สัตตมหาสถาน
ReadyPlanet.com
dot dot
สัตตมหาสถาน
         
สัตตมหาสถาน
    
  สัตตมหาสถาน 
คือ สถานที่ทรงยับยั้งอยู่เพื่อเสวยวิมุตติสุขหลังจากทรงตรัสรู้แล้ว 7 แห่ง แห่งละ 7 วัน รวม 49 วัน เพื่อพิจารณาพระโพธิญาณที่ได้ทรงตรัสรู้นั้นให้แน่พระทัย
โพธิบังลังก์
  สัปดาห์ที่ 1 - โพธิบังลังก์
โพธิบัลลังก์ อยู่ในปริมณฑลที่ทรงตรัสรู้ ด้านทิศตะวันตกของพระมหาเจดีย์ นับได้ว่า
เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ศูนย์รวมจิตใจของชาวพุทธทั่วโลก ผู้มีศรัทธาต่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ต่างพากันมาสักการะจากทั่วทุกมุมของโลกมิได้ขาด
   พระพุทธองค์ประทับเสวยวิมุตติสุขอยู่ ณ บริเวณต้นพระศรีมหาโพธิ์ เป็นสัปดาห์แรก ทรงใคร่ครวญปฏิจจสมุปปบาท ทั้งปฏิโลมและอนุโลม ทั้งสายเกิดและสายดับ
ทรงเปล่งอุทานว่า เราท่องเที่ยวมานาน 4 อสงไขย กำไรอีกแสนกัป ณ บัลลังก์แห่งนี้
เป็นวิชัยบัลลังก์ เป็นมงคลบัลลังก์ เราจะนั่งอยู่เหนือบัลลังก์นี้ตลอด ตราบใดดำริของเรา
ยังไม่บริบูรณ์ จักไม่ลุกขึ้น แล้วทรงเข้าสมาบัติ ประทับนั่งเสวยวิมุตติสุข โดยโพธิบัลลังก์นี้ ตลอด 7 วัน
          
อนิมิสเจดีย์
  สัปดาห์ที่ 2 - อนิมิสเจดีย์
เจดีย์ทาสีขาว ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของต้นพระศรีมหาโพธิ์
ทางขวามือเมื่อเข้าไปในบริเวณโพธิมณฑล ที่แห่งนี้เรียกว่า อนิมิสเจดีย์ 
เป็นที่พระพุทธองค์ประทับเสวยวิมุติสุข ในสัปดาห์ที่ 2 หลังจากทรงตรัสรู้แล้ว 
โดยที่ประทับยืนทอดพระเนตรต้นพระศรีมหาโพธิ์ ตลอด 7 วัน
   หลวงจีนฟาเหียน กับพระถังซัมจั๋ง ได้พรรณาไว้เหมือนกันว่า "ด้านขวาทางทิศเหนือ
ของสถานที่พระพุทธเจ้าเสด็จ (จงกรม) มีหินก้อนใหญ่วางอยู่ และบนหินก้อนใหญ่นี้มีพระพุทธรูปประดิษฐานอยู่ พระพุทธรูปองค์นี้ลืมพระเนตรกว้างชำเลืองขึ้นบนท้องฟ้า"
 พระพุทธองค์ทรงออกจากสมาบัติเป็นวันที่ 8 นับแต่ทรงตรัสรู้ ทรงแสดง
ยมกปาฏิหารย์เพื่อระงับความปริวิตกของเทวดา ที่พระพุทธองค์ประทับอยู่ 7 วันนั้น 
เพราะยังไม่ทรงละความอาลัยในบังลังก์ ทรงบันดาลท่อน้ำท่อไฟ ให้พวยพุ่งออกจากส่วนของพระวรกายเป็นคู่ เป็นต้น
 พระบรมศาสดาประทับยืนทางด้านทิศเหนือ ทรงลืมพระเนตรแลดูบังลังก์ 
และต้นโพธิ์อันเป็นสถานที่บรรลุแห่งพระบารมีทั้งหลาย ด้วยดวงพระเนตรที่ไม่กระพริบอยู่ตลอด 7 วัน สถานที่นี้จึงชื่อว่า อนิมิสเจดีย์
                 
รัตนจงกรมเจดีย์
  สัปดาห์ที่ 3 - รัตนจงกรมเจดีย์
ณ บริเวณข้างพระมหาเจดีย์ด้านทิศเหนือ มีหินทรายสลักเป็นดอกบัวบานรับแสงอาทิตย์
จำนวน 19 ดอก มีแท่นหินทรายแดงยาวประมาณ 6 เมตร และมีป้ายหินอ่อนปักไว้ให้รู้ว่า
นี้คือ รัตนจงกรมเจดีย์ ที่พระพุทธองค์เสวยวิมุตติสุข ในสัปดาห์ที่ 3 อยู่ระหว่างต้นพระศรีมหาโพธิ์กับอนิมิสเจดีย์ 
   พระบรมศาสดาทรงนิรมิตที่สำหรับจงกรม ระหว่างโพธิบังลังก์ กับที่ประทับยืนเพ่ง
อนิมิสเจดีย์ เพื่อเสด็จจงกรมจากทางทิศตะวันออกจรดทิศตะวันตก ทรงปฏิบัติเช่นนี้ตลอด 7 วัน สถานที่นี้จึงมีชื่อ รัตนจงกรมเจดีย์
               
รัตนฆรเจดีย์
  สัปดาห์ที่ 4 - รัตนฆรเจดีย์
สถานที่ด้านทิศเหนือของพระมหาเจดีย์ ลักษณะรูปทรงเป็นวิหารสี่เหลี่ยม กว้างประมาณ
11 ฟุต ยาวประมาณ 14 ฟุต รอบข้างเต็มไปด้วยเจดีย์โบราณ มีพระพุทธรูปสมัยคุปตะและสมัยปาละ พิจารณาแล้วเห็นว่าน่าจะมีผู้นำมาตั้งไว้ในสมัยหลัง หน้าประตูเข้าด้าน
ตะวันตกมีป้ายบอกว่า รัตนฆรเจดีย์ สถานที่ที่พระพุทธองค์เสวยวิมุตติสุข ในสัปดาห์ที่ 4 ทรงเปล่งฉัพพรรณรังสี ณ สถานที่นี้อยู่ 7 วัน
   อรรถกถาเล่าว่า เทวดาทั้งหลาย เนรมิตเรือนแก้วทางทิศพายัพจากต้นโพธิ์ ถวายพระพุทธองค์ให้ประทับนั่งขัดสมาธิเพ็ชรในเรือนแก้วนั้น และทรงพิจารณาพระอภิธรรม
ปิฎก และสมันตปัฏฐานอนันตรัย ซึ่งมีนัยไม่สิ้นสุดในพระอภิธรรมนั้นโดยพิศดาร ทรงปฏิบัติอยู่เช่นนี้ตลอด 7 วัน สถานที่นี้จึงเรียกว่า รัตนฆรเจดีย์ 
               
ต้นอชปาลนิโครธ
(สถานที่จริง)
  สัปดาห์ที่ 5 - ต้นอชปาลนิโครธ
สถานแห่งนี้อยู่ระหว่างแม่น้ำโมหนี กับแม่น้ำเนรัญชรา ไม่ห่างกันเท่าไรนักกับเนินดินบ้านนางสุชาดา มีเทวาลัยของชาวฮินดู ลักษณะยอดแหลมเช่นเดียวกับสถูปทั่วไป 
บริเวณนั้นมีต้นไทรใบใหญ่ อายุกว่า 100 ปี อยู่หลายต้น ทำให้ระลึกถึงครั้งพุทธกาลว่า 
ณ ที่แห่งนี้เป็นที่ตั้งอยู่ของ ต้นอชปาลนิโครธ ต้นไทรที่เด็กเลี้ยงแพะชอบมาพักอาศัยหลบลมร้อน ฝูงแพะได้เก็บกินใบที่ตกลงมา
   พระพุทธองค์ประทับเสวยวิมุตติสุข ในสัปดาห์ที่ 5 ณ ควงไม้ไทรที่มีชื่อว่า อชปาลนิโครธ ตลอด 7 วัน ทรงตรึกถึงบุคคลที่สมควรรับฟังคำสอน ณ ที่แห่งนี้เกิดคำอุปมา
แห่งบุคคล เหมือนอุบล 4 เหล่า และท้าวสหัมบดีพรหมได้กราบทูลอาราธนาแสดงธรรม
 สถานที่แห่งนี้เมื่อก่อนจะตรัสรู้ พระมหาบุรุษได้ทรงรับข้าวมธุปายาสจากนางสุชาดา ธิดากุฎุมพีแห่งอุรุเวลาเสนานิคม ณ ภายใต้ควงไม้ไทรแห่งนี้เช่นกัน
             
สระมุจลินทร์
(สถานที่จำลอง ภายในบริเวณโพธิมณฑล
  สัปดาห์ที่ 6 - สระมุจลินทร์
สถานที่ประทับเสวยวิมุตติสุข (ตำแหน่งจริง) อยู่ทางด้านตะวันออกเฉียงใต้ของต้นศรีมหาโพธิ์ประมาณ 2 กิโลเมตร ห่างจากแม่น้ำเนรัญชราประมาณครึ่งกิโลเมตร 
อยู่ใกล้กับหมู่บ้านมุจลินทร์ มีเส้นทางสำหรับรถท้องถิ่นผ่าน หรือจะเดินลัดทุ่งนาผ่าน
หมู่บ้านอุเลนก็ได้ จะมีสระน้ำที่ชาวบ้านเรียกว่า มุจลินทร์โปกขรี มีต้นตาลใหญ่ประมาณ 7-8 ต้นล้อมรอบอยู่
 ตามพุทธประวัติกล่าวว่า พระพุทธองค์เสด็จมาเสวยวิมุตติสุข ประทับที่โคนไม้
มุจลินทร์ เป็นเวลา 7 วัน ในสัปดาห์ที่ 6 หลังจากทรงตรัสรู้แล้ว ในช่วงนั้นพายุพัดเมฆ
ฝนมา มีฝนตกพรำตลอด 7 วัน พระยามุจลินท นาคราช ได้เข้าถวายอารักขาด้วยการ
แผ่พังพานพร้อมด้วยขนด 7 รอบ เพื่อป้องกันความหนาว ลม ฝน แดด เหลือบ ยุง มิให้เบียดเบียนพระพุทธองค์
   เมื่อฝนหยุดตกแล้ว มุจลินทนาคราช จึงคลายขนด แล้วจำแลงรูปของตนเป็นมาณพหนุ่ม ถวายนมัสการ ณ เบื้องพระพักตร์ พระองค์จึงทรงเปล่งพระอุทานว่า "ความสงัด
เป็นสุขของบุคคลผู้สันโดษ ผู้มีธรรมปรากฎแล้ว ผู้เห็นอยู่ ความไม่เบียดเบียน คือ ความสำรวมในสัตว์ทั้งหลาย เป็นสุขในโลก"
          
ต้นราชายตนะ
(สถานที่จำลอง ภายในบริเวณโพธิมณฑล)
  สัปดาห์ที่ 7 - ต้นราชายตนะ
สถานที่ต้นไม้เกด ชื่อ ราชายตนะ ที่พระพุทธองค์เคยประทับเสวยวิมุตติสุขนั้น 
อยู่ทางทิศใต้ของต้นพระศรีมหาโพธิ์ ห่างจากแม่น้ำเนรัญชราไปทางทิศตะวันตก ประมาณ 2.5 กม. เป็นทางผ่านของขบวนกองเกวียน ที่พ่อค้าวานิชใช้ติดต่อกันระหว่าง
เมืองพาราณสี นครราชคฤห์ กรุงโกสัมพี มาแต่โบราณกาล ปัจจุบันบริเวณนั้นมีเทวสถานกับต้นโพธิ์ที่ ชาวบ้านผู้นับถือศาสนาฮินดู พากันมาประกอบพิธีตามความเชื่อของตน

ตามความในปฐมสมโพธิกถา กล่าวว่า -
 ในสัปดาห์ที่ 7 หลังจากทรงตรัสรู้แล้ว พระพุทธองค์ประทับเสวยวิมุตติสุข ณ บริเวณควงไม้ราชายตนะ ได้มีพ่อค้าสองพี่น้อง คือ ตปุสสะและภัลลิกะ นำเกวียนบรรทุกสินค้า
จากอุกกลชนบท เดินทางมาถึงที่ประทับเกิดความเลื่อมใส จึงพากันเข้าเฝ้าพร้อมทั้งได้ถวายข้าวสัตตุ ชนิดก้อนและชนิดผง
   พระพุทธองค์ทรงดำริว่า พระตถาคตทั้งหลายย่อมไม่รับด้วยมือ ท้าวเทวราชทั้ง 4
ทรงนำบาตรศิลา 4 ใบ แล้วอธิษฐานให้เป็นบาตรเดียว รับข้าวสัตตุก้อน สัตตุผง จากนั้น 
พ่อค้าสองพี่น้องจึงได้ประกาศตนเป็นอุบาสก ขอถึง พระพุทธ พระธรรม เป็นสรณะตลอด
ชีวิต นับว่าวานิชสองคนนี้ เป็นเทว̣วาจิกอุบาสกพวกแรกในโลก ผู้กล่าวถึงรัตนะสอง คือ พระพุทธ และพระธรรม ว่าเป็นสรณะตลอดชีวิต
  ในอรรถกถาพระวินัยปิฎกมหาวรรค -
 พระพุทธองค์ทรงลูบพระเศียร พระเกสาติดที่พระหัตถ์ แล้วทรงประทานพระเกสา
เหล่านั้นแก่ วานิชทั้งสอง ยังความรื่นเริงยินดีเหมือนได้อภิเษกด้วยอมตธรรม ถวายบังคมลาแล้วหลีกไป นำพระเกศธาตุไปประดิษฐ์ไว้ในพระเจดีย์ ในนครของตน
   ครั้นถึงวันสุดท้ายแห่งสัปดาห์ที่ 7 ที่ประทับนั่ง ณ โคนไม้ราชายตนะนั้น พระพุทธองค์ ทรงดำริว่า จะสรงพระพักตร์ ม้วนพระโอษฐ์ และทรงทำสรีระกิจ 
ท้าวสักกะจอมเทพ จึงได้นำผลสมอ อันเป็นยาสมุนไพรมาถวาย เพื่อถ่ายพระบังคนหนัก และถวายไม้ชำระพระทนต์ น้ำสรงพระพักตร์ เมื่อสิ้นสุด 49 วัน
พระพุทธองค์ก็เสด็จกลับไปประทับ ณ อชปาลนิโครธอีกครั้งหนึ่ง
  ในอรรถกถา กล่าวว่า -
 ระยะแรกหลังจากที่พระพุทธองค์ทรงตรัสรู้ ขณะประทับอยู่ ณ โคนไม้ ราชายตนะ  
ตปุสสะและภัลลิกะ วานิชสองพี่น้องชาวอุตตราปถะ ที่เดินทางจากอุกกาชนบท 
เข้ามาค้าขาย ยังกรุงราชคฤห์ได้ถวายสัตตุผงและสัตตุก้อนแก่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
อันเป็นพระกระยาหารมื้อแรกหลังจากทรงตรัสรู้ ได้ชื่อว่าเทว̣วาจิกอุบาสก 
เป็นอุบาสกคู่แรกในโลก ที่กล่าววาจาขอถึงพระพุทธเจ้าและพระธรรมเป็นสรณะ (ในเวลานั้นยังไม่มีพระสงฆ์) ซึ่งพระพุทธองค์ได้ประทานพระเกศธาตุแก่สองพี่น้องนั้น 
เขาได้บรรจุพระเกศธาตุไว้ในผอบทองคำ สร้างเจดีย์บรรจุพระเกศธาตุนั้นบูชาไว้ที่เมือง อสิตัญชนะ แคว้นอุตตราปถะ ซึ่งเป็นบ้านเกิดของคนทั้งสอง
   ต่อมา คนทั้งสองได้ทราบข่าวว่า หลังจากพระบรมศาสดาทรงแสดงปฐมเทศนาแล้ว เสด็จจากเมืองพาราณสีไปยังกรุงราชคฤห์ จึงได้ตามมาเฝ้าที่กรุงราชคฤห์ 
พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงตรัสแสดงธรรมแก่เธอ ทั้งสองได้บรรลุโสดาปัตติผล ตปุสสะอยู่เป็นอุบาสกไม่บวช ภัลลิกะบวชแล้วได้บรรลุอรหัตตผล พร้อมด้วยอภิญญา 6
 เมื่อพระพุทธองค์ประทับอยู่ที่พระอารามเชตวัน ทรงสรรเสริญชนทั้งสองว่า เป็นเลิศกว่าอุบาสก ผู้ถึงสรณะก่อนผู้ใด
  พระถังซัมจั๋ง – 
พระนักจาริกแสวงบุญชาวจีนเห็นพระเจดีย์และสถูปที่ตรงนี้กล่าวว่า “สถานที่นี้ พ่อค้า 
ชื่อ ตปุสสะ และภัลลิกะ ได้ถวายข้าวตาก และน้ำผึ้ง แก่พระพุทธเจ้าที่ตรงนี้ ซึ่งตั้งอยู่ใกล้สถานที่ที่พระพุทธเจ้าทรงรับข้าวหุงด้วยน้ำนมจากนางสุชาดาก่อนทรงตรัสรู้”

        

 




Tourist Information

พุทธคยา
ทัชมาฮาล



ทัวร์อินเดียคุพภาพเยี่ยม
ใบอนุญาตประกอบธุรกิจนำเที่ยว เลขที่ 11/06037
กดติดตาม facebook วันแรมทาง อัพเดททัวร์แอนด์ทราเวล
ติดต่อเรา วันแรมทาง อัพเดททัวร์แอนด์ทราเวล
dot
โหลดเอกสารที่ต้องจัดส่ง เพื่อขอวีซ่า สำหรับผู้จองทัวร์
dot
dot
ดาวโหลด เอกสารที่ต้องจัดส่งเพื่อขอวีซ่า กรณีจ้างทำวีซ่า
dot
โปรแกรมเดินทาง ทัวร์อินเดีย วันแรมทาง อัพเดททัวร์แอนด์ทราเวล
วิธีการจองทัวร์ วันแรมทาง อัพเดทร์ทัวร์แอนด์ทราเวล
dot
ตรวจสอบสถานะการจองทัวร์ วันแรมทาง อัพเดททัวร์แอนด์ทราเวล
dot
dot
วันแรมทาง บริการคุณภาพ โดยผู้เชี่ยวชาญ
dot
รับทำวีซ่าอินเดีย อัพเดททัวร์แอนด์ทราเวล (วันแรมทาง)
รับทำวีซ่าเนปาล อัพเดททัวร์แอนด์ทราเวล (วันแรมทาง)
รับจอง ตั๋วรถไฟอินเดีย อัพเดททัวร์แอนด์ทราเวล (วันแรมทาง)
รับจอง ตั๋วรถบัสอินเดีย อัพเดททัวร์แอนด์ทราเวล (วันแรมทาง)
คำแนะนำเรื่อง อาการแพ้ความสูง Altitude Sickness อาการเวลาอยู่บนพื้นที่สูง Acute Mountain Sickness (AMS)
ลิงค์เว็บไซต์ พยากรณ์อากาศ ที่เชื่อถือได้




Copyright © 2007-2037 สงวนลิขสิทธิ์ภาพและบทความที่จัดทำขึ้นโดยเว็บไซต์ ห้ามลอกโดยเด็ดขาด
ติดต่อเรา
บริษัท อัพเดททัวร์แอนด์ทราเวล จำกัด
เลขที่ 1/60 ซอยอนามัยงามเจริญ 12 แขวงท่าข้าม เขตบางขุนเทียน กรุงเทพ 10150
โทรศัพท์ : 024054561 , 0816928233 (dtac) , 0898119139 (ais)
Email : wanramtang@hotmail.com
Line ID: @wanramtang