มะนาลี ลาดักห์ เยือนถิ่นอินเดียเหนือแบบเต็มอิ่ม
ReadyPlanet.com
dot dot
ทัวร์อินเดีย - มะนาลี ลาดักห์ article
          
             
  คำเตือน..ด้วยรักและห่วงใย
เขาบอกกันว่าที่นี่ คือ "สถานที่ที่สวรรค์กับโลกมนุษย์มาบรรจบกัน"
ถึงแม้ว่า เส้นทางนี้งดงามเกินบรรยาย ชนิดที่เรียกว่า ควรไปเห็นด้วยตาให้ได้สักครั้งในชีวิต
ถึงแม้ว่า เสน่ห์ของทริปนี้ อยู่ที่วิวสองข้างทาง สวยงามจนหลับตาไม่ลง
แต่.. ทริปนี้ไม่ได้สะดวกสบาย ไปลำบาก นั่งรถนาน นั่งรถเหนื่อยมาก อาหารพื้นเมืองกินยากมาก !
ด้วยเป็นพื้นที่ที่อยู่สูงเหนือจากระดับน้ำทะเลเกินกว่า 4,000 เมตร จึงสุ่มเสี่ยงต่ออาการแพ้ความสูง
ทำให้ปวดหัว อาเจียน ท้องเสีย หายใจไม่ทัน หรือหัวใจวาย
ดังนั้น.. กรุณาอ่านโปรแกรมดีๆก่อนตัดสินใจจอง 
ถ้าร่างกายไม่แข็งแรง เป็นโรคหัวใจ เป็นความดันสูง หอบหืด ไม่ควรเดินทาง
หากชวนเพื่อนกรุณาบังคับให้เพื่อนอ่านด้วย เพื่อนที่เรื่องเยอะ ห้ามชวน ! เดี๋ยวจะผิดใจกัน  !
            
        
ทัวร์อินเดีย ..
มะนาลี ลาดักห์
เดลลี คุรุ มะนาลี จิสป้า ซาร์ชู ทะเลสาบโซการ์ ทะเลสาบโซโมริริ เลห์
ลามายุรุ อัลชิ ลิกีร์ บาสโก้ นูบราวัลเล่ย์ turtuk village ทะเลสาบพันกอง
(14 วัน 13 คืน)
เดินทาง  28 สิงหาคม - 10 กันยายน  2559
ไปกัน  10 ท่าน  
    [นั่งรถคันละ 3 คน ทุกคนจะได้นั่งริมหน้าต่าง]


ราคาทัวร์ 
59,000 บาท
*
ยังไม่รวมค่าตั๋วเครื่องบิน
    
"จองเร็วได้ตั๋วถูก จองช้าได้ตั๋วแพง"

             
    
ค่าตั๋วเครื่องบิน จ่ายตามราคาจริง ณ วันที่ออกตั๋ว กรุณาสอบถามราคาตั๋วก่อนโอนเงิน
*กรณีขอยกเลิกการเดินทาง สามารถขอ refund คืนค่าตั๋วได้เท่าที่สายการบินคืนให้
Air India ค่าตั๋วเครื่องบิน 21,300   บาท *เป็นราคาโดยประมาณ
           
 

เส้นทางสู่ดินแดนบนที่ราบสูงตอนปลายของเทือกเขาหิมาลัย มีหิมะปกคลุมเกือบ
ตลอดทั้งปี มีเพียงไม่กี่เดือนเท่านั้น ที่ดินแดนแห่งนี้จะเปิดรับคนภายนอกเข้าไป

เยี่ยมเยือนเทือกเขาสูงหลากสีสันแห่งดินแดนลาดักห์ ทุ่งหญ้าเขียวขจีบนแผ่นดินแคชเมียร์ ธารน้ำตกที่เกิดจากการละลายของน้ำแข็ง ทั้งความงดงามของธรรมชาติ 
ประสาทพระราชวัง วิถีชีวิตและความเป็นอยู่ของผู้คน อารยธรรมเก่าแก่ของชน
ชาวทิเบตเหล่านี้ล้วนเป็นเสน่ห์ที่เย้ายวน ให้เราอยากไปสัมผัสด้วยตัวเองสักครั้ง
โปรแกรมไม่มีเวลากำหนดตายตัว ยืดหยุ่นได้ ปรับเปลี่ยนได้ตามสถานการณ์ 
           
โปรแกรมการเดินทาง
        
จุดนัดพบ  
วันอาทิตย์ที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2559
สนามบินสุวรรณภูมิ ชั้น 4 ประตู 10 บริเวณที่นั่งหน้าประตู
เวลา 06.00 น. (หกโมงเช้า)
            
วันแรก  วันอาทิตย์ที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2559  (แรม 10 ค่ำ)
เที่ยวบิน ระหว่างประเทศ
AI333 สายการบิน Air India
    BKK-DEL
     เวลา 08.50-12.05
สายการบินแอร์อินเดีย
เส้นทาง bangkok - delhi
เดินทาง กรุงเทพ-เดลลี , นั่งเครื่อง 4 ชม.
สนามบิน-ที่พัก , นั่งรถประมาณ 15 นาที
รถบัสปรับอากาศ
ที่พัก Hotel HOLIDAY INN AIRPORT
(5 ดาว) , DELHI AIRPORT
หรือเทียบเท่าในระดับเดียวกัน
Business Hotel พักสบาย ใกล้สนามบิน
         
  06.00 น. พบกันที่สนามบินสุวรรณภูมิ เช็คอินบัตรโดยสารและโหลดสัมภาระ 
*สามารถโหลดกระเป๋าได้หนักไม่เกิน 20 กิโลกรัม เท่านั้น
แยกย้ายกันเข้าด้านใน ผ่าน ตม. รอขึ้นเครื่องพร้อมกัน
08.50 น. ได้เวลาเครื่องออก เดินทางสู่ประเทศอินเดีย 
ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 ชั่วโมง  *กินอาหารเช้าบนเครื่องบิน
12.05 น. ถึงแผ่นดินอินเดีย ผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากร  
         
ปลา' Tour Leader พาเที่ยว
 เที่ยว กุตุป มีนาร์ (Tower of Victory)
        

กุตุป มีนาร์ (Qutub Minar) 
หอคอยแห่งชัยชนะ สูง 73 เมตร สัญลักษณ์ของกรุงนิวเดลี 
Qutub กุตุบ หรือ กุตับ คือ ชื่อของกษัตริย์มุสลิม กุตุบอุดดินไอบัก  (Qutub-ud-Din Aibak)
Minar มีนาร์ หมายถึง หอคอย หอสูง
กุตุบมีนาร์ (Qutb Minar) มีชื่อเดิมว่า ปฤถวีสตัมภ์ (ปฤถวี-ชื่อของกษัตริย์ฮินดู สตัมภ์-เสา) เป็นหอคอยที่เป็นสัญลักษณ์ หรือ Landmark ของกรุงนิวเดลี มีความโดดเด่นงดงาม
ภายนอกเป็นหินทรายสีแดง สร้างเป็นระดับชั้นขึ้นไปอย่างได้สัดส่วน  มีการสร้างต่อๆกันขึ้นไปหลายทอด หลายยุคสมัย แต่ละชั้นจารึกเป็นอักษรอารบิคจากบทสวดในพระคัมภีร์อัลกุรอ่าน
เดิมพระเจ้าปฤถวีราช กษัตริย์ฮินดูทรงสร้างหอไว้สูงเพียง 28 เมตร เพื่อให้ลูกสาวขึ้นไปดู
แม่น้ำยมุนา อันศักดิ์สิทธิ์ในขณะสวดมนต์ 
ในปี ค.ศ. 1200 กษัตริย์ กุตุบอุดดินไอบัก ซึ่งเป็นกษัตริย์มุสลิมได้สร้างต่อเพิ่มเติม
จากนั้นกษัตริย์องค์อื่นในราชวงศ์เดียวกันได้สร้างต่ออีกสองครั้ง ในปี ค.ศ. 1210 และ 1236
ใน ปี ค.ศ. 1369 เกิดฟ้าผ่าลงมาทำให้หอคอยพังเสียหาย กษัตริย์ ฟิโรซชาห์ ตุกลัค แห่งราชวงศ์ตุกลัค จึงได้ทำการบูรณะและสร้างต่อด้วยหินอ่อนและหินทรายแดง จนเป็นหอคอยสูง
อย่างที่เห็นอยู่ในปัจจุบัน
นับเป็นศิลปกรรมแบบมุสลิมผสมฮินดูที่หาดูได้ยาก ความสูงของหอนี้รวมทั้งหมด 73 เมตร แบ่งออกเป็น 5 ชั้น ภายในโปร่ง มีบันไดขึ้นไป 379 ขั้น
          
  กินอาหารกลางวันที่ร้านอาหาร *อาหารไทย Ego Thai Restaurant
อิ่มแล้วพาไป Shopping ที่ตลาด Khan Market ร้านเสื้อผ้ากิ๊บเก๋ Anokhi Shop
บ่าย- แวะเที่ยว กุตุป มีนาร์ (Tower of Victory
เย็นถึงค่ำ - เข้าสู่โรงแรมที่พัก กินอาหารค่ำที่ห้องอาหารของโรงแรม 
แล้ว
รีบเข้านอนเก็บแรงไว้เดินทางในวันรุ่งขึ้น
             
         
วันที่สอง  วันจันทร์ที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2559  (แรม 11 ค่ำ)
เที่ยวบิน ภายในประเทศ
AI9805 สายการบิน Air India
    DEL-KUU
     เวลา 06.30-07.50
สายการบินแอร์อินเดีย
เส้นทาง delhi - kullu - manali
เดินทาง delhi-kullu นั่งเครื่อง 1 ชม 20 นาที
kullu-manali 
ประมาณ 40 กม. นั่งรถ 1 ชม.
   รถส่วนตัว mahindra scorpio/xylo 
   นั่งคันละ 3 คน เก็บของบนหลังคา 
ที่พัก Hotel Keylinga Inn   
หรือ เทียบเท่า 3 ดาว  in MANALI

โรงแรมเล็กๆ เน้นวิวสวย
ห้องพักสะอาด ปลอดภัย
        
เมืองคุรุ Kullu 
เป็นเมืองเล็กๆในหุบเขา ที่อยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเลเพียง 1,279 เมตร (4,196 ฟุต) 
เมืองคุรุ Kullu หรือ Kulu อยู่ห่างจากสนามบิน Bhuntar Airport เพียง 10 กิโลเมตร
ตั้งอยู่ในตำบลคุรุ รัฐหิมาจัลประเทศ ประเทศอินเดีย 
Kullu Valley เป็นหุบเขากว้าง มีแม่น้ำเบียส (Bias River) ไหลผ่านกลาง
เป็นหุบเขางดงามที่ปกคลุมไปด้วยป่าสน มีวัดศักดิ์สิทธิ์ของชาวฮินดู มากมายในหุบเขาแห่งนี้
            
  04.00 น. ตื่นเช้าไปสนามบิน เช็คอินโหลดกระเป๋า กินอาหารเช้า
*ต่างคนต่างกินที่สนามบิน ค่าอาหารไม่รวมอยู่ในค่าทัวร์
06.30 น. ได้เวลาเครื่องออก เดินทางสู่สนามบินคุรุ (Bhuntar Airport)
*ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง 20 นาที
07.50 น. เดินทางถึงเมืองคุรุ รถมารับที่สนามบิน
แวะเที่ยวเมืองคุรุ กันสักนิด แล้วเดินทางเข้าสู่เมืองมะนาลี 
*ระยะทางประมาณ 40 กิโลเมตร นั่งรถนาน ประมาณ 1 ชั่วโมง
         
นั่งเครื่องสู่เมืองคุรุ (Bhuntar Airport) รถที่เราใช้ตลอดการเดินทาง นั่งคันละ 3 คน
เต็นท์ห้องน้ำของเรา ปวดฉี่จอดได้ทันที O2 ออกซิเจน มีพร้อมให้ทุกคน
        
มะนาลี Manali 
เป็นเมืองเล็กๆในหุบเขา ที่อยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเลเพียง 2,050 เมตร (6,730 ฟุต) 
ที่เที่ยวหลักๆในมะนาลี ที่ไม่ควรพลาดคือ
วัด Hadimba Temple เป็นวัดฮินดูกลางป่าสน สร้างขึ้นเพื่อบูชา Hadimba Devi 
เป็นวัดที่สร้างด้วยไม้ ที่เก่าแก่ที่สุดใน มะนาลี 
วัด Vashisht Temple วัดฮินดู ที่มีบ่อน้ำพุร้อนอยู่ในบริเวณวัด 
Old Manali เขตเมืองเก่า บ้านโบราณ และแหล่งฮิปๆของนักท่องเที่ยวฝรั่งเมากัญชา
วิวสวยๆของมะนาลี ปลาเทราต์สดๆจากแม่น้ำ Beas River
         
  เที่ยง- กินอาหารกลางวัน 
ช่วงบ่าย- เที่ยว เมืองมะนาลี เน้นการเดินเที่ยว เดินปรับสภาพร่างกาย
เหนื่อยกันหน่อย แต่ก็ต้องเดิน เพื่อวันพรุ่งนี้ที่ดีกว่า
เย็นถึงค่ำ- กินอาหารเย็น จากนั้นพักผ่อน เก็บแรงไว้เดินทางในวันรุ่งขึ้น
              
         
วันที่สาม  วันอังคารที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2559  (แรม 12 ค่ำ)
  วันนี้เดินทางไม่ไกลมาก เส้นทางสวยงาม แต่ถนนไม่ดีอย่างแรงในหลายๆช่วง
รถวิ่งได้ช้า ถนนหลายช่วงขรุขระและเป็นหลุมลึกมาก ให้ทำใจเรื่องความลำบากในการนั่งรถกระแทก กระเด็นกระดอน รวมถึงอาการเมารถ และการเข้าห้องน้ำระหว่างทาง
เส้นทาง manali - Jispa
เดินทาง manali-jispa 
ประมาณ 140
 กม. นั่งรถ 5-6 ชม.
   รถส่วนตัว mahindra scorpio/xylo 
   นั่งคันละ 3 คน เก็บของบนหลังคา 
ที่พัก Hotel Padma Lodge  
หรือ เทียบเท่า in JISPA

โรงแรมเล็กๆ เน้นวิวสวย ห้องพักสะอาด ปลอดภัย
            
ดอกไม้ข้างทาง ปลายฤดูฝน จามรี (yak)
ระหว่างเส้นทาง จากมะนาลี - จิสป้า Rohthang Pass
              
  จิสป้า (Jispa)
ที่นี่อยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเล 3,200 เมตร (10,500 ฟุต)
เป็นหมู่บ้านเล็กๆ อยู่ใน Lahaul and Spiti District รัฐหิมาจัลประเทศ ประเทศอินเดีย
ตามการสำรวจสำมะโนประชากรเมื่อ ปี ค.ศ. 2001 
หมู่บ้านนี้มี 78 ครัวเรือน มีคนอาศัยอยู่เพียง 332 คน เป็นชาย 235 คน หญิง 97 คน
ที่หมู่บ้านมีลานจอดเฮลิคอปเตอร์ ที่ทำการไปรษณีย์ วัด และ พิพิธภัณฑ์พื้นบ้านขนาดเล็ก
จิสป้า มักเป็นที่หยุดพักแรมของนักเดินทางจากมะนาลีสู่เลห์
          
  ตื่นเช้า- กินอาหารเช้า ออกเดินทางมุ่งหน้าสู่ เมืองจิสป้า (Jispa)
*ระยะทางประมาณ 140 กิโลเมตร นั่งรถนาน 5-6 ชั่วโมง 
ระหว่างทาง ผ่าน Rohthang Pass ถนนที่สูงที่สุดบนเส้นทางจากมะนาลี ไปสู่เมืองเลห์ ที่ความสูง 3,978 เมตร (13,050 ฟุต) เหนือจากระดับน้ำทะเล
เที่ยง- กินอาหารกลางวัน 
บ่าย- เดินทางถึงจิสป้า เดินเล่นในเมือง เดินเยอะๆปรับสภาพร่างกาย
เย็นถึงค่ำ- กินอาหารเย็น จากนั้นพักผ่อน เก็บแรงไว้เดินทางในวันรุ่งขึ้น
         
             
วันที่สี่ วันพุธที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2559  (แรม 13 ค่ำ)
  วันนี้ต้องเดินทางไกล ขึ้นสู่พื้นที่สูงระดับเกิน 4,000 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล 
ถนนไม่ดีในหลายๆช่วง ต้องขับผ่านทางสูงชัน เส้นทางลัดเลาะ
ไปตามภูเขาสูง ทางเลียบหน้าผา
รถวิ่งได้ช้า ถนนหลายช่วงขรุขระและเป็นหลุมลึก ให้เตรียมตัว เรื่องความลำบากในการนั่งรถ 
กระแทก กระเด็นกระดอน รวมถึงอาการเมารถ และการเข้าห้องน้ำระหว่างทาง  
*คืนนี้ค้างคืนริมทะเลสาบโซการ์ ที่ระดับความสูง 4,530 เมตร (14,860 ฟุต) เหนือระดับน้ำทะเล  
บางคนอาจจะเมารถ และมีอาการแพ้ความสูง เช่น อาจเวียนหัว ปวดหัว ปวดบ่า ปวดไหล่ 
ท้องเสีย อาเจียน นอนไม่หลับ หายใจไม่ถนัด เหนื่อยง่าย ให้ดื่มน้ำเยอะๆ  ทำกิจกรรมช้าๆ 
เดินช้าๆ ไม่ควรวิ่งหรือกระโดด
เส้นทาง Jispa - Sarchu - Tsokar lake
เดินทาง jispa-sarchu ประมาณ 85 กม. 2-3 ชม.
sarchu-tsokar ประมาณ 140 กม. 4-5 ชม.
   รถส่วนตัว mahindra scorpio/xylo 
   นั่งคันละ 3 คน เก็บของบนหลังคา 
ที่พัก Pastureland Camp 
หรือ เทียบเท่า in TSOKAR LAKE

พักแรมที่แคมป์ ริมทะเลสาบ
          
  ตื่นเช้า- กินอาหารเช้าแล้วรีบออกเดินทาง วันนี้เราต้องเดินทางไกลมาก
จุดหมายแรกคือแวะพักครึ่งทางที่ ซาร์ชู (Sarchu Camp)
*ระยะทางประมาณ 85 กิโลเมตร นั่งรถนาน 2-3 ชั่วโมง 
เที่ยง- แวะพักที่แค้มป์ กินอาหารกลางวัน 
ที่ตรงนี้สูงมาก เดินช้าๆ กินช้าๆ ดื่มน้ำเยอะๆไม่ต้องกลัวน้ำหมด 
          
ซาร์ชู (Sarchu)
เป็นทุ่งราบท่ามกลางหุบเขา อยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเล 4,290 เมตร (14,070 ฟุต)  
การเดินทางจากมะนาลีถึงเลห์ ต้องขับรถไปตามทางหลวง มะนาลี-เลห์ (Manali-Leh Highway)
แต่ด้วยระดับความสูงและสภาพถนนที่ไม่ดีนัก การเดินทางระหว่างสองเมืองนี้ 
จึงต้องใช้เวลาถึง 2 วัน
ซาร์ชู (Sachu) เป็นจุดที่ตั้งอยู่ระหว่างรัฐหิมาจัลประเทศและรัฐจัมมูและแคชเมียร์ ผู้ที่ต้องเดินทางไปมาระหว่างสองเมือง จึงนิยมแวะพักกันที่นี่
เส้นทางนี้ รวมถึงแค้มป์ที่พัก จะปิดลงในฤดูหนาวที่หิมะท่วมสูงจนรถไม่สามารถวิ่งได้
แค้มป์ที่ซาร์ชู (Sarchu Camp)
 
ทะเลสาบโซการ์ (Tsokar Lake)
ทะเลสาบงดงาม อยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเล 4,530 เมตร (14,860 ฟุต) 
เป็นทะเลสาบน้ำเค็ม อยู่บนที่ราบสูง Rupshu ทางตอนใต้ของลาดักห์ ในรัฐจัมมูและแคชเมียร์
ปัจจุบันชาวเผ่าเร่ร่อน Changpa ใช้น้ำในทะเลสาบมาผลิตเป็นเกลือ ส่งออกไปยังทิเบต
บริเวณนี้มีความผันผวนทางสภาพอากาศมาก ในฤดูหนาวอาจหนาวเย็นได้ถึง -40 องศาเซลเซียส และอาจสูงถึง 30 องศาเซลเซียส ในฤดูร้อน ฝนแทบไม่ตกเคยมีในพื้นที่แถบนี้
ทะเลสาบโซการ์ ในเดือนตุลาคม ทะเลสาบโซการ์ ในเดือนสิงหาคม
             
  ถ่ายรูปดื่มด่ำกับธรรมชาติ และปรับตัวให้เข้ากับพื้นที่สูง
พักพอหายเหนื่อย แล้วออกเดินทางต่อสู่ ทะเลสาบโซการ์ (Tsokar Lake)
*ระยะทางประมาณ 140 กิโลเมตร นั่งรถนาน 4-5 ชั่วโมง 
บ่ายถึงเย็น- เข้าสู่แคมป์ที่พัก พักผ่อนตามสบาย 
ช่วงค่ำ- กินอาหารเย็น คืนนี้พยายามหลับให้ได้ ริมทะเลสาบแสนงาม
             
                    
วันที่ห้า วันพฤหัสบดีที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2559  (แรม 14 ค่ำ )
  วันนี้ต้องเดินทางไกล ขึ้นสู่พื้นที่สูงระดับเกิน 4,000 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล 
ถนนไม่ดีในหลายๆช่วง ต้องขับผ่านทางสูงชัน เส้นทางลัดเลาะ
ไปตามภูเขาสูง ทางเลียบหน้าผา
รถวิ่งได้ช้า ถนนหลายช่วงขรุขระและเป็นหลุมลึก ให้เตรียมตัว เรื่องความลำบากในการนั่งรถ 
กระแทก กระเด็นกระดอน รวมถึงอาการเมารถ และการเข้าห้องน้ำระหว่างทาง  
*คืนนี้ค้างคืนริมทะเลสาบโซโมริริ ที่ระดับความสูง 4,522 เมตร (14,836 ฟุต) เหนือระดับน้ำทะเล  
บางคนอาจจะเมารถ และมีอาการแพ้ความสูง เช่น อาจเวียนหัว ปวดหัว ปวดบ่า ปวดไหล่ 
ท้องเสีย อาเจียน นอนไม่หลับ หายใจไม่ถนัด เหนื่อยง่าย ให้ดื่มน้ำเยอะๆ  ทำกิจกรรมช้าๆ 
เดินช้าๆ ไม่ควรวิ่งหรือกระโดด
เส้นทาง tsokar lake - tsomoriri lake
เดินทาง tsokar - tsomoriri 
ประมาณ 90 กม. นั่งรถ 3-4 ชม.
   รถส่วนตัว mahindra scorpio 
   นั่งคันละ 3 คน เก็บของบนหลังคา 
ที่พัก Tsomoriri resort & Camp 
หรือ เทียบเท่า in TSOMORIRI LAKE

พักแรมที่แคมป์ ริมทะเลสาบ
          
ถึงแล้วทะเลสาบโมริริ (Tsomoriri Lake)  ทางช้างเผือกในคืนเดือนมืด 
ทะเลสาบโซโมริริ (Tsomoriri Lake)
ทะเลสาบงดงาม อยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเล 4,522 เมตร (14,836 ฟุต) 
ในภาษาทิเบตทะเลสาบนี้มีชื่อว่า ไวลี (Wylie) หรือ lha mo bla mtsho 
ทะเลสาบโซโมริริ อยู่ในที่เขตที่ราบสูง Changthang เป็นทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคทางตอนเหนือในเขตหิมาลัยของอินเดีย มีพื้นที่ติดกับทั้งลาดักห์ ซันสการ์ และทิเบต
             
  ตื่นเช้า - กินอาหารเช้า แล้วเดินเที่ยวชมบรรยากาศสบายๆริมทะเลสาบ
อย่าลืมว่าที่ตรงนี้สูงมาก เดินช้าๆ กินช้าๆ ดื่มน้ำเยอะๆไม่ต้องกลัวน้ำหมด
ออกเดินทางสู่ ทะเลสาบโซโมริริ (Tsomoriri Lake) 
*ระยะทางประมาณ 90 กิโลเมตร นั่งรถ 3-4 ชั่วโมง 
เที่ยง- กินอาหารกลางวัน ระหว่างทาง
บ่ายถึงเย็น- เข้าสู่แคมป์ที่พัก พักผ่อนตามสบาย 
ช่วงค่ำ- กินอาหารเย็น คืนนี้พยายามหลับให้ได้ ริมทะเลสาบแสนงาม
           
          
วันที่หก วันศุกร์ที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2559  (ขึ้น 1 ค่ำ )
  คืนนี้ค้างคืนที่ระดับความสูง 3,500 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล บางคนอาจจะมีอาการแพ้ความสูง 
เช่น อาจเวียนหัว ปวดหัว ปวดบ่า ปวดไหล่ ท้องเสีย อาเจียน นอนไม่หลับ หายใจไม่ถนัด เหนื่อยง่าย 
ให้ดื่มน้ำเยอะๆ  ทำกิจกรรมช้าๆ เดินช้าๆ ไม่ควรวิ่งหรือกระโดด
เส้นทาง tsomoriri - leh
เดินทาง tsomoriri - leh
ประมาณ 220 กม. นั่งรถ 6-7 ชม.
   รถส่วนตัว mahindra scorpio/xylo 
   นั่งคันละ 3 คน เก็บของบนหลังคา 
ที่พัก Hotel Kidar หรือ เทียบเท่า in LEH
เล็กๆพอพักได้ บรรยากาศพื้นเมือง
          
ขึ้นไปชมทะเลสาบในมุมสูง ยามเช้า  ระหว่างทางกลับเลห์มองหา ลาป่า (Wild Ass)
              
  ตื่นเช้า - กินอาหารเช้า แล้วเดินเที่ยวชมบรรยากาศสบายๆริมทะเลสาบ
อย่าลืมว่าที่ตรงนี้สูงมาก เดินช้าๆ กินช้าๆ ดื่มน้ำเยอะๆไม่ต้องกลัวน้ำหมด
ออกเดินทางสู่ เมืองเลห์ (Leh) 
*ระยะทางประมาณ 220 กิโลเมตร นั่งรถ 6-7 ชั่วโมง 
เที่ยง- กินอาหารกลางวัน ระหว่างทาง
บ่ายถึงเย็น- เข้าสู่โรงแรมที่พัก พักผ่อนตามสบาย 
ช่วงค่ำ- กินอาหารเย็น คืนนี้อาบน้ำให้ชื่นฉ่ำ หลับให้เต็มที่กันเลย
            
           
วันที่เจ็ด วันเสาร์ที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2559  (ขึ้น 2 ค่ำ )
  คืนนี้ค้างคืนที่ระดับความสูง 3,500 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล บางคนอาจจะมีอาการแพ้ความสูง 
เช่น อาจเวียนหัว ปวดหัว ปวดบ่า ปวดไหล่ ท้องเสีย อาเจียน นอนไม่หลับ หายใจไม่ถนัด เหนื่อยง่าย 
ให้ดื่มน้ำเยอะๆ  ทำกิจกรรมช้าๆ เดินช้าๆ ไม่ควรวิ่งหรือกระโดด
เส้นทาง leh
เดินทาง เดินเล่น - นั่งรถเล่นในเมือง
   รถส่วนตัว mahindra scorpio/xylo 
   นั่งคันละ 3 คน เก็บของบนหลังคา 
ที่พัก Hotel Kidar หรือ เทียบเท่า in LEH
เล็กๆพอพักได้ บรรยากาศพื้นเมือง
          
เมืองเลห์ (Leh)
อยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเล 3,500 เมตร (10,500 ฟุต) 
เป็นเมืองหลวงของลาดักห์ คือดินแดนที่ซ่อนเร้นอยู่ท่ามกลางขุนเขา ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของเทือกเขาหิมาลัย เต็มไปด้วยภูเขาหิมะที่สูงกว่า 7,000 เมตร จากระดับน้ำทะเล
เทือกเขาสูงที่โอบล้อม ทำให้เลห์กลายเป็นดินแดนลี้ลับที่ยากแก่การเข้าถึง
ลาดักห์ในอดีต เคยเป็นอาณาจักรใหญ่ที่รุ่งเรือง เป็นชุมทางการค้าขายของ 1 ใน 3 เส้นทางสำคัญของหิมาลัยโบราณ อันได้แก่ เส้นทางสายไหม เส้นทางเกลือ และ เส้นทางเครื่องเทศ
พ่อค้ามากมายเดินทางมาพบปะเจรจา แลกเปลี่ยนซื้อขายสินค้า ที่นี่จึงเป็นจุดเชื่อมต่อวัฒนธรรมและอารยธรรม ระหว่างเอเชียกลาง เอเชียตะวันตก ตะวันออกกลาง และยุโรป
              
  ตื่นเช้า- กินอาหารเช้า แล้วไปเที่ยวสบายๆในเมืองเลห์ 
เริ่มที่ พระราชวังเชย์ (Shey Palace) ตอนแสงสวยๆ
แล้วไปต่อที่ วัดเฮมิส (Hemis monastery) 
             
พระราชวังเชย์ (Shey Palace)
วิวด้านหน้าพระราชวังเชย์ (Shey Palace)  องค์พระศากยมุณี ภายในพระราชวังเชย์
วัดเฮมิส (Hemis Monastery)
องค์คุรุปัทมสัมภวะ ภายในวัดเฮมิส  วัดเฮมิส (Hemis Monastery)


 
พระราชวังเชย์ (Shey Palace)
แต่เดิมเมืองเชย์ เป็นเมืองหลวงเก่าของลาดักห์
พระราชวังนี้สร้างโดยกษัตริย์ Deldan Namgyal เพื่อระลึกถึงผู้เป็นพระบิดา Singge Namgyal 
กำแพงของพระราชวังถูกฉาบด้วยทองคำผสมทองแดง ก่อสร้างเพื่อเป็นพระราชวังฤดูร้อนของกษัตริย์แห่งลาดักห์ ภายในมีองค์พระศากยมุณีที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคนี้
วัดเฮมิส (Hemis monastery) 
เป็นวัดเก่าแก่ที่มีชื่อเสียง จัดได้ว่าใหญ่ที่สุดและมั่งคั่งที่สุดในลาดักห์ ตั้งอยู่บนฝั่งแม่น้ำสินธุ (Indus River) เช่นเดียวกับวัดสำคัญอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น Lamayuru, Alchi, Stok และ Thiksey
            
  กลางวัน- ได้เวลาท้องหิว กินอาหารกลางวัน
แล้วไปต่อที่ วัดธิคเซย์ (Thiksey Monastery)
วัด Namgail Tsemo Gompa 
พระราชวังเลห์ (Leh Palace) 
              
วัดธิคเซย์ (Thiksey Monastery) พระศรีอารยเมตไตรย์ วัดธิคเซย์
วัดธิคเซย์ (Thiksey Monastery) พระศรีอารยเมตไตรย์ วัดธิคเซย์
พระราชวังเลห์ (Leh Palace) Shanti Stupa
พระราชวังเลห์ (Leh Palace)  Shanti Stupa


 
วัดธิคเซย์ (Thiksey Monastery) 
เป็นวัดที่สวยงามที่สุดของลาดักห์ อยู่ในนิกายเกลุคปา ภายในวัดมีองค์พระศรีอารยะเมตไตรย์
ซึ่งชาวพุทธสายมหายาน
เชื่อว่าเป็นพระโพธิสัตว์องค์ต่อไป ที่จะคอยช่วยเหลือมนุษย์
วัด Namgail Tsemo Gompa 
สร้างตั้งแต่ปี ค.ศ.1430 ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปขนาดใหญ่ และพระคัมภีร์เก่าแก่จากทิเบต บริเวณเหนือตัววัดจะเป็นป้อมปราการเก่า เป็นจุดชมวิวที่สามารถเห็นเมืองเลห์ได้อย่างสวยงาม
พระราชวังเลห์ (Leh Palace)
เป็นพระราชวัง ที่ตั้งอยู่อย่างโดดเด่นกลางเมืองเลห์ สร้างในปี ค.ศ. 1630 มีลักษณะรูปแบบสถาปัตยกรรมใกล้เคียงกับพระราชวังโปตาลาในทิเบต คือมีผนังเอียงเข้าหากันทุกด้าน
Shanti Stupa
อยู่ห่างจากตัวเมืองเลห์ประมาณ 2 กิโลเมตร Shanti Stupa เป็นเจดีย์สันติภาพที่สร้างขึ้นโดยชาวญี่ปุ่น และมีการทำพิธีเปิดโดยองค์ดาไลลามะ เมื่อปี ค.ศ.1985 
ที่นี่เป็นจุดชมวิวที่สามารถเห็นตัวเมืองเลห์ และ พระราชวังเลห์ ได้อย่างชัดเจน
         
  แล้วปิดท้ายของวันนี้กันที่ Shanti Stupa ชมบรรยากาศยามเย็น แสงสีทองจับทิวเขาขณะอาทิตย์ตกลับขอบฟ้า สวยงามจับใจ
เย็นถึงค่ำ- กลับเข้าสู่ที่พัก แล้วเข้านอนใครต้องการไปเดินเล่นในเมือง 
หรือจะไป Shopping ก็ตามสะดวก แล้วค่อยกิน
อาหารเย็นพร้อมกัน
คืนนี้หลับสบายกันที่เลห์
               
                
วันที่แปด วันอาทิตย์ที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2559  (ขึ้น 3 ค่ำ )
  คืนนี้ค้างคืนที่ระดับความสูง 3,500 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล บางคนอาจจะมีอาการแพ้ความสูง 
เช่น อาจเวียนหัว ปวดหัว ปวดบ่า ปวดไหล่ ท้องเสีย อาเจียน นอนไม่หลับ หายใจไม่ถนัด เหนื่อยง่าย 
ให้ดื่มน้ำเยอะๆ  ทำกิจกรรมช้าๆ เดินช้าๆ ไม่ควรวิ่งหรือกระโดด
เส้นทาง leh - lamayuru
เดินทาง leh-lamayuru 
ระยะทางประมาณ 140 กม. นั่งรถ 5-6 ชม.
   รถส่วนตัว mahindra scorpio/xylo 
   นั่งคันละ 3คน เก็บของบนหลังคา 
ที่พัก Hotel Moon Land  
หรือ เทียบเท่า in LAMAYURU

วิวสวยมาก ห้องพักไม่สะอาดนัก พอพักได้
           
  ตื่นเช้า- กินอาหารเช้า แล้วออกเดินทาง 
เช้านี้เราจะไปเที่ยวกันที่ บาสโก้ (Basgo) และ วัดลิคีร์ (Likir Gompa) 
*ระยะทางประมาณ 70 กิโลเมตร นั่งรถประมาณ 2-3 ชั่วโมง 
             
วิวจากวัดลิกีร์ (View from Likir Gompa)
บาสโก้ (Basgo) วันแรมทาง วัดลิกีร์ (Likir Gompa)
บาสโก้ (Basgo) วัดลิกีร์ (Likir Gompa)


 
วัดลิคีร์ (Likir Gompa) 
วัดนี้มีพระพุทธรูปพระศรีอาริยเมตไตรย์ ขนาดใหญ่ ทิวทัศน์บริเวณหุบเขาที่อยู่ระหว่างทางไปสู่
วัดลิคีร์ ผ่านโตรกลึก ลำธารน้ำใส ถนนพับไปพับมาตามไหล่เขา ทำให้หมู่บ้านสดชื่นมีชีวิตชีวา
บาสโก้ (Basgo)
แห่งหมู่บ้านบาสโก้ ชุมชนเล็กๆก่อนเข้าถึง หมู่บ้านอัลชิ 
บาสโก้มีชื่อเสียงเพราะ UNESCO Asia-Pasific Heritage ภายในมีวัดและพระพุทธรูป
พระศรีอาริยเมตไตรย์ ขนาดใหญ่ที่ปั้นด้วยดินเหนียว เก่าแก่และงดงามมากองค์หนึ่ง
           
Moon Land หุบเข้าโลกพระจันทร์
Moon Land หุบเข้าโลกพระจันทร์  Lamayuru Gompa วัดลามายุรุ


 
ลามายุรุ (Lamayuru)
อยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเล 3,510 เมตร (10,520 ฟุต) ด้วยทำเลที่ตั้งของลามายุรุนั้นเคยเป็นทะเลสาบมาก่อน ปัจจุบันท้องทะเลสาบแห้งสนิทเห็นชั้นดินที่ธารน้ำแข็งกัดเซาะเป็นร่องลึก 
และเป็นชั้นๆสวยงามแปลกตา จนถูกขนานนามว่า Moon Land หรือ โลกพระจันทร์
วัดลามายุรุ (Lamayuru Gompa) วิหารของวัดตั้งอยู่บนยอดเขาสูงแวดล้อมด้วยเทือกเขาขนาดใหญ่ ภายในวัดมีถ้ำเล็กๆซึ่งประดิษฐานประติมากรรมรูปลามะองค์สำคัญได้แก่ท่านมอราปะ 
ผู้ก่อตั้งนิกาย Kagyupa ซึ่งเชื่อกันว่าท่านเคยมาปฏิบัติสมาธิภาวนาในถ้ำแห่งนี้
            
  กลางวัน- กินอาหารกลางวัน ระหว่างทาง
แล้วออกเดินทางต่อสู่ ลามายุรุ จุดหมายปลายทางของเราในวันนี้
*ระยะทางประมาณ 70 กิโลเมตร นั่งรถประมาณ 2-3 ชั่วโมง 
ระหว่างทางผ่าน หุบเขาที่สภาพคล้ายผิวดวงจันทร์มากที่สุด
แวะถ่ายรูปกันบริเวณที่เรียกว่า Moon Land 
ถึงลามายุรุ ไปเที่ยวกันที่ วัดลามายุรุ (Lamayuru Gompa)
ช่วงเย็น- เข้าสู่ที่พัก กินอาหารค่ำ
จากนั้นพักผ่อนกันตามอัธยาศัย เก็บแรงไว้เดินทางในวันรุ่งขึ้น
             
         
วันที่เก้า วันจันทร์ที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2559  (ขึ้น 4 ค่ำ )
เส้นทาง lamayuru - alchi 
เดินทาง lamayuru-alchi   
ระยะทางประมาณ 60 กม. 
นั่งรถ 2-3 ชม.
   รถส่วนตัว mahindra scorpio/xylo 
   นั่งคันละ 3 คน เก็บของบนหลังคา
 
ที่พัก Hotel Zemkhang 
หรือ เทียบเท่า in ALCHI
พอพักได้ บรรยากาศพื้นเมือง
           
  ตื่นเช้า- กินอาหารเช้าแล้ว ออกเดินทางสู่ หมู่บ้านอัลชิ 
*ระยะทางประมาณ 60 กิโลเมตร นั่งรถนาน 2-3 ชั่วโมง 
ระหว่างทางแวะเที่ยว หมู่บ้าน Temisgang Village
เที่ยวชม พระราชวัง Tingmosgang และ วัด Tingmosgang Gompa
             
 
 พระราชวัง Tingmosgang และ วัด Tingmosgang Gompa


 
หมู่บ้าน Temisgang Village 
ตั้งอยู่อยู่ริมฝั่งแม่น้ำสินธุ 
แต่เดิมที่นี่เคยเป็นเมืองหลวงโบราณของ ราชอาณาจักรแชม (Syham Kingdom) 
บนเนินเขาเป็นที่ตั้งของ ปราสาท Tingmosgang Castle และ วัด Tingmosgang Gompa
Tingmosgang สร้างขึ้นโดยกษัตริย์ Drag-pa-Bum ในศตวรรษที่ 15 ต่อมาภายหลังกษัตริย์ Bhagan ซึ่งคือหลานปู่ของ Drag-pa-Bum ได้ขยายอาณาจักรจนยิ่งใหญ่ และเป็นผู้ก่อกำเนิด
ราชวงศ์นัมเกล (Namgyal Dynasty) อันมีความหมายว่าชัยชนะ  ราชวงศ์นัมเกล นับได้ว่าเป็นราชวงศ์ที่สองของลาดักห์ ที่มีอำนาจทางการปกครองมากในสมัยนั้น เชื้อสายของราชวงศ์นี้
ปัจจุบันยังคงอาศัยอยู่ที่ พระราชวังสต็อก (Stok Palace) ไม่ไกลจากเมืองเลห์
  Tingmosgang 
ยังมีความสำคัญในด้านประวัติศาสตร์ คือ หลังจากการสิ้นพระชนม์ของ
ดาไลลามะองค์ที่ 5 แห่งทิเบต ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ได้ส่งคณะทูต
นำโดย สังฆราชา
แห่งนิกายดรุกปะ (Drukpa) มาที่ Tingmosgang ในปี ค.ศ. 1684 และได้มีการเซ็นลงนาม 
ภายใต้ สนธิสัญญา Tingmosgang  ระหว่างราชอาณาจักรทิเบตและลาดักห์ ในประเด็นเขตแดน
ระหว่างสองราชอาณาจักร ข้อตกลงทางศาสนาและการค้า ที่ยังคงยึดถือมาจนถึงปัจจุบัน
                 
วัดอัลชิ (Alchi Gompa) พระโพธิสัตวิ์ ภายในวัดอัลชิ
วัดอัลชิ (Alchi Gompa)
วัดเก่าแก่อายุหลายร้อยปี เป็นวัดเล็กๆในหมู่บ้านที่ดูเงียบสงบ วิหารของวัดนี้สร้างด้วยไม้ 
ผสมโครงสร้างที่เป็นอิฐ 
ในรูปแบบดั้งเดิมของชาวลาดักห์ ภายในวิหารเก่าๆนั้น
มีพระพุทธรูปทองคำประดิษฐานอยู่ด้วย ด้านหลังวัดติดกับลำธารที่มีน้ำสีฟ้าสวยทีเดียว
 
  เที่ยง- เดินทางถึงหมู่บ้านอัลชิ เข้าสู่ที่พัก กินข้าวกลางวัน
แล้วไปเที่ยวชม วัดอัลชิ (Alchi Gompa) ต่อเลย
บ่ายถึงเย็น- เดินเล่นในหมู่บ้าน กินอาหารเย็น คืนนี้พักผ่อนสบายๆ
               
                 
วันที่สิบ วันอังคารที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2559  (ขึ้น 5 ค่ำ )
  วันนี้ต้องเดินทางไกล ขึ้นสู่พื้นที่สูงระดับเกิน 5,500 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล 
ถนนไม่ดีในหลายๆช่วง ต้องขับผ่านทางสูงชัน เส้นทางลัดเลาะ
ไปตามภูเขาสูง ทางเลียบหน้าผา
รถวิ่งได้ช้า ถนนหลายช่วงขรุขระและเป็นหลุมลึก ให้เตรียมตัว เรื่องความลำบากในการนั่งรถ 
กระแทก กระเด็นกระดอน รวมถึงอาการเมารถ และการเข้าห้องน้ำระหว่างทาง  
*คืนนี้ค้างคืนที่นูบราวัลเลย์ ที่ระดับความสูงเกิน 3,500 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล 
บางคนอาจจะเมารถ และมีอาการแพ้ความสูง เช่น อาจเวียนหัว ปวดหัว ปวดบ่า ปวดไหล่ 
ท้องเสีย อาเจียน นอนไม่หลับ หายใจไม่ถนัด เหนื่อยง่าย
 ให้ดื่มน้ำเยอะๆ  ทำกิจกรรมช้าๆ
เดินช้าๆ ไม่ควรวิ่งหรือกระโดด
เส้นทาง alchi - leh - nubra valley
เดินทาง alchi-leh ระยะทาง 80 กม. นั่งรถ 2-3 ชม.
  leh-nubra ระยะทาง 150 กม. นั่งรถ 5-6 ชม.
   รถส่วนตัว mahindra scorpio/xylo 
   นั่งคันละ 3 คน เก็บของบนหลังคา
ที่พัก Hotel Grand Nubra 
หรือ เทียบเท่า in NUBRA VALLEY

บรรยากาศสบายๆ กลางหุบเขาที่ร่มรื่น
               
 

ตื่นเช้า- กินอาหารเช้ากัน วันนี้ต้องเดินทางไกลมากอีกครั้ง

ขึ้นรถมุ่งหน้าสู่ เมืองเลห์ (Leh) 
*ระยะทางประมาณ 80 ก.ม. ใช้เวลาเดินทาง 2-3 ชั่วโมง
เที่ยง- กินอาหารกลางวัน ระหว่างทาง
แล้วขึ้นรถมุ่งหน้าสู่ นูบราวัลเล่ย์ (Nubra Valley) 
*ระยะทางประมาณ 150 ก.ม. ใช้เวลาเดินทาง 4-5 ชั่วโมง
ผ่านเส้นทางรถยนต์สูงที่สุดในโลกคือ กาดุงลาพาส Khardung-La Pass 
(altitude 5,578 m) 
แวะถ่ายรูป สนุกสนานกันตามสมควรแก่เวลา
            
Khardung-la Pass อูฐสองหนอก ที่ sand dune
Khardung-La Pass ขี่อูฐสองหนอก ที่ sand dune


 
นูบราวัลเลย์ (Nubra Valley)  
อยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเล 3,048 เมตร (10,000 ฟุต)
เป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางคารวานในอดีต เชื่อมต่อกับเส้นทางสายไหมอันโด่งดัง 
นูบราหมายถึงหุบเขาแห่งดอกไม้ เป็นแหล่งปลูก Apricot และผลไม้หลากหลายของลาดักห์
และเป็นที่อยู่อาศัย ของนกนานาชนิด อยู่ห่างจากเลห์ไปทางเหนือ ประมาณ 150 กิโลเมตร 
โอบล้อมด้วยเทือกเขาหิมาลัยและเทือกเขาคาราโครัม (Karakoram Range) 
ซึ่งเทือกเขาคาราโครัมนี้ เป็นเขตแดนตามธรรมชาติกั้นอินเดียกับปากีสถาน 
 
  ช่วงบ่าย- เดินทางถึง นูบราวัลเลย์ เข้าสู่ที่พัก เก็บของพักเหนื่อย 
พอแดดร่มๆ ไปเที่ยวที่ เนินทราย Sand Dunes
ไปดู อูฐหลัง 2 หนอก (Bactrian camels) ที่หลงเหลือมาจากสมัยที่ขบวนคาราวานยังผ่านไปมา ในเส้นทางสายไหม Trans-Karakoram อันเก่าแก่
ทุกวันนี้อูฐทำงานรับจ้างบริการนักท่องเที่ยว แทนอาชีพคาราวานดั้งเดิม 
เราจะ ขี่อูฐ เดินเล่นบนผืนทะเลทรายกัน
*ค่าอูฐ และค่าทิปให้คนจูงอูฐ ไม่รวมอยู่ในค่าทัวร์ ต่างคนต่างจ่ายกันตรงนั้น
  เผื่อเงินค่าอูฐและทิป ประมาณ 500-600 รูปี
เย็นถึงค่ำ- แวะไปเที่ยวเดินตลาดเล็กๆในหมู่บ้าน แล้วกลับเข้าสู่ที่พัก 
กินอาหารเย็น คืนนี้หลับสบายกันที่ นูบราวัลเล่ย์
             
          
วันที่สิบเอ็ด วันพุธที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2559  (ขึ้น 6 ค่ำ )
เส้นทาง nubra - turtuk - samstanling
เดินทาง นั่งรถเที่ยวทั้งวัน
   รถส่วนตัว mahindra scorpio/xylo 
   นั่งคันละ 3 คน เก็บของบนหลังคา
ที่พัก Hotel Grand Nubra  
หรือ เทียบเท่า in NUBRA VALLEY

บรรยากาศสบายๆ กลางหุบเขาที่ร่มรื่น
            
 

ตื่นเช้า- กินอาหารเช้า แล้วรีบออกไปเที่ยวกัน วันนี้เที่ยวหลายที่เลย

ขึ้นรถมุ่งหน้าสู่ หมู่บ้าน Turtuk Village
*ระยะทางประมาณ 90 ก.ม. ใช้เวลาเดินทาง 2-3 ชั่วโมง
สบายๆเที่ยวชมบรรยากาศในหมู่บ้าน เบื่อแล้วค่อยกลับที่พัก
 
Turtuk Valley เด็กน้อยที่ Turtuk Village


 
หมู่บ้าน Turtuk Village   
เป็นหมู่บ้านสุดท้ายชายแดนอินเดีย ติดเขตแดนปากีสถาน
ตั้งอยู่บนฝั่งแม่น้ำ Shyok ในหุบเขานูบรา (Nubra Valley) ห่างจากเมืองเลห์ ประมาณ 205 กม.
ที่นี่ได้ชื่อว่าเป็นประตูสู่ ธารน้ำแข็ง Siachen Glacier
      ชาวบ้านส่วนใหญ่ที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านเป็นชาวมุสลิม พูดภาษา Baltistani ภาษาอูรดู และภาษาลาดักห์ หมู่บ้าน Turtuk อยู่ภายใต้การปกครองของปากีสถาน ตั้งแต่เมื่อครั้งที่อินเดียและ 
ปากีสถานได้รับเอกราชจากอังกฤษ จนกระทั่งในช่วงสงครามอินโด-ปากีสถาน ในปี ค.ศ. 1971
อินเดียจึงได้ควบคุมพื้นที่ยุทธศาสตร์แห่งนี้ ทั้งสองประเทศมีความขัดแย้งรุนแรงอีกครั้งเหนือ
พื้นที่บริเวณนี้ในปี ค.ศ. 1999 ในระหว่างสงครามการ์กิล (Kargil War) จึงไม่แปลกที่ระหว่างสองข้างทาง เราจะพบอนุสาวรีย์เล็กๆ ที่สร้างขึ้นเพื่อรำลึกถึงทหารผู้กล้าที่สละชีวิตจากสงคราม
      ด้วยทัศนียภาพของหุบเขาที่สวยงาม หมู่บ้านแห่งนี้เพิ่งเปิดให้นักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามา
เยือนได้ในปี ค.ศ. 2010 แม้ว่าจะเป็นหมู่บ้านของชาวมุสลิม แต่ก็พอมีวัดเก่าแก่ในศาสนาพุทธให้เห็นอยู่บ้าง  
             
พระศรีอารยเมตไตรย์ วัด Diskit วัด Diskit - Nubra Valley
พระศรีอารยเมตไตรย์ วัด Diskit วัด Diskit - Nubra Valley
วัด Samstanling Gompa นูบราวัลเลย์ (Nubra Valley)
วัด Samstanling Gompa นูบราวัลเลย์ (Nubra Valley)
           
  เที่ยง- กินอาหารกลางวัน 
เริ่มที่ วัดดิสกิต (Diskit Gompa) วัดเก่าแก่ที่สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ.1420
แล้วข้ามฝั่งแม่น้ำไปเที่ยวต่อที่ วัด Samstanling Gompa
ระหว่างทางเป็นเส้นทางที่สวยแปลกตามาก 
วัดนี้เป็นวัดของนิกายหมวกเหลือง (Gelug-pa) ที่ค่อนข้างใหม่
อายุเพียงกว่าร้อยปี คือสร้างเมื่อปี ค.ศ. 1841 
ใน guidebook บอกว่าเป็นวัดที่เป็นที่เลื่อมใสที่สุดในหุบเขานูบรา
เย็นถึงค่ำ- กลับที่พัก กินอาหารเย็น คืนนี้หลับสบายกันอีกสักคืนที่ นูบราวัลเล่ย์
            
          
วันที่สิบสอง วันพฤหัสบดีที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2559  (ขึ้น 7 ค่ำ )
  วันนี้ต้องเดินทางไกล ขึ้นสู่พื้นที่สูงระดับเกิน 5,300 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล 
ถนนไม่ดีในหลายๆช่วง ต้องขับผ่านทางสูงชัน เส้นทางลัดเลาะ
ไปตามภูเขาสูง ทางเลียบหน้าผา
รถวิ่งได้ช้า ถนนหลายช่วงขรุขระและเป็นหลุมลึก ให้เตรียมตัว เรื่องความลำบากในการนั่งรถ 
กระแทก กระเด็นกระดอน รวมถึงอาการเมารถ และการเข้าห้องน้ำระหว่างทาง  
*คืนนี้ค้างคืนริมทะเลสาบพันกอง ที่ระดับความสูง 4,350 เมตร (14,270 ฟุต) เหนือระดับน้ำทะเล  
บางคนอาจจะเมารถ และมีอาการแพ้ความสูง เช่น อาจเวียนหัว ปวดหัว ปวดบ่า ปวดไหล่ 
ท้องเสีย อาเจียน นอนไม่หลับ หายใจไม่ถนัด เหนื่อยง่าย ให้ดื่มน้ำเยอะๆ  ทำกิจกรรมช้าๆ 
เดินช้าๆ ไม่ควรวิ่งหรือกระโดด
เส้นทาง nubra velley - pangong lake
เดินทาง nubra valley - pangong lake 
เส้นทางผ่านแม่น้ำ shyok river
  นั่งรถทั้งวัน *ชั่วโมงการเดินทางขึ้นอยู่กับสภาพถนน
   รถส่วนตัว mahindra scorpio/xylo 
   นั่งคันละ 3 คน เก็บของบนหลังคา
ที่พัก Shambala Camp in PANGONG LAKE
พักแรมกันริมทะเลสาบ
            

ตื่นเช้า- กินอาหารเช้ากัน วันนี้ต้องเดินทางไกลมากอีกครั้ง

ขึ้นรถมุ่งหน้าสู่ ทะเลสาบพันกอง (Pangong Tso) 
*เส้นทาง ระยะทาง และชั่วโมงการเดินทาง ประมาณไม่ได้ ขึ้นอยู่กับสภาพถนนในวันนั้น
วันนี้เราเดินทางเรียบแม่น้ำ Shyok River 
เที่ยง- กินข้าวกลางวัน 
ท่ามกลางวิวที่สวยงาม ระหว่างเส้นทางสู่ทะเลสาบพันกอง
             
แม่น้ำ Shyok River  ทะเลสาบพันกอง (Pangong Lake) 


 

ทะเลสาบพันกอง (Pangong Lake) 

มีความยาวถึง 40 ไมล์ กว้าง 2-4 ไมล์ 
พื้นที่ 75% ของทะเลสาบอยู่ในดินแดนทิเบต อีก 25% อยู่ในเขตของอินเดีย 
เป็นทะเลสาบน้ำเค็มที่อยู่สูงที่สุดในโลก คือ 4,350 เมตร (14,270 ฟุต) จากระดับน้ำทะเล
ชื่นชมความงามของทะเลสาบที่มีภูเขาสูงเป็นฉากหลัง น้ำในทะเลสาบแห่งนี้มีสีสันที่งดงามมาก โดยเฉพาะในช่วงเย็นน้ำจะมีสีน้ำเงินเข้ม งดงามจับใจ
ถ่ายรูป สนุกสนานพักผ่อนชื่นชมธรรมชาติกันตามสะดวก
              
 

บ่ายถึงเย็น- เข้าสู่แคมป์ที่พัก พักผ่อนตามสบาย 
ถ่ายรูป ดื่มด่ำกับความงามของทะเลสาบ ชื่นชมธรรมชาติกันเต็มที่

ช่วงค่ำ- กินอาหารค่ำ คืนนี้หลับให้สบายริมทะเลสาบแสนงาม
           
                  
วันที่สิบสาม วันศุกร์ที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2559  (ขึ้น 8 ค่ำ )
  วันนี้ต้องเดินทางไกล ขึ้นสู่พื้นที่สูงระดับเกิน 5,300 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล 
ถนนไม่ดีในหลายๆช่วง ต้องขับผ่านทางสูงชัน เส้นทางลัดเลาะ
ไปตามภูเขาสูง ทางเลียบหน้าผา 
รถวิ่งได้ช้า ถนนหลายช่วงขรุขระและเป็นหลุมลึก ให้เตรียมตัว เรื่องความลำบากในการนั่งรถ 
กระแทก กระเด็นกระดอน รวมถึงอาการเมารถ และการเข้าห้องน้ำระหว่างทาง  
คืนนี้ค้างคืนที่ระดับความสูงเกิน 3,500 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล 
บางคนอาจจะเมารถ และมีอาการแพ้ความสูง เช่น อาจเวียนหัว ปวดหัว ปวดบ่า ปวดไหล่ 
ท้องเสีย อาเจียน นอนไม่หลับ หายใจไม่ถนัด เหนื่อยง่าย
 ให้ดื่มน้ำเยอะๆ  ทำกิจกรรมช้าๆ
เดินช้าๆ ไม่ควรวิ่งหรือกระโดด
เส้นทาง pangong lake - leh
เดินทาง pangong lake - leh 
ระยะทางประมาณ 200 กม. นั่งรถ 5-6 ชม.
   รถส่วนตัว mahindra scorpio/xylo 
   นั่งคันละ 3 คน เก็บของบนหลังคา
ที่พัก Hotel Kidar หรือ เทียบเท่า in LEH
เล็กๆพอพักได้ บรรยากาศพื้นเมือง
ให้อารมณ์การพักกับชาวบ้าน
          
ชางลา (Chang la Pass)
ชางลา (Chang la Pass)  ความงดงามระหว่างทาง
 ความงดงามระหว่างทาง ก่อนกลับเข้าเมืองเลห์ 
            
 

ตื่นเช้า- กินอาหารเช้ากัน วันนี้เราจะกลับเมืองเลห์  

ใช้เส้นทางที่ผ่าน ชางลา (Chang La Pass) ถนนซึ่งสูงเป็นอันดับ 3 ของโลก
*ระยะทางถึงเลห์ประมาณ 200 ก.ม. ใช้เวลาเดินทาง 5-6 ชั่วโมง
เที่ยง- กลับถึงเมืองเลห์ กินอาหารกลางวัน แล้วเข้าสู่ที่พัก
ช่วงบ่าย- ให้เวลาตามอัธยาศัย Shopping ตามสะดวก
Special Dinner
ช่วงค่ำ- กินอาหารเย็นพร้อมกัน ที่ร้านอาหารอร่อยๆในเมือง
คืนนี้หลับสบายกันที่เลห์
               
                  
วันที่สิบสี่ วันเสาร์ที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2559  (ขึ้น 9 ค่ำ )
เที่ยวบิน ภายในประเทศ + ระหว่างประเทศ
  สายการบิน Air India
AI446 IXL-DEL       เวลา 08.00-09.20
AI332 DEL-BKK      เวลา 13.45-19.20
สายการบินแอร์อินเดีย
เส้นทาง leh - delhi - bangkok
เดินทาง leh-delhi นั่งเครื่องประมาณ 1 ชม.
delhi-bangkok นั่งเครื่องประมาณ 4 ชม.
  ช้อปปิ้งในสนามบิน พักผ่อนบนเครื่องบิน
"duty free shopping"
delhi duty free
              
  05.00 น. ตื่นกันแต่เช้ามืด เก็บกระเป๋าออกมาไว้หน้าห้องกันเลย
ทีมงานจะลำเลียงกระเป๋าขึ้นรถ กินอาหารเช้า แล้วออกเดินทางสู่สนามบิน
ถึงสนามบินเลห์ Check in บัตรโดยสารและโหลดสัมภาระ 
*สามารถโหลดกระเป๋าได้หนักไม่เกิน 20 กิโลกรัม
08.00 น. ได้เวลาเครื่องออก เดินทางสู่สนามบินเดลลี 
*ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง
09.20 น. ถึงสนามบินเดลลี ไปเปลี่ยนเครื่องกลับกรุงเทพ
13.45 น. ได้เวลาเครื่องออก *ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 ชม 20 นาที  
กินอาหารกลางวันบนเครื่องบิน
19.20 น. ถึงสุวรรณภูมิ กลับสู่อ้อมกอดของดินแดนมาตุภูมิโดยสวัสดิภาพ
พร้อมกับมุมมองใหม่ๆในโลกใบเดิมที่แคบลงเสมอ เมื่อการเดินทางสิ้นสุด .....สวัสดีเมืองไทย
            
               
หมายเหตุ-
โปรแกรมการเดินทาง อาจเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสมของช่วงเวลา
และสถานการณ์เฉพาะหน้า
                    
               
ค่าทัวร์ 59,000  บาท
ค่าตั๋วเครื่องบิน 21,300* บาท
หมายเหตุ-  จ่ายค่าตั๋วเครื่องบินตามราคาจริง ณ วันที่ออกตั๋ว *เป็นราคาตั๋วโดยประมาณ
             
  โปรดทราบ- 
การคำนวณค่าใช้จ่ายต่างๆ คิดจากอัตราแลกเปลี่ยน ที่ 36.00 บาทต่อเหรียญสหรัฐ 
ทางบริษัทฯขอสงวนสิทธิ์ในการแจ้งปรับเปลี่ยนราคาค่าเดินทาง 
หากมีการเปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้นของอัตราแลกเปลี่ยน 
โดยยึดอัตราแลกเปลี่ยน ณ วันที่จ่ายเงินค่าทัวร์ครบเต็มจำนวนเป็นหลัก
  เงื่อนไข
ราคารวม "ค่าตั๋วเครื่องบิน และทุกอย่างแล้ว"
ต้องการนอนเดี่ยว จ่ายเพิ่ม ท่านละ 12,000 บาท
  ส่วนลดพิเศษ
ทำวีซ่าอินเดียเอง ลด 2,000 บาท
เคยเดินทางกับ วันแรมทาง ลด 1,000 บาท
  ราคานี้รวม-
ค่าตั๋วเครื่องบิน ทุกเส้นทางตามที่ระบุในโปรแกรม
Air India เส้นทาง 
 Bangkok-Delhi-Kullu
 Leh-Delhi-Bangkok
ค่าธรรมเนียมน้ำมันและภาษีสนามบินไทย-อินเดีย 
ค่าวีซ่าอินเดีย 
ยา Acetazolamide (Diamox) 250 mg มีสำหรับทุกท่าน
O2 ออกซิเจน ฟรี .. ส่วนตัวคนละ 2 กระป๋อง , ติดรถเป็นกองกลาง 1 แท็งค์
อาหารมื้อหลักทุกมื้อ รวม ชา กาแฟ ของหวาน ผลไม้
ที่พัก โรงแรมเทียบเท่าตามที่ระบุ พักห้องละ 2-3 ท่าน  
ค่ารถตลอดเส้นทาง นั่งคันละ 3 คน (ทุกคนได้นั่งริมหน้าต่าง)
ค่าบัตรเข้าชมสถานที่ต่างๆ เฉพาะตามที่ระบุในโปรแกรม
ค่าบริการ หัวหน้าทัวร์คนไทย/ไกด์ท้องถิ่น (ไม่รวมทิป) 
 ประกันอุบัติเหตุ 
CHARTIS New Hampshire Insurance วงเงิน 2,000,000 บาท ค่ารักษาพยาบาล 500,000 บาท
เงื่อนไข- ภายใต้ข้อตกลงที่มีไว้กับบริษัทประกันชีวิต ครอบคลุมเฉพาะกรณีอุบัติเหตุ 
ไม่ครอบคลุมกรณี เจ็บไข้ ป่วย เป็นไข้หวัด ท้องเสีย หรือ อาหารเป็นพิษ ระหว่างเดินทาง
  ราคานี้ไม่รวม-
ค่ากล้องถ่ายรูป และ ค่ากล้องวีดีโอ ซึ่งเรียกเก็บเป็นบางสถานที่
ค่ากิจกรรมต่างๆ เช่นขี่อูฐ เป็นต้น
ค่าทิป หัวหน้าทัวร์คนไทย
ค่าทิป guide หรือ escort  ชาวอินเดีย
ค่าทิป พนักงานบริการในโรงแรม คนขับรถ เด็กยกกระเป๋า และทิปอื่นๆ
ค่าใช้จ่ายอื่นๆ นอกเหนือจากที่ระบุไว้ในรายการ
  ค่าทิป-
 ทีมงานอินเดีย (escort คนขับรถ) 
   เผื่อเงินไว้ประมาณ 5,600 รูปี หรือ 2,800 บาท สำหรับ 14 วัน ในอินเดีย
  เด็กยกกระเป๋าที่โรงแรม ควรให้ไม่ต่ำกว่า 20 รูปี ต่อครั้ง
  หัวหน้าทัวร์คนไทย แล้วแต่ความพอใจ
                  
              
การชำระเงิน
1) จ่ายมัดจำค่าทัวร์ จำนวน 10,000 บาท จ่ายทันทีที่จอง 
2) จ่ายค่าตั๋วเครื่องบิน จำนวน 21,300 บาท จ่ายทันทีที่จอง ตามราคาออกตั๋วจริง
*กรุณาโทรสอบถามค่าตั๋วก่อนโอนเงิน
3) จ่ายส่วนที่เหลือ จำนวน 24,500 บาท ภายในวันที่  28 มิถุนายน 59
    จำนวน 24,500 บาท ภายในวันที่  28 กรกฎาคม 59
               
                
เงื่อนไขการให้บริการ
  จองล่วงหน้าตามช่วงเวลาที่กำหนด 
ชำระเงินตามเงื่อนไขที่กำหนด
  กรณีลูกทัวร์แจ้งขอยกเลิกการเดินทาง
 แจ้งยกเลิกก่อนการเดินทางไม่น้อยกว่า 30 วัน  คืนเงินค่าทัวร์ โดยหักค่าใช้จ่ายตามที่เกิดขึ้นจริง
 แจ้งยกเลิก ก่อนการเดินทางไม่น้อยกว่า 15 วัน หักเงินค่าทัวร์ 50%
 แจ้งยกเลิก ก่อนการเดินทางน้อยกว่า 15 วัน เก็บค่าทัวร์เต็มจำนวนในทุกกรณี
  เมื่อท่านออกเดินทางกับคณะแล้ว ถ้าท่านงดการใช้บริการรายการใดรายการหนึ่ง เช่น 
ไม่เที่ยวบางรายการ ไม่ทานอาหารบางมื้อ หรือไม่เดินทางพร้อมคณะ 
ถือว่าท่านสละสิทธิ์
ไม่อาจเรียกร้องค่าบริการและเงินมัดจำคืนได้ ไม่ว่ากรณีใดๆ ทั้งสิ้น
  เมื่อท่านตกลงชำระเงิน ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน 
ถือว่าท่านได้ยอมรับเงื่อนไขข้อตกลงต่างๆ ที่ได้ระบุไว้แล้วทั้งหมด
               
             
ขั้นตอนง่ายๆในการจองทริปกับเรา
1  2  3  4 
คลิกเพื่อจองทริป คลิกตรวจรายชื่อ คลิกเพื่อโอนเงิน คลิกเพื่อส่งเอกสาร
       
บริการของเรา
คำแนะนำ เตรียมของ เตรียมของ ฝากแลกเงิน จองโรงแรม
                  
              
               
  ถ้ามีปัญหาสั่งพิมพ์ไม่ได้ กรุณาโทรแจ้ง 024054561, 0816928233 
หรือส่ง email แจ้งขอโปรแกรมได้ที่ 
info@wanramtang.com
 
              
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
ที่อยู่ แผนที่ วันแรมทาง
บ้านวันแรมทาง
1/60 ซ. อนามัยงามเจริญ 12 แขวงท่าข้าม เขตบางขุนเทียน กรุงเทพ 10150
โทรศัพท์  024054561
แฟกซ์  024054560
มือถือ - ปลา 0898119139 (AIS)
มือถือ - นุ้ย 0816928233 (DTAC)
Email info@wanramtang.com  และ  wanramtang@hotmail.com
Line ID/โทรศัพท์ wanramtang3 / 0876997475
 
วันทำงาน วันจันทร์-วันศุกร์ เวลา 09.00-18.00 น.
วันเสาร์ เวลา 09.00-12.00 น.
วันอาทิตย์ หยุดงาน งดการติดต่อทุกเรื่อง
ถ้าไม่รับสายหรือโทรไม่ติด กรุณาส่งเป็นข้อความ sms ส่ง email หรือ Line
         
หรือติดต่อผ่านระบบอัตโนมัติ ด้านล่างนี้

 


ชื่อ :  *
เบอร์โทรศัพท์ :  *
อีเมล :  *
ชื่อทริปเดินทาง :  *
วันที่เดินทาง :  *
ต้องการ : จองทริป
สอบถาม
หัวข้อที่ต้องการสอบถาม :
รายละเอียด :



ทัวร์อินเดีย




ใบอนุญาตประกอบธุรกิจนำเที่ยว เลขที่ 11/06037
ติดต่อเรา
โปรแกรมการเดินทาง
dot
dot
dot
dot
dot
dot
dot
dot










อุณหภูมิ พยากรณ์อากาศ
คำแนะนำเรื่อง อาการแพ้ความสูง Altitude Sickness อาการเวลาอยู่บนพื้นที่สูง Acute Mountain Sickness (AMS)


Copyright © 2007-2037 สงวนลิขสิทธิ์ภาพและบทความที่จัดทำขึ้นโดยเว็บไซต์ ห้ามลอกโดยเด็ดขาด
ติดต่อเรา
บริษัท อัพเดททัวร์แอนด์ทราเวล จำกัด
เลขที่ 1/60 ซอยอนามัยงามเจริญ 12 แขวงท่าข้าม เขตบางขุนเทียน กรุงเทพ 10150
โทรศัพท์ : 024054561 , 0816928233 (dtac) , 0898119139 (ais)
Email : wanramtang@hotmail.com
Line ID: @wanramtang