัวร์อินเดีย |
ออรังกาบัด มุมไบ |
เที่ยวถ้ำอชันตา ถ้ำเอลโลร่า
ถ้ำกัณเธรี ถ้ำเอเลเฟนต้า
แถม.. พาไหว้ขอพร 'พระพิฆเนศ' ที่มุมไบ
|
21-26 พฤศจิกายน 2566 |
6 วัน 3 คืน |
เปิดรับไม่เกิน 16 ท่าน |
เดินทางขั้นต่ำ 6 ท่าน |
|
|
|
|
ราคา 29,000 บาท
* ยังไม่รวมค่าตั๋วเครื่องบิน |
หมายเหตุ - ขอสงวนสิทธิ์ที่จะปรับราคาตามความเหมาะสม หากมีการเปลี่ยนแปลงของ ค่าธรรมเนียมน้ำมัน ภาษีสนามบิน และอัตราแลกเปลี่ยน |
|
ทริปนี้จัดตามคำเรียกร้องของหลายๆท่าน โดยเฉพาะคนที่เคยไปแสวงบุญในเส้นทางธรรมยาตราตามรอยพระพุทธองค์มาแล้ว ไปดูร่องรอยทางพุทธศิลป์ สถานที่ซึ่งมีความเกี่ยวเนื่องกันในทางพระพุทธศาสนา และเป็นคำตอบหนึ่งที่ไขข้อข้องใจที่ว่าในช่วงหนึ่งที่พุทธศาสนาเสื่อมลงและเกือบสูญหายไปจากดินแดนพุทธภูมิ บรรดาพระสงฆ์สาวกหลบลี้ภัยไปอยู่ที่ใด และไปทำอะไรกัน ได้มาชมความอลังการของงานพุทธศิลป์ในวัดถ้ำแห่งอชันต้า-เอลโลร่า สักครั้ง แล้วคุณจะเชื่อในความมหัศจรรย์ของมนุษย์ |
|
วิทยากรพิเศษ
บรรยายให้ความรู้แบบเจาะลึก ถ้ำอชันตา และ ถ้ำเอลโลร่า
โดย พระสมุห์สิทธิโชค สิทฺธิชโย
ผู้เขียนหนังสือ "สำรวจพุทธสถานวิหารถ้ำอินเดียใต้" |
|
|
|
|
โปรแกรมการเดินทาง |
|
|
จุดนัดพบ
สนามบินสุวรรณภูมิ ชั้น 4 ประตู 4-5 บริเวณที่นั่งหน้าประตู
วันอังคารที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2566
เวลา 20.00 น. (สองทุ่มตรง)
|
|
DAY 01 |
วันอังคารที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2566 |
|
|
กรุงเทพ-เดลลี |
เริ่มโปรแกรมทัวร์-
20.00 น. พบกันที่สนามบินสุวรรณภูมิ เช็คอินบัตรโดยสารและโหลดสัมภาระ
|
|
เที่ยวบิน |
TG331 |
|
Bangkok-Delhi |
|
สามารถโหลดกระเป๋าได้หนัก ไม่เกิน 20 กิโลกรัม |
เครื่องออก |
เวลา 23.25 น. (ตามเวลาประเทศไทย) |
เครื่องถึง |
เวลา 02.20 น. (ตามเวลาประเทศอินเดีย) |
|
|
23.25 น. ได้เวลาเครื่องออก มุ่งหน้าสู่ประเทศอินเดีย
*ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 ชั่วโมง 25 นาที
กินอาหารค่ำ บนเครื่องบิน
|
|
DAY 02 |
วันพุธที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2566 |
|
|
เดลลี-ออรังกาบัด |
02.20 น. (ตามเวลาประเทศอินเดีย) เดินทางถึงสนามบินเดลลี
ผ่าน ตม. รับกระเป๋า แล้วไปเช็คอินสายการบิน แอร์อินเดีย เพื่อต่อเครื่องไปยัง เมืองออรากาบัด
|
|
เที่ยวบิน |
AI443 |
|
Delhi-Aurangabad |
|
สามารถโหลดกระเป๋าได้หนัก ไม่เกิน 20 กิโลกรัม |
เครื่องออก |
เวลา 05.00 น. (ตามเวลาประเทศอินเดีย) |
เครื่องถึง |
เวลา 07.00 น. (ตามเวลาประเทศอินเดีย) |
|
|
03.30 น. Check-in แล้วรอขึ้นเครื่อง
05.00 น. ได้เวลาเครื่องออก เดินทางสู่เมืองออรังกาบัด
*ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง
07.00 น. เดินทางถึงสนามบินออรังกาบัด รถมารับที่สนามบิน
เข้าสู่โรงแรมที่พัก ล้างหน้าล้างตา ผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้า ที่ห้องน้ำโรงแรม
08.00 น. กินอาหารเช้า ที่ห้องอาหารของโรงแรม
|
เที่ยวถ้ำเอโลร่า |
09.00 น. ไปเที่ยว ถ้ำเอลโลร่า
*ระยะทาง 40 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง
ถ้ำเอลโลร่า (Ellora Cave)
สร้างประมาณ ปี พ.ศ. 1100 - 1400 เป็นยุคหลังจากถ้ำอชันตา ลักษณะของหมู่ถ้ำจะเป็นการเจาะเข้าไปในภูเขา ให้เป็นวัดและศาสนาสถาน เช่นเดียวกับถ้ำอชันตา แต่ที่นี่จะมีความต่างคือจะมีถ้ำของศาสนาเชน และ ฮินดู รวมอยู่ด้วย ถ้ำของแต่ละศาสนาถูกเนรมิตเป็นวิหาร เทวสถาน ตามความเชื่อของศาสนานั้นๆ ศาสนาพุทธ มี 12 ถ้ำ เป็นวิหารและอุโบสถและพระพุทธรูปที่งามยิ่ง
ถ้ำของศาสนาเชน มี 5 ถ้ำ เจาะหน้าผาเป็นปราสาทหิน มีรูปแกะสลักของศาสดามหาวีระ ศาสนาฮินดูมี 17 ถ้ำ โดยเฉพาะถ้ำที่ 16 ถ้ำไกรลาศนั้น เป็นถ้ำที่งดงามวิจิตรอย่างมาก
|
|
|
กินอาหารกลางวัน ที่ร้านอาหาร
15.00 น. เดินทางกลับโรงแรมที่พัก
19.30 น. กินอาหารค่ำ ที่ห้องอาหารของโรงแรม
อิ่มแล้วพักผ่อนนอนหลับตามอัธยาศัย
|
|
DAY 03 |
วันพฤหัสบดีที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2566 |
|
|
เที่ยวถ้ำอชันต้า |
06.30 น. ตื่นนอน
07.30 น. กินอาหารเช้า
ไปเที่ยว ถ้ำอชันตา
*ระยะทาง 100 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมง
12.00 น. เดินทางถึงถ้ำอชันตา
กินอาหารกลางวัน ที่ร้านอาหาร
พร้อมแล้ว ไปเดินเที่ยวชม ถ้ำอชันตา กันเลย
ถ้ำอชันต้า (Ajanta Cave)
ได้ชื่อว่าเป็น วัดถ้ำในพุทธศาสนาที่งดงามและเก่าแก่ที่สุดในโลก สร้างเมื่อประมาณ พ.ศ. 350 โดยพระภิกษุสงฆ์ในสมัยนั้นได้ค้นพบสถานที่แห่งนี้ เห็นว่าเป็นสถานที่เหมาะสำหรับการปฏิบัติธรรมกรรมฐานเป็นอย่างยิ่ง จึงได้เจาะภูเขาเพื่อสร้างเป็นกุฏิ โบสถ์ วิหาร เพื่ออาศัยอยู่อย่างสันโดษ เนื่องจากเป็นสถานที่ห่างไกลผู้คน
เรื่องราวของ ถ้ำอชันตา ได้หายเงียบไป กลายเป็นถ้ำร้างที่ถูกปกคลุมด้วยเถาวัลย์และต้นไม้ปิดปากถ้ำ จนถึง พ.ศ. 2362 จอห์น สมิธ นายทหารชาวอังกฤษได้เข้าป่าเพื่อล่าสัตว์ จนมาถึงบริเวณเทือกเขาและได้ค้นพบถ้ำแห่งนี้ด้วยความบังเอิญ
การค้นพบ หมู่ถ้ำอชันตา ในครั้งนั้นทำให้โลกต้องตื่นตะลึงกับความมหัศจรรย์ของศิลปะภายในวัดถ้ำ ที่ไม่มีใครเคยพบเห็นมาก่อน ขณะเดียวกันก็ทำให้นักประวัติศาสตร์ นักโบราณคดี สามารถปะติดปะต่อเรื่องราวของ ศาสนาพุทธ ในอินเดียได้อย่างชัดเจนเป็นรูปเป็นร่างมากขึ้น ด้วยการศึกษาจากภาพแกะสลักหินภายในถ้ำ ที่ยังคงอยู่อย่างสมบูรณ์ ไม่ผุกร่อนพังทลายไปเหมือนพุทธสถานอื่นๆ เพราะทุกอย่างที่นี่ สลักขึ้นจากภูเขาทั้งลูก
|
|
|
16.00 น. เดินทางกลับโรงแรมที่พัก
19.30 น. กินอาหารค่ำ ที่ห้องอาหารของโรงแรม
อิ่มแล้วพักผ่อนนอนหลับตามอัธยาศัย
|
|
DAY 04 |
วันศุกร์ที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2566 |
|
|
ออรังกาบัด-มุมไบ |
|
04.30 น. ตื่นนอน
05.30 น. "เก็บกระเป๋าเดินทาง" วางไว้หน้าห้องพักให้เรียบร้อย พนักงานจะนำกระเป๋าไปขึ้นรถ
06.00 น. ออกเดินทางไป สนามบินออรังกาบัด
|
|
เที่ยวบิน |
AI400 |
|
Aurangabad-Mumbai |
|
สามารถโหลดกระเป๋าได้หนัก ไม่เกิน 20 กิโลกรัม |
เครื่องออก |
เวลา 08.50 น. (ตามเวลาประเทศอินเดีย) |
เครื่องถึง |
เวลา 09.55 น. (ตามเวลาประเทศอินเดีย) |
|
|
|
06.30 น. ถึงสนามบิน Check-in โหลดกระเป๋าเดินทาง แล้วรอขึ้นเครื่อง
กินอาหารเช้า เป็นชุดอาหารกล่องที่แพ็คมาจากโรงแรม
Check-in แล้วรอขึ้นเครื่อง
08.50 น. ได้เวลาเครื่องออก เดินทางสู่นครมุมไบ
*ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง 5 นาที
09.55 น. เดินทางถึงสนามบินมุมไบ รับกระเป๋าแล้วไปขึ้นรถบัสของเรา
|
ผ่านชม ลานซักผ้า โดบิกาต Dhobi Ghat
เราจะจอดรถใกล้แล้วพาเดินลงไปถ่ายรูปจากมุมสูง ไม่ได้พาเข้าไปเดินชมภายในบริเวณลานซักผ้า |
|
โดบิกาต Dhobi Ghat
ลานซักผ้าและเป็นแหล่งซักผ้าที่ใหญ่ที่สุดในโลก กลางนครมุมไบ ใช้ลูกจ้างซักผ้ามากกว่า 5,000 คนต่อวัน
คำว่า “Dhobi” แปลว่า “ผู้ซัก” โดบิกาต (Dhobi Ghat) มีชื่อเสียงขึ้นมาจากการเป็นลานซักผ้าเปิดโล่งที่ใหญ่ที่สุดในมุมไบ และใหญ่ที่สุดในโลก โดบิกาต กลายเป็นจุดสนใจของนักท่องเที่ยว เพราะเป็นที่ที่ชาวตะวันตกไม่เคยเห็นมาก่อน มีจุดให้ผู้มาเยือนเดินเที่ยวชมและถ่ายรูปเป็นที่ระลึกกลับไป จนกลายเป็นเอกลักษณ์ของอินเดียที่เต็มไปด้วยความอึกทึก วุ่นวาย แต่ยังคงเสน่ห์ในแบบนั้นไว้เป็นอย่างดี ดังเช่นที่พบในซีรีส์อินเดียจันทรคุปต์ ศึกรักชิงบัลลังก์ก็มีเสน่ห์ต่างไปอีกแบบเช่นกัน |
|
กินอาหารกลางวัน ที่ร้านอาหาร
แล้วไปเที่ยวชม อีกหนึ่งถ้ำสำคัญทางพุทธศาสนา
ถ้ำกัณเธรี (Kanheri Cave)
เป็นกลุ่มถ้ำทางพุทธศาสนา เช่นเดียวกันกับถ้ำอชันตา กลุ่มถ้ำซ่อนตัวอยู่ใน อุทยานแห่งชาติสัญชัยคานธี มีถ้ำกระจัดกระจายไปตามไหล่เขาใหญ่บ้างเล็กบ้าง จำนวน 109 ถ้ำ สร้างมาตั้งแต่ช่วง พ.ศ. 500 ถ้ำที่เก่าแก่ที่สุดนั้นค่อนข้างเรียบง่ายและไม่มีการตกแต่งอะไรมากมาย ต่างกับถ้ำในยุคหลังๆที่ได้รับการตกแต่งอย่างสวยงาม แต่ละถ้ำมีแท่นหินที่ใช้เป็นที่นอน วิหารที่มีเสาหินขนาดใหญ่ มีสถูปเจดีย์ ผนังถ้ำแกะสลักด้วยภาพนูนต่ำของพระพุทธเจ้าและพระโพธิสัตว์ ทำให้ ถ้ำกัณเธรี ได้กลายเป็นชุมชนชาวพุทธที่สำคัญบนชายฝั่งทะเลแถบนี้
|
|
|
เดินทางเข้าสู่โรงแรมที่พัก
19.30 น. กินอาหารค่ำ ที่ห้องอาหารของโรงแรม อิ่มแล้วพักผ่อนนอนหลับตามอัธยาศัย
* คืนนี้เก็บกระเป๋าให้เรียบร้อย
พรุ่งนี้เราจะขึ้นเครื่องบินกลับกรุงเทพ
น้ำหนักกระเป๋า ได้ไม่เกินคนละ 20 กิโลกรัม
|
|
DAY 05 |
วันเสาร์ที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2566 |
|
|
มุมไบ-กรุงเทพ |
|
05.00 น. ตื่นนอน
06.00 น. เช้าตรู่ คนยังไม่มาก เอาฤกษ์เอาชัยเดินทางไปไหว้พระพิฆเนศ คู่บ้านคู่เมืองมุมไบ
วัดสิทธิวินายัก (Siddhivinayak Temple)
เป็นวัดที่สร้างถวาย "พระพิฆเนศ" วัดที่เก่าแก่ในศาสนาฮินดู เป็นวัดที่มีชื่อเสียงที่สุดในเมืองมุมไบ มีผู้ศรัทธาจากทุกชนชั้นเดินทางมากราบไหว้ขอพร ก่อนเข้าวัดต้องถอดรองเท้าและผ่านเครื่องสแกน จากนั้นไปเข้าแถว แล้วค่อยเคลื่อนตามกันไปเพื่อนำเครื่องบูชาอันได้แก่พวงมาลัย ผ้าแดง และขนมไปถวายพระพิฆเนศ หลังจากกราบพระพิฆเนศแล้วรับเครื่องบูชาจากพราหมณ์กลับมา มีรูปปั้นหนูตัวแทนพาหนะของพระพิฆเนศ ที่ตั้งอยู่ไม่ไกล ให้นำพวงมาลัย ผ้าแดง ขนม มาถวายหนู จากนั้นเอามือข้างหนึ่งอุดหูหนูไว้ แล้วกระซิบที่หูของรูปปั้นหนูอีกข้าง ขอพรที่ต้องการเพียงข้อเดียว
ความยิ่งใหญ่อลังการของวัดนี้คือ ยอดของวัดมีทั้งหมด 37 ยอด สร้างจากทองคำหนักรวม 1,500 กิโลกรัม ด้านในวัดประดิษฐาน "พระพิฆเนศองค์สีส้ม" ขนาดองค์ไม่ใหญ่ สูง 75 ซม. หน้าตักกว้าง 60 ซม. ประดับด้วยทองคำและอัญมณี งวงหันไปทางขวา ซึ่งมีความหมายว่าให้พรสมปรารถนาที่ทันใจ มี 4 กร ทรงถือดอกบัว ขวาน ลูกประคำ และขนม
|
|
|
07.30 น. กลับโรงแรมที่พัก กินอาหารเช้า
ก่อนออกจากห้องพัก "เก็บกระเป๋าเดินทาง" วางไว้หน้าห้องพักให้เรียบร้อย
09.00 น. ออกไปเที่ยว นครมุมไบ
|
ประตู Gateway of India
เป็นแหล่งท่องเที่ยว ที่โดดเด่นที่สุด ของนครมุมไบ
สร้างขึ้นในช่วงการปกครองของอังกฤษ ตั้งอยู่สุด ถนนฉัตราปตีศิวาจี ตรงปลายสุดของท่าเรือ อพอลโล บันเดอร์ หันหน้าออกไปทางอ่าว "มุมไบฮาร์เบอร์" เป็นจุดที่สามารถมองเห็นทะเลอาหรับ (Arabian Sea) บริเวณนี้เดิมเป็นท่าเรือของชาวประมง ต่อมาในภายหลังได้รับการบูรณะและถูกใช้เป็นท่าจอดเรือสำหรับผู้สำเร็จราชการอังกฤษและบุคคลสำคัญต่างๆ ในสมัยก่อนนั้น ใครก็ตามที่นั่งเรือมาถึงท่าเรือนี้ จะได้เห็น ประตู Gateway of India เป็นสิ่งแรก
ประตู Gateway of India ถูกสร้างขึ้นเพื่อรำลึกถึงการเสด็จเยือนท่าเรือ "อพอลโล บันเดอร์" ของพระเจ้าจอร์จที่ 5 และสมเด็จพระราชินีแมรี่ ในปี ค.ศ 1911 ถึงแม้ว่าจะมีพิธีวางศิลาฤกษ์เมื่อวันที่ 31 มีนาคม ค.ศ. 1911 แต่แบบแปลนที่ออกแบบโดย จอร์จ วิทเตท สถาปนิกชาวสกอตแลนด์ นั้นได้รับการพิจารณาอนุมัติในอีก 3 ปีถัดมา และทำการก่อสร้างประตูเสร็จสมบูรณ์ในปี ค.ศ. 1924
เมื่อครั้งอินเดียได้รับเอกราชจากอังกฤษ ทหารอังกฤษคนสุดท้ายออกจากประเทศอินเดียผ่านทาง ประตู Gateway of India แห่งนี้ เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 1948 เป็นสัญญาณการสิ้นสุดของการปกครองของอังกฤษ
|
|
จากนั้น เราจะนั่งเรือข้ามฟากออกไปที่เกาะ เพื่อไปเที่ยวชมถ้ำเอเลเฟนตา
*ใช้เวลานั่งเรือประมาณ 45 นาที
ถ้ำเอเลเฟนตา (Elephanta Cave)
เป็นเทวสถานในศาสนาฮินดู แกะสลักภูเขาให้เป็นถ้ำ เช่นเดียวกับถ้ำอื่นๆ
สร้างขึ้นเพื่อบูชาพระศิวะเป็นหลัก ตั้งอยู่บนเกาะเอเลเฟนตา (มีชื่อเดิมว่าเกาะคะระบุรี) ในอ่าวมุมไบ บนเกาะมีหมู่โบราณสถานประกอบด้วย โบสถ์พราหมณ์ลัทธิไศวะ เป็นส่วนใหญ่ มีเศษซากของสถูปในพุทธศาสนาบางส่วน ซึ่งเชื่อกันว่าสร้างขึ้นมาตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ 7 ภายในหมู่ถ้ำ มีรูปปั้นแกะสลักหินมากมาย เทวรูปส่วนใหญ่ถูกทำลาย ตัดเศียร พระพักตร์ไม่สมบูรณ์ รูปปั้นสำคัญหลักของถ้ำคือ รูปจำหลัก “พระตรีมูรติ” สลักไว้ในหินใหญ่ก้อนเดียวที่มีความสูงถึง 6 เมตร
ชื่อ เอเลเฟนตา (Elephanta) มาจากคำว่า เอลิเฟนเต้ (Elefante) ที่แปลว่าช้าง ในภาษาโปรตุเกส ชาวอาณานิคมโปรตุเกสเป็นผู้ตั้งชื่อให้หลังจากที่พบ “หินสลักเป็นตัวช้าง” บนเกาะนี้ ถ้ำหลักหรือถ้ำใหญ่เคยเป็นเทวสถาน สถานที่สักการะบูชาของชาวฮินดู กระทั่งกองทัพโปรตุเกสเข้ายึดครองเพื่อตั้งฐานทัพบนเกาะ มีการซ้อมยิงปืนใหญ่ ทำให้ถ้ำและหินจำหลักต่างๆเสียหายไปเกือบทั้งหมด
|
|
|
13.00 น. นั่งเรือกลับเข้าฝั่ง
กินอาหารกลางวัน ที่ร้านอาหารในเมือง
*อาหารกลางวันวันนี้อาจจะต้องช้าสักหน่อย เพราะต้องรอเวลาเรือเทียบท่าหาขนมตุนไปกินบ้าง เผื่อไว้เวลาหิว
|
อิ่มแล้ว มีเวลาเหลือ แวะไปเที่ยว และช้อปปิ้งกันอีกสักหน่อย เท่าที่มีเวลา
|
สถานีรถไฟวิคตอเรียเทอมินาส (Chhatrapati Shivaji Terminus)
ผ่านชม "สถานีรถไฟวิคตอเรียเทอมินาส" (Chhatrapati Shivaji Terminus) หรือใน ชื่ออินเดียใหม่ว่า “ฉัตรปตี ศิวาจีเทอมินาส” (Chhatrapati Shivaji Maharaj Terminus) ที่ได้รับการตั้งชื่อตามพระนาม พระราชินีวิคตอเรีย ก่อสร้างขึ้นด้วยสถาปัตยกรรมแบบวิคตอเรียโกธิค ผสมผสานกับงานศิลปะแบบอินเดียอันทรงคุณค่า จนได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโก แวะถ่ายรูป เป็นที่ระลึก จากด้านหน้าอาคาร
|
|
|
Shopping Time !!
ไป Supermarket เดินหยิบของฝากใส่ตะกร้า ซื้อง่าย สบายใจ ของเยอะ ไม่ต้องต่อราคา
|
ไปร้าน Anokhi ร้านเสื้อผ้าแบรนด์ดังของอินเดีย
แบรนด์เก่าแก่ อายุกว่า 80 ปี มีชื่อเสียงด้านผ้าฝ้าย Cotton 100%
พิมพ์ลายด้วยสีจากธรรมชาติ ใส่สบายมากๆ
Fixed Price ราคาตามป้าย ไม่ต้องต่อราคาให้เหนื่อย
ดูข้อมูลร้านได้ที่
https://www.anokhi.com/
https://www.facebook.com/AnokhiIndia |
|
|
แล้วเดินทางต่อไปที่ สนามบินมุมไบ
19.00 น. ถึงสนามบิน Check-in โหลดกระเป๋าเดินทาง แล้วรอขึ้นเครื่อง
|
|
เที่ยวบิน |
TG318 |
|
Mumbai-ฺBangkok |
|
สามารถโหลดกระเป๋าได้หนัก ไม่เกิน 20 กิโลกรัม |
เครื่องออก |
เวลา 23.20 น. (ตามเวลาประเทศอินเดีย) |
เครื่องถึง |
เวลา 05.05 น. (ตามเวลาประเทศไทย) |
|
|
23.20 น. ได้เวลาเครื่องออก มุ่งหน้าสู่กรุงเทพ
*ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 ชั่วโมง 15 นาที
กินอาหารค่ำ บนเครื่องบิน
|
|
DAY 06 |
วันอาทิตย์ที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2566 |
|
|
สนามบินสุวรรณภูมิ กรุงเทพ |
05.05 น. (ตามเวลาประเทศไทย) เดินทางกลับถึงสนามบินสุวรรณภูมิ กรุงเทพมหานคร โดยสวัสดิภาพ
จบโปรแกรมทัวร์- |
|
หมายเหตุ- โปรแกรมการเดินทาง อาจเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสมของช่วงเวลา และสถานการณ์เฉพาะหน้า |
|
ที่พัก |
Hotel Vivanta by Taj หรือ เทียบเท่า
(โรงแรม 5 ดาว เมืองออรังกาบัด)
Hotel Sun N Sand หรือ เทียบเท่า
(โรงแรม 5 ดาว เมืองมุมไบ)
|
|
ราคาทัวร์ |
ท่านละ 29,000 บาท
พักเดี่ยว จ่ายเพิ่มท่านละ 7,000 บาท |
|
*ราคานี้ ยังไม่รวม ค่าตั๋วเครื่องบิน
ทุกเส้นทางตามที่ระบุในโปรแกรม
จ่ายเพิ่มค่าตั๋วเครื่องบิน ประมาณ 19,000 - 20,000 บาท++
จ่ายตามราคาจริง ณ วันที่จอง/วันที่ออกตั๋ว
จองเร็วได้ตั๋วถูก จองช้าได้ตั๋วแพง
หมายเหตุ - ขอสงวนสิทธิ์ที่จะปรับราคาตามความเหมาะสม หากมีการเปลี่ยนแปลงของ ค่าน้ำมัน และ อัตราแลกเปลี่ยน เนื่องด้วยความผันผวนของสถานการณ์โลก ในปัจจุบัน
|
|
ราคานี้รวม-
ค่าวีซ่าอินเดีย *ประเภท e-Tourist VISA 30 Days
อาหารมื้อหลักทุกมื้อ รวม ชา กาแฟ ของหวาน และผลไม้
ค่าน้ำดื่ม (น้ำเปล่าบรรจุขวด)
*ไม่จำกัดจำนวน แต่กรุณาดื่มอย่างรู้คุณค่า
โรงแรมตามที่ระบุในโปรแกรม พักห้องละ 2 ท่าน
ค่ารถปรับอากาศตลอดเส้นทาง
ค่าเรือข้ามฟาก มุมไบ เกาะ Elephanta Cave
ค่าบัตรเข้าชมสถานที่ต่างๆ เฉพาะตามที่ระบุในโปรแกรม
ค่าบริการ หัวหน้าทัวร์คนไทย
ค่าบริการ Escort ท้องถิ่น
ประกันการเดินทาง-
เงื่อนไข- ครอบคลุมภายใต้ข้อตกลงที่มีไว้กับบริษัทประกันชีวิต
ราคานี้ไม่รวม-
*ค่าตั๋วเครื่องบิน สายการบินตามที่ระบุในโปรแกรม
ค่าธรรมเนียมน้ำมันและภาษีสนามบิน ไทย-อินเดีย
ค่าอาหารมื้อกลางวัน วันแรกที่สนามบินเดลลี
ค่าอาหารมื้อเย็น วันสุดท้ายที่มุมไบ
ค่าเครื่องดื่มพิเศษ เช่น น้ำอัดลม หรือ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์
ค่ากล้องถ่ายรูป และ ค่ากล้องวีดีโอ
ค่าทิป escort หรือผู้ช่วยหัวหน้าทัวร์ ชาวอินเดีย
ค่าทิป หัวหน้าทัวร์คนไทย
ค่าทิป คนขับรถ , เด็กรถ , เด็กยกกระเป๋า และทิปอื่นๆ
ค่าใช้จ่าย ในการตรวจโควิด-19 ที่อินเดีย ในทุกกรณี
ค่าใช้จ่าย ในการรักษาพยาบาล / ค่ากักตัวที่ประเทศอินเดีย
ค่าใช้จ่ายอื่นๆ นอกเหนือจากที่ระบุไว้ในรายการ
ค่าทิป-
เด็กยกกระเป๋า ควรให้ไม่ต่ำกว่า 20 รูปี ต่อกระเป๋า 1 ใบ
ทีมงานอินเดีย (ไกด์ท้องถิ่น คนขับรถ เด็กรถ)
เผื่อเงินไว้ประมาณ 800 รูปี หรือ 400 บาท
สำหรับ 4 วัน ในอินเดีย
(ให้ในวันสุดท้าย ของการเดินทาง)
หัวหน้าทัวร์คนไทย
ตามแต่พอใจ (ไม่บังคับ)
(ให้ในวันสุดท้าย ของการเดินทาง)
|
การชำระเงิน |
1) จ่ายมัดจำ 5,000 บาท ทันทีที่จอง
*ยึดมัดจำถ้าขอเลิกการเดินทาง
2) จ่ายค่าตั๋วเครื่องบิน ตามราคาตั๋วจริง
ประมาณ (19,000-20,000) บาท ทันทีที่จอง
*ถ้าขอยกเลิกการเดินทาง
คืน/ไม่คืนเงิน ตามเงื่อนไขที่ระบุไว้ในตั๋วเครื่องบิน
(กรุณาสอบถาม ราคาตั๋ว ก่อนโอนเงินจองทัวร์)
3) จ่ายส่วนที่เหลือ
24,000 บาท ภายในวันที่ 21 ตุลาคม 2566
|
เงื่อนไขการให้บริการ |
จองล่วงหน้าตามช่วงเวลาที่กำหนด ชำระเงินตามเงื่อนไขข้างต้น
ขอยกเลิกการเดินทาง ยึดเงินมัดจำ และหักค่าใช้จ่ายตามที่เกิดขึ้นจริง และ/หรือ ขอยกเลิกการเดินทาง น้อยกว่า 30 วัน เก็บค่าใช้จ่ายเต็มจำนวน
กรณีเกิดการระบาดของ โควิด-19 จนทำให้ไม่สามารถเดินทางได้ ขอสงวนสิทธิ์ในการ เลื่อน/ยกเลิก การเดินทาง ตามแต่สถานการณ์เฉพาะหน้า
เมื่อท่านออกเดินทางกับคณะแล้ว ถ้าท่านงดการใช้บริการรายการใดรายการหนึ่ง เช่น ไม่เที่ยวบางรายการ ไม่ทานอาหารบางมื้อ หรือไม่เดินทางพร้อมคณะ ถือว่าท่านสละสิทธิ์ ไม่อาจเรียกร้องค่าบริการและเงินมัดจำคืนได้ ไม่ว่ากรณีใดๆ ทั้งสิ้น กรณีที่การตรวจคนเข้าเมืองทั้งที่กรุงเทพฯ และในต่างประเทศ ปฏิเสธมิให้เดินทางออกหรือเข้าประเทศในรายการเดินทาง หรือ กรณีความล่าช้าจากสายการบิน การประท้วง, การนัดหยุดงาน, การก่อจลาจล ทางเราขอสงวนสิทธิ์ที่จะไม่คืนค่าบริการไม่ว่ากรณีใดๆ ทั้งสิ้น เมื่อท่านตกลงชำระเงิน ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน ถือว่าท่านได้ยอมรับเงื่อนไขข้อตกลงต่างๆ ที่ได้ระบุไว้แล้วทั้งหมด
กรณีติดโควิด-19 ระหว่างเดินทาง หรือในขณะที่อยู่ในประเทศอินเดีย เบื้องต้นจะรักษาตามอาการ ทั้งนี้ผู้ร่วมทางต้องดูแลตัวเอง ถ้ามีอาการหนักจะนำส่งโรงพยาบาลที่อินเดีย เพื่อให้เข้ารับการรักษา หากต้องการเดินทางกลับประเทศไทยก่อนกำหนด สามารถทำได้โดยคิดค่าใช้จ่ายตามที่เกิดขึ้นจริง
|
|
ขั้นตอนง่ายๆในการจองทริปกับเรา |
|
1 |
2 |
3 |
4 |
คลิกเพื่อจองทริป |
คลิกเพื่อตรวจรายชื่อ |
คลิกเพื่อโอนเงิน |
คลิกเพื่อส่งเอกสาร |
|
|
|
|
|
|
|
|
เตรียมตัวเดินทาง |
บริการจากทัวร์ |
|
|
|
|
|
คลิก..เพื่อดูโปรแกรมการเดินทาง
หรือ ขอโปรแกรมได้ที่ คุณนุ้ย 0816928233
หรือ แจ้งทาง Line Official ID : @wanramtang
|
|
|
|
|
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ |
|
ที่อยู่ |
|
|
บ้านวันแรมทาง
1/60 ซ.อนามัยงามเจริญ 12 แขวงท่าข้าม เขตบางขุนเทียน กรุงเทพ 10150
|
โทรศัพท์ |
024054561 |
มือถือ - ปลา |
0898119139 (AIS) |
มือถือ - นุ้ย |
0816928233 (DTAC) |
Email |
wanramtang@hotmail.com |
Line Official ID |
@wanramtang |
|
|
วันทำงาน |
วันจันทร์-วันศุกร์ เวลา 09.00-18.00 น.
|
วันเสาร์ เวลา 09.00-12.00 น. |
นอกเวลางาน งดการติดต่อทุกเรื่อง |
ถ้าไม่รับสายหรือโทรไม่ติด กรุณาติดต่อทาง Line |
|
|
หรือติดต่อผ่านระบบอัตโนมัติ ด้านล่างนี้ |
|