ทัวร์แสวงบุญ สังเวชนียสถาน อินเดีย เนปาล (14-23 กุมภาพันธ์ 2569)
ReadyPlanet.com
dot dot
สังเวชนียสถาน (14-23 กุมภาพันธ์ 2569)
อัพเดทโปรแกรม 09/4/2568
 
            
   
ทัวร์แสวงบุญ อินเดีย เนปาล
สังเวชนียสถาน 4 ตำบล
14-23 กุมภาพันธ์ 2569
10 วัน 8 คืน
เปิดรับไม่เกิน 25 ท่าน 
เดินทางขั้นต่ำ 8 ท่าน
             
ราคา 3x,xxx บาท
* ยังไม่รวมค่าตั๋วเครื่องบิน
(จ่ายเพิ่มค่าตั๋วอีกประมาณ 16,000-18,000 บาท)
หมายเหตุ - ขอสงวนสิทธิ์ที่จะปรับราคาตามความเหมาะสม หากมีการเปลี่ยนแปลงของ ค่าธรรมเนียมน้ำมัน ภาษีสนามบิน และอัตราแลกเปลี่ยน
       

มี พระธรรมวิทยากร บรรยายตลอดการเดินทาง..
นำพา สวดมนต์ นั่งสมาธิ และเจริญจิตภาวนา 

            
ทัวร์แสวงบุญ
เส้นทางธรรมยาตรา ตามรอยบาทพระศาสดา
สังเวชนียสถาน 4 ตำบล ประเทศอินเดีย เนปาล
สถานที่ประสูติ ตรัสรู้ ปรินิพพาน และปฐมเทศนา
เป็นทริปแบบกันเอง ไม่เหนื่อย สะดวกสบายพอประมาณ
พักวัดไทย ร่วมบุญทำบุญทอดผ้าป่า ตามกำลังศรัทธา
              
โปรแกรมการเดินทาง
          

จุดนัดพบ
สนามบินสุวรรณภูมิ ชั้น 4 ประตู 4-5 บริเวณที่นั่งหน้าประตู
วันเสาร์ที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2569
เวลา 08.00 น. (แปดโมงตรง)

    
DAY 01 วันเสาร์ที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2569
  
กรุงเทพ-พุทธคยา
 
เริ่มโปรแกรมทัวร์-
 
08.00 น. พบกันที่สนามบินสุวรรณภูมิ เช็คอินบัตรโดยสารและโหลดสัมภาระ
   
เที่ยวบิน TG327

Bangkok-Gaya
  สามารถโหลดกระเป๋าได้หนัก ไม่เกิน 20 กิโลกรัม
เครื่องออก เวลา 11.00 น. (ตามเวลาประเทศไทย)
เครื่องถึง เวลา 12.40 น. (ตามเวลาประเทศอินเดีย)
  * เวลาบิน อาจมีการเปลี่ยนแปลงก่อนเดินทาง
 
11.00 น. ได้เวลาเครื่องออก มุ่งหน้าสู่ประเทศอินเดีย 
*ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมง 10 นาที
  
กินอาหารกลางวัน  บนเครื่องบิน
  
12.40 น. (ตามเวลาประเทศอินเดีย) เดินทางถึงสนามบินพุทธคยา ประเทศอินเดีย ใช้เวลาต่อคิว ตรวจประทับตราวีซ่า ที่ ตม.อินเดีย ค่อนข้างนาน (ราวๆ 1-2 ชั่วโมง) 

14.00 น. เข้าสู่ที่พัก
 
 
พระมหาเจดีย์พุทธคยา
และ ต้นพระศรีมหาโพธิ์
 
16.00 น. นำพาทุกท่านสู่ “อภิสัมพุทธสถาน” มหาเจดีย์พุทธคยา และ ต้นพระศรีมหาโพธิ์  สถานที่ตรัสรู้อนุตรสัมมาสัมโพธิญาณของพระพุทธเจ้า กราบสักการะพระพุทธเมตตา บูชาสถานที่ตรัสรู้ บริเวณใต้ ต้นพระศรีมหาโพธิ์ สวดมนต์ทำวัตรเย็น สมาทานศีล 5 

18.00 น. เดินทางกลับที่พัก  กินอาหารค่ำ   แล้วพักผ่อนตามอัธยาศัย
          
DAY 02 วันอาทิตย์ที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2569
  
พุทธคยา-นาลันทา-ราชคฤห์-พุทธคยา
 
03.00 น. ตื่นนอน
  
04.00 น. เดินทางสู่ เมืองนาลันทา บ้านเกิดของอัครสาวกซ้าย-ขวา พระโมคคัลลานะและพระสารีบุตร *ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมง

07.00 น. กินอาหารเช้า   ที่วัดไทยนาลันทา

08.30 น. ไปกราบสักการะ “หลวงพ่อองค์ดำ”  พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์อายุนับพันปี เป็นพระพุทธรูปองค์ใหญ่ที่สร้างจากหินดำ ทางการไม่สามารถเคลื่อนย้ายเพื่อนำมาเก็บรักษาในพิพิธภัณฑ์ได้เพราะขนาดที่ใหญ่มาก และทุกครั้งที่มีความพยายามโยกย้ายท่านออกไป ก็จะเกิดเหตุอาเพศเป็นประจำ ชาวบ้านท้องถิ่นมีความเชื่อว่าหลวงพ่อ สามารถดลบันดาลให้หายเจ็บหายป่วย คณะผู้แสวงบุญที่เลื่อมใสศรัทธา พากันไปกราบไหว้ขอความเป็นสิริมงคล

09.30 น. ไปกันที่ “มหาวิทยาลัยนาลันทา”  
นาลันทา เป็นมหาวิทยาลัยสงฆ์แห่งแรกของพุทธศาสนา เป็นมหาวิทยาลัยสงฆ์ที่เคยรุ่งเรืองที่สุดในโลก ปัจจุบันเหลือแต่ซากปรักหักพัง สะท้อนความยิ่งใหญ่ในอดีต ในอดีตมหาวิทยาลัยแห่งนี้ประกอบด้วย ห้องเรียน ห้องสมุด หอพักนักศึกษา หอสวดมนต์ โรงครัว ยุ้งฉาง บ่อน้ำ มีพระสงฆ์มาศึกษาจำนวนมาก มีครูอาจารย์สอนถึง 1,400 ท่าน สักการะ “สารีบุตรสถูป”  เป็นสถูปที่สร้างเพื่อเป็นอนุสรณ์แก่พระสารีบุตร อัครสาวก บริเวณที่ประชุมเพลิง สร้างสมัยแรกโดยโยมมารดาท่านสารีบุตร คือ นางสารีพราหมณี ต่อมาพระเจ้าอโศกได้สร้างเสริมจากที่เดิม และกลายเป็น สถานที่สักการะของมหาชน ตั้งอยู่ภายในมหาวิทยาลัยนาลันทา

11.30 น. กินอาหารกลางวัน   ที่วัดไทยนาลันทา
 
หลวงพ่อดำ เมืองนาลันทา  
หลวงพ่อองค์ดำ
และ สารีบุตรสถูป มหาวิทยาลัยนาลันทา
 
12.30 น. ออกเดินทางไปยัง เมืองราชคฤห์ *ใช้เวลาเดินทางประมาณ 30 นาที 
       
เมืองราชคฤห์ (Rajgir) เมืองที่เคยยิ่งใหญ่ เป็นเมืองหลวงของแคว้นมคธ ในสมัยพุทธกาล พระพุทธศาสนาได้ประดิษฐาน ตั้งมั่นที่เมืองนี้มาโดยตลอด เพราะการอุปถัมภ์บำรุงของพระราชาผู้ทรงธรรมของเมือง เมืองราชคฤห์จึงเต็มไปด้วยโบราณสถานต่างๆ มากมาย

13.00 น. ไปกันที่ สวนเวฬุวัน  สักการะบูชาสถานที่อันเคยเป็นที่ตั้งของ วัดเวฬุวันวิหาร วัดที่พระเจ้าพิมพิสารได้ทรงถวายสวนเวฬุวัน ให้เป็นพระอารามหลวงแห่งแรกในพระพุทธศาสนา พระพุทธองค์ทรงประทับจำพรรษา ณ ที่แห่งนี้รวมแล้ว 6 พรรษา เป็นที่ทรงตั้งอัครสาวกคือ พระโมคคัลลานะ พระสารีบุตร และยังเป็นสถานที่ที่พระอรหันต์ 1,250 รูป มาชุมนุมกันโดยมิได้นัดหมาย ในวัน จาตุรงคสันนิบาต มาฆบูชา และพระพุทธองค์ได้ทรงแสดงโอวาทปาติโมกข์ แก่ภิกษุเหล่านั้น
 
 
วัดเวฬุวันวิหาร กรุงราชคฤห์
และ มูลคันธกุฎี ณ ยอดเขาคิชฌกูฏ
 
14.30 น. ไปเดินขึ้นเขาคิชฌกูฏกัน
     
เขาคิชฌกูฏ  คือหนึ่งในเบญจคีรีหรือภูเขา 5 ลูก ได้แก่ เวภาระ เวปุละ คิชฌกูฏ อิศิคิลิ และปัณฑวะ ที่ชื่อเขาคิชฌกูฏนั้น เพราะมีลักษณะเหมือนนกแร้ง หรือ เป็นที่เกาะอาศัยของฝูงแร้งที่มาคอยกินซากศพโจรที่ถูกประหารและทิ้งลงเหว ในบริเวณโดยรอบเขาคิชฌกูฏนั้น นับว่าเป็นที่สัปปายะของเหล่าพระอริยสาวก เป็นที่จำพรรษาของพระอรหันต์หลายองค์ เช่น พระสารีบุตร พระอานนท์ พระมหากัสสปะ พระอนุรุทธะ พระปุณณมันตานีบุตร และพระอุบาลี เป็นต้น
   
 
ระยะเดินขึ้นเขาคิชฌกูฎ ประมาณ 1 กิโลเมตร
ทางเดินขึ้นเขา ทางชัน แต่ปูลาดเดินง่าย (ตามภาพ)
มีขั้นบันไดเดินสะดวก เหนื่อยมากช่วงเริ่มเดิน เดินไปได้สักพัก ก็จะคลายเหนื่อย ค่อยๆรู้สึกดีขึ้น เดินกันไปช้าๆ เดินได้สบายๆ


แนะนำ 
สำหรับผู้ใหญ่ที่เดินไม่ค่อยไหว ขาไม่ดี หัวเข่าเจ็บ ฯลฯ
ที่นี่จะมีเสลี่ยงไว้ให้บริการ (ลักษณะเป็นดังรูป) 
ถ้าต้องการใช้บริการ กรุณาแจ้งทีมงานล่วงหน้า
ราคา ขึ้น-ลง ต่อท่านประมาณ 2,200 รูปี รวมทิปให้คนแบก
  

ระหว่างเดินขึ้นสู่ยอดเขาคิชฌกูฎ ผ่าน 2 ถ้ำหลัก คือ

1) ถ้ำพระโมคคัลลานะ 
เป็นที่จำพรรษาของพระอัครสาวกผู้เลิศทางอิทธิฤทธิ์ คือ พระโมคคัลลานะ และที่แห่งนี้เองเป็นที่แก้ข้อสงสัยเรื่องเปรตมีจริงหรือไม่ มองขึ้นจากทางเดินจุดที่เป็นถ้ำของพระโมคคัลลานะนั้น จะเห็นก้อนหินตั้งเรียงกันสามก้อน มีช่องระหว่างเขาที่พอเดินได้ เมื่อก่อนยังไม่ก่อหินกั้นไว้ จะเป็นทางขึ้นลงเพียงทางเดียวเท่านั้น ณ จุดนี้เองเชื่อกันว่าเป็นที่พระเทวทัตพยายามกลิ้งก้อนหินลงมาเพื่อปลงพระชนม์พระพุทธองค์
 
2) ถ้ำสุกรขาตา
มีลักษณะเหมือนคางหมู ในสมัยพุทธกาล ถ้ำสุกรขาตาเป็นสถานที่ซึ่งพระพุทธองค์ทรงแสดงธรรมโปรด ทีฆนขปริพาชก ผู้เป็นหลานของพระสารีบุตร ในขณะที่พระสารีบุตรกำลังนั่งถวายงานพัดอยู่นั้น ท่านก็ได้ฟังธรรมและสำเร็จเป็นพระอรหันต์ในขณะนั้นเอง เมื่อวันมาฆปุณณมี  เพ็ญเดือน 3 หลังจากอุปสมบทแล้ว 15 วัน ส่วนทีฆนขปริพาชกได้บรรลุโสดาปัตติผลประกาศตนเป็นอุบาสกผู้นับถือพระรัตนตรัย

ณ ยอดเขาคิชฌกูฏ มูลคันธกุฎี  คือที่ประทับส่วนพระองค์ของพระบรมศาสดา ในพรรษาที่ 3, 5 และ 7 และ พรรษาสุดท้าย ก่อนเสด็จดับขันธปรินิพพาน มูลคันธกุฎีแห่งเขาคิชฌกูฏนี้ บริเวณที่ประทับของเดิมเป็นกุฎีแคบๆ เหมาะที่จะนั่งมากกว่านอน วัดดูด้วยศอกได้กว้าง 3 ศอก กับ 1 คืบ ยาว 4 ศอกเท่านั้น เป็นที่ซึ่งชาวพุทธถือว่าสำคัญ พากันมากราบไหว้บูชาเพื่อระลึกถึงพระพุทธองค์ ที่เสด็จมาประทับ ณ ยอดเขาแห่งนี้อยู่เสมอ และได้แสดงธรรมหลายพระสูตร เช่น ธัมมิกสูตร มหาสาโรปมสูตร อาฏานาฏิยสูตร อปริหานิยธัมมสูตร เป็นต้น ผู้มาถึงสถานที่แห่งนี้ เหมือนว่าได้มาเข้าเฝ้าสมเด็จพระสัมมาพุทธเจ้าถึงที่ประทับ ดวงจิตมีแต่ความปีติเบิกบานอย่างน่าอัศจรรย์
     
16.30 น. เดินทางกลับ พุทธคยา *ใช้เวลาเดินทาง 2-3 ชั่วโมง
       
19.00 น. เข้าสู่ที่พัก  กินอาหารค่ำ   แล้วพักผ่อนตามอัธยาศัย   

   
DAY 03 วันจันทร์ที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2569
 
พุทธคยา
 
05.00 น. ตื่นนอน
06.00 น. ทำวัตรเช้า ที่พระอุโบสถ
07.00 น.
 กินอาหารเช้า  
    
# สังเวชนียสถาน ลำดับที่ 1

09.00 น. นำพาทุกท่านสู่ “อภิสัมพุทธสถาน” มหาเจดีย์พุทธคยา และ ต้นพระศรีมหาโพธิ์  สถานที่ตรัสรู้อนุตรสัมมาสัมโพธิญาณของพระพุทธเจ้า สวดมนต์และกราบสักการะพระพุทธเมตตา บูชาสถานที่ตรัสรู้ บริเวณใต้ ต้นพระศรีมหาโพธิ์ และ พระแท่นวัชรอาสน์   
 
 
มหาเจดีย์พุทธคยา
และ หลวงพ่อพระพุทธเมตตา 
 
 รัตนจงกรมเจดีย์
พระแท่นวัชรอาสน์
และ 
รัตนจงกรมเจดีย์
 
11.30 น. กินอาหารกลางวัน   แล้วให้เวลาอิสระ พักผ่อนหรือไปช้อปปิ้งตามอัธยาศัย
 
สถูปเจดีย์ บ้านนางสุชาดา ริมฝั่งน้ำเนรัญชรา ที่เหลือแต่ผืนทราย
สถูปเจดีย์ บ้านนางสุชาดา
และ แม่น้ำเนรัญชรา ที่เหลือแต่ผืนทราย
 
16.00 น.ไปดูบริเวณสถานที่ซึ่งพระพุทธเจ้าทรงอธิษฐานจิตลอยถาดทองคำ ริมฝั่งแม่น้ำเนรัญชรา  หรือที่เรียกกันว่า “แม่น้ำแห่งการตรัสรู้” แล้วไปสักการะ สถูปเนินดิน สถานที่อันเคยเป็น บ้านนางสุชาดา  ผู้ถวายข้าวมธุปายาสก่อนวันตรัสรู้ รวมกันสวดมนต์และเดินประทักษิณ รอบพระสถูปเจดีย์ ถวายเป็นพุทธบูชา 

18.00 น. เข้าสู่ที่พัก  กินอาหารค่ำ   แล้วพักผ่อนตามอัธยาศัย
       
DAY 04 วันอังคารที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2569
    
พุทธคยา-พาราณสี
 

05.00 น. ตื่นนอน
06.00 น. ทำวัตรเช้า ที่พระอุโบสถ
07.00 น.
 กินอาหารเช้า

08.00 น. มุ่งหน้าสู่เมืองพาราณสี 
*
ใช้เวลาเดินทาง 5-6 ชั่วโมง

ครึ่งทางจาก พุทธคยา-พาราณสี
แวะ ทำบุญที่วัดไทยระหว่างเส้นทาง วัดไทยสะสาราม
 
11.30 น.
 กินอาหารกลางวัน  

16.00 น. เดินทางเข้าสู่ที่พัก ทำภารกิจส่วนตัว พักผ่อนให้คลายเหนื่อยจากการเดินทาง

 
ล่องเรือแม่น้ำคงคา - พาราณสี
ล่องเรือชมแม่น้ำคงคา
และ พิธีบูชาไฟ “คงคาอารตี” ยามค่ำ
 
17.00 น. ไปเที่ยวชมแม่น้ำคงคา
ลงเรือล่องไปตามลำน้ำคงคา ชมวิถีชีวิตผู้คนริมฝั่งน้ำ ดูพิธีอาบน้ำล้างบาป พิธีบูชาไฟ ชมกองไฟศักดิ์สิทธิ์ที่ไม่เคยดับบริเวณท่ามณิกรรณิการ์ เพราะมีการเผาศพอยู่ตลอดเวลาตามความเชื่อที่ว่าที่นี่เป็นท่าของพระศิวะ หากนำศพมาเผาและเอากระดูกเถ้าถ่านโปรยลงที่ท่าน้ำนี้จะได้ไปสวรรค์ ทำพิธีลอยกระทงดอกไม้และจุดเทียนบูชา พระบรมสารีริกธาตุ และ แม่คงคา  ชมสีสันและบรรยากาศยามค่ำคืน ริมฝั่งแม่น้ำคงคา 
 
20.00 น. กลับเข้าสู่ที่พัก  กินอาหารค่ำ   แล้วพักผ่อนตามอัธยาศัย
     
DAY 05 วันพุธที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2569
         
พาราณสี-กุสินารา
 
05.00 น. ตื่นนอน
06.00 น. กินอาหารเช้า
    
   
สังเวชนียสถาน ลำดับที่ 2

07.00 น. สู่สังเวชนียสถาน “อิสิปตนมฤคทายวัน" สถานที่แสดงปฐมเทศนา เป็นการแสดงธรรมครั้งแรกที่มีชื่อว่า พระธัมมจักกัปปวัตตนสูตร สักการะธัมเมกขสถูปที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงปฐมเทศนาแก่ปัญจวัคคีย์ทั้ง 5 และ ฤษีโกณทัญญะบรรลุโสดาบัน ทูลขอบวชเป็นพุทธสาวกรูปแรก และเป็นวันแรกที่มีพระพุทธ พระธรรมและพระสงฆ์ครบองค์รัตนตรัย 
      สวดมนต์บูชาสถานที่แสดงปฐมเทศนา และอธิษฐานจิตแผ่บุญ กราบสักการะมูลคันธกุฎีที่พระพุทธองค์ทรงจำพรรษาแรก และยสเจตียสถาน สถานที่แห่งความไม่ขัดข้อง ไม่มีความวุ่นวาย เป็นเจดีย์ขนาดเล็กมีอาคารสี่ เหลี่ยมมุงไว้เป็นอย่างดี สถานที่นี้เชื่อกันว่าพระพุทธองค์ทรงแสดงอิทธาภินิหาร โปรดพระยสกุลบุตรผู้เป็นบุตรเศรษฐีแห่งเมืองพาราณสี ด้วยอนุปพพิกถา ในข้อธรรมที่แสดงทาน ศีล สวรรค์ เนกขัมมะ กามาทีนพ ตามลำดับ เป็นผลให้ยสมาณพได้ ดวงตาเห็นธรรม และให้บิดาได้เป็นปฐมอุบาสก มารดาและภรรยาได้เป็นปฐมอุบาสิกา ณ สถานที่นี้อีกด้วย

 
 
 
ธัมเมกขสถูป สถานที่แสดงปฐมเทศนา
และ พิพิธภัณฑ์
 

10.30 น. เข้าชม พิพิธภัณฑ์สารนาถ  ที่รวบรวมเก็บรักษาพระพุทธรูปและวัตถุโบราณ ที่ขุดได้ในบริเวณสารนาถ เมื่อปี พ.ศ. 2483 เช่น ยอดเสาหินพระเจ้าอโศกมหาราชซึ่งแกะสลักเป็นรูปสิงโต 4 เศียร หันหลังชนกัน และพระพุทธรูปหินทรายแดงเนื้อละเอียดปางปฐมเทศนา ที่มีพุทธลักษณะอันโดดเด่นงดงามที่สุดองค์หนึ่งในชมพูทวีป

11.30 น. กินอาหารกลางวัน  

13.00 น. มุ่งหน้าสู่เมืองกุสินารา *ใช้เวลาเดินทาง 5-6 ชั่วโมง

19.00 น. เข้าสู่ที่พัก  กินอาหารค่ำ  แล้วพักผ่อนตามอัธยาศัย   

 
กิจกรรมพิเศษ.. ก่อนเข้านอน

ขอเชิญร่วมเดินประทักษิน
รอบองค์พระมหาเจดีย์ “พระมหาธาตุเฉลิมราชศรัทธา”
บูชาพระบรมสารีริกธาตุ จำนวน 33 รอบ
ตั้งจิตอธิษฐานในบุญกุศลอันประเสริฐ
32 รอบ ให้กับ "ตัวเอง" ที่ได้เกิดมามีร่างกายครบ 32 ประการ
และ 1 รอบ ให้กับ "พ่อและแม่" ผู้มีพระคุณที่ให้กำเนิดชีวิตนี้
 
 
 
วัดไทยกุสินาราเฉลิมราชย์ 
สร้างขึ้นเพื่อน้อมเป็นพุทธบูชา และเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 วาระครองสิริราชสมบัติครบ 50 ปี และเฉลิมพระชนมพรรษาครบ 6 รอบ 72 พรรษา ร่วมสักการะ พระบรมสารีริกธาตุ ได้รับพระราชทานจาก พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 
    โดยสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จแทนพระองค์ ทรงบรรจุ พระบรมสารีริกธาตุ ใน “พระมหาธาตุเฉลิมราชศรัทธา” พระมหาเจดีย์ ที่ตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่ในวัดไทยกุสินาราฯ
                
DAY 06 วันพฤหัสบดีที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2569
      
กุสินารา-ลุมพินี
 

05.00 น. ตื่นนอน
06.00 น. ทำวัตรเช้า ที่พระอุโบสถ 
07.00 น.
กินอาหารเช้า


# สังเวชนียสถาน ลำดับที่ 3

 
08.00 น. เดินทางสู่สังเวชนียสถาน ปรินิพพานสถาน สถานที่เสด็จดับขันธ์ปรินิพพาน ณ สาลวโนทยาน ที่มีต้นสาละปลูกไว้เป็นอนุสรณ์ นมัสการมหาปรินิพพานสถูป และเข้าไปสักการะ พระพุทธรูปปางอนุฏฐิตสีหไสยาสน์ คือปางเสด็จบรรทมครั้งสุดท้ายภายในวิหารปรินิพพาน 

สวดมนต์บูชา องค์พระพุทธปรินิพพาน และถวายเครื่องสักการะ ปิดทองที่พระพุทธบาท และอธิษฐานจิตขอพร    

 
** หากจะทำพิธีถวายผ้าห่มพระพุทธปรินิพพานให้เตรียมผ้าขนาด กว้าง 2 เมตร ยาว 5.50 เมตร จะห่มได้พอดี
 
องค์พระพุทธปรินิพพาน 
ปรินิพพานสถาน สถานที่เสด็จดับขันธ์ปรินิพพาน  มกุฏพันธนเจดีย์ สถูปที่ถวายพระเพลิงพุทธสรีระ
องค์พระพุทธปรินิพพาน ณ ปรินิพพานสถาน
และ มกุฏพันธนเจดีย์ สถูปที่ถวายพระเพลิงพุทธสรีระ
 

แล้วไปสักการะ มกุฏพันธนเจดีย์ ซึ่งอยู่ห่างออกไปประมาณ 1 กิโลเมตร สถูปที่ถวายพระเพลิงพุทธสรีระ หลังวันปรินิพพาน 7 วัน กล่าวคำบูชาสถานที่ถวายพระเพลิง สวดมนต์ ปฏิบัติบูชาตามสมควรแก่เวลา

11.30 น. กินอาหารกลางวัน  

13.00 น. ออกเดินทางมุ่งหน้าสู่แดนประสูติ ณ ประเทศเนปาล 
*
ใช้เวลาเดินทาง 5-6 ชั่วโมง

แวะพักระหว่างทาง ที่วัดไทยระหว่างเส้นทาง 
วัดไทยนวราชรัตนาราม (วัดไทย 960) โครงการที่พักริมทางสำหรับพุทธศาสนิกชนผู้เดินทางแสวงบุญจากทั่วโลก มีห้องน้ำ ที่พัก ศาลาอเนกประสงค์ ร้านขายของที่ระลึก ชากาแฟ และ โรตีร้อนๆ ราดนมข้นหวาน ที่ทางวัดมีไว้รับรองทุกคนที่มาเยือน  

จากนั้นออกจากวัดไทย 960 ไปที่ด่านโสเนาลี (Sonauli) ผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองและเดินทางต่อสู่ลุมพินี

19.00 น. เข้าสู่ที่พัก
  กินอาหารค่ำ  
แล้วพักผ่อนตามอัธยาศัย ในร่มเงาของพุทธสถานที่ร่มเย็น    

        
DAY 07 วันศุกร์ที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2569
  
ลุมพินี
 
05.00 น. ตื่นนอน
06.00 น. 
กินอาหารเช้า
 
07.00 น. ออกเดินทางไปกราบสักการะ รามคามสถูป 

รามคามสถูป  
สถูปบรรจุพระบรมสารีริกธาตุเก่าแก่ที่สุด ที่ยังคงความบริสุทธิ์ และถูกเก็บซ่อนไว้ด้วยกาลเวลา ณ เมืองเทวทหะ ประเทศเนปาล สถูปเก่าแก่ดั้งเดิมที่สุด รอดจากการถูกทำลายมาทุกยุคสมัย นับแต่หลังพุทธปรินิพพาน หลังจากถวายพระเพลิงพระพุทธสรีระขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เมืองเทวทหะของพระพุทธมารดา เป็น 1 ใน 8 เมือง ที่ไปขอแบ่งพระบรมสารีริกธาตุจากเมืองกุสินารา แล้วนำพระบรมสารีริกธาตุนั้นมาบรรจุ ณ รามคามสถูป
 
 
รามคามสถูป
สถูปบรรจุพระบรมสารีริกธาตุเก่าแก่ที่สุด
 
หลังพุทธปรินิพพานได้ 8 ปี (พ.ศ. 8) พระมหากัสสปะ ต้องการรวบรวมพระบรมสารีริกธาตุทั้งหมด จากสถูปทั้ง 8 เมืองได้เคยได้รับแบ่งไป มาไว้ที่เดียวกันเพื่อง่ายต่อการพิทักษ์รักษา ณ มณิยามัธใกล้พระนครราชคฤห์ หลังจากพระมหากัสสปะ ได้นำพระบรมสารีริกธาตุออกมาจากสถูปแล้วได้ 7 เมือง เมื่อไปถึงรามคามสถูป ได้มีพญานาคราชมาปรากฏในเพศของมานพหนุ่ม กล่าวอ้อนวอนว่า.. "อย่าได้นำพระบรมสารีริกธาตุในส่วนนี้ไปเลย ตนและบริวาร มีความเคารพ ศรัทธา เลื่อมใส จะดูแล รักษา คุ้มครอง พระบรมสารีริกธาตุในพระสถูปนี้ไว้เอง..." 

      พระมหากัสสปะตรวจดูแล้วก็เห็นว่า เหล่านาคนี้จักสามารถรักษาพระบรมสารีริกธาตุนี้เอาไว้ได้จนถึงปลายพุทธศาสนายุคกาล จึงได้อนุโมทนา ต่อมาในสมัยพระเจ้าอโศกมหาราช พระองค์ก็มีพระประสงค์จะนำพระบรมสารีริกธาตุออกมาจากรามคามสถูป แต่ก็ปรากฎพญานาคราชออกมาทูลขอร้องไว้ด้วยเหตุเช่นเดิม ในภายหลังแม้จะมีความพยายามที่จะขุดสำรวจ ให้ได้ก็มีเหตุ ให้รอดพ้นมาได้ทุกครั้ง... ในปัจจุบันที่รามคามสถูป มีความบริสุทธิ์ ปลอดจากการตั้งศาสนสถานของศาสนาอื่น ไม่มีเทวาลัย หรือ สิ่งก่อสร้างจากความเชื่ออื่นใด และในทุกวันพุธที่ตรงกับวันพระใหญ่ ก็มักปรากฎมีแสงสว่างและเสียงดนตรีออกจากสถูปนี้ให้ชาวบ้านโดยรอบได้อัศจรรย์อยู่เสมอ
 
09.00 น. ออกเดินทางไปเยี่ยมชม วัดไทยลุมพินี  วัดไทยที่งดงามที่สุดในประเทศเนปาล
 
 
 
วัดไทยลุมพินี ประเทศเนปาล
 
11.30 น. กินอาหารกลางวัน  
 

# สังเวชนียสถาน ลำดับที่ 4

12.00 น. เดินทางสู่ สังเวชนียสถาน ลุมพินีวัน  สถานที่ประสูติของพระพุทธเจ้า ซึ่งเชื่อกันว่าบริเวณ ที่ประสูติของสิทธัตถราชกุมาร คือจุดที่เสาศิลา ของพระเจ้าอโศกมหาราชตั้งอยู่ และยังมีข้อความภาษาพราหมีจารึกไว้อย่างสมบูรณ์ เขียนว่า เป็นสถานที่ประสูติขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

มหามายาเทวีวิหาร (The Mahamaya Devi Temple) ภายในมีศิลาสลักภาพพุทธประวัติปางประสูติ เป็นรูปพุทธมารดา อยู่ในพระอิริยาบถยืน พระหัตถ์ขวา เหนี่ยวกิ่งไม้สาละ มีรูปเจ้าชายสิทธัตถะ ออกมาทางปัสสะขวา ของพระพุทธมารดา ด้านหน้ามหามายาเทวีวิหาร มี สระโบกขรณี (The Sacred Pond) ซึ่งเป็นที่สรงสนานของพระนางสิริมหามายาเทวี ก่อนและหลังประสูติกาลพระกุมาร สวดมนต์บูชาสถานที่ประสูติ กล่าวคำอธิษฐานจิตให้ชีวิตประสบแต่ความดีงาม เสมือนการได้เกิดใหม่ในแดนประสูติแห่งนี้

 
เสาหินพระเจ้าอโศก มหามายาเทวีวิหาร เสาหินพระเจ้าอโศก มหามายาเทวีวิหาร
เสาหินพระเจ้าอโศก มหามายาเทวีวิหาร
และ ศิลาสลักภาพพุทธประวัติปางประสูติ
 
18.00 น. กลับเข้าสู่ที่พัก  กินอาหารค่ำ  
แล้วพักผ่อนตามอัธยาศัย ในร่มเงาของพุทธสถานที่ร่มเย็น 
      
DAY 08 วันเสาร์ที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2569
 
ลุมพินี-สาวัตถี
 

05.00 น. ตื่นนอน
06.00 น. 
กินอาหารเช้า

 
07.00 น. ออกเดินทางกลับเข้าประเทศอินเดีย 

07.30 น. ถึงชายแดน ใช้เวลาผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมือง
 
** ใช้เวลาที่ด่าน ตม. ของทั้งสองประเทศ ค่อนข้างนานมาก **
 
แวะพักที่ วัดไทยนวราชรัตนาราม (วัดไทย 960) ที่พักริมทางสำหรับพุทธศาสนิกชนผู้เดินทางแสวงบุญจากทั่วโลก มีห้องน้ำ ที่พัก ศาลาอเนกประสงค์ ร้านขายของที่ระลึก ชากาแฟ และ โรตีร้อนๆราดนมข้นหวาน ที่ทางวัดมีไว้รับรองทุกคนที่มาเยือน
 
11.00 น. กินอาหารกลางวัน  
 
12.30 น. แล้วออกเดินทางต่อ มุ่งหน้าสู่นครสาวัตถี ฐานที่มั่นแห่งกองทัพธรรม 
*ใช้เวลาเดินทาง 7-8 ชั่วโมง
 
ระหว่างทาง แวะเที่ยวชม 
กรุงกบิลพัสดุ์ใหม่ (ฝั่งประเทศอินเดีย)
      ในปัจจุบัน เป็นเพียงชนบทเล็กๆ ชายแดนเขตประเทศอินเดีย ต่อกับประเทศเนปาล พระราชวังและบ้านเมือง เหลือให้เห็นแต่เพียงซากอิฐ ซากหิน ซึ่งมีไม่มาก ส่วนใหญ่น่าจะจมอยู่ใต้พื้นดิน ที่ยังไม่มีการขุดค้นหากันแต่อย่างใด ปัจจุบันอยู่ภายใต้การดูแลของกองโบราณคดีอินเดีย สันนิษฐานว่า ในครั้งพุทธกาลหลังจากเจ้าศากยวงศ์ทั้งหลายถูกทำลายโดย พระเจ้าวิฑูทภะ ชาวศากยวงศ์ส่วนที่ยังเหลืออยู่ได้มาสร้างวังแห่งใหม่ ณ สถานที่แห่งนี้ และสร้างสถูปพร้อมบรรจุพระบรมสารีริกธาตุไว้ด้วย
 
 
 กบิลพัสดุ์ใหม่ (ฝั่งประเทศอินเดีย)
และ 
การขุดพบพระบรมสารีริกธาตุ
 
ผอบหินสบู่ (Soap Stone)
 
        ที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ขุดพบลึกลงไป 20 ฟุต ในพระสถูป ณ ตำบลปิปราหวะ ตั้งอยู่ปลายชายแดนเนปาล ซึ่งคือเมืองกบิลพัสดุ์ใหม่  มีอักษรจารึกแปลความได้ว่า 
 
นี้คือพระบรมสารีริกธาตุ 
ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จากศากยวงศ์ 
 
      คือ ส่วนที่กษัตริย์ศากยราช ในกรุงกบิลพัสดุ์ได้รับแบ่งปันในเวลาที่ถวายพระเพลิงพระพุทธสรีระ 
      เวลานั้น มาเครสเคอสัน เป็นอุปราชครองอินเดียอยู่ แต่ก่อนเคยอยู่ที่กรุงเทพฯ มีความคุ้นเคยกับ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ปรารภว่า
     " พระเจ้าแผ่นดินที่เป็นพุทธศาสนูปถัมภกในโลกปัจจุบันนี้ มีแต่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว อยู่พระองค์เดียว มีความประสงค์จะถวายพระบรมสารีริกธาตุนั้นแด่พระองค์ " 
      จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เจ้าพระยายมราช (ปั้น สุขุมเปรียญ) แต่ครั้งยังดำรงยศเป็น พระยาสุขุมนัยวินิต เป็นผู้แทนประเทศไทย ไปอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ นั้น
      ครั้งนั้น พวกที่นับถือพุทธศาสนาในนานาประเทศ คือ ญี่ปุ่น พม่า ลังกา และ ประเทศไซบีเรีย ต่างก็ได้ส่งฑูตเข้ามาทูลขอพระบรมสารีริกธาตุนั้น พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้พระราชทานไปตามประสงค์
       ส่วนพระบรมสารีริกธาตุที่เหลือนั้น โปรดสร้างพระเจดีย์ทองสัมฤทธิ์เป็นที่บรรจุ แล้วโปรดให้ประกอบพระราชพิธีบรรจุใน พระเจดีย์บนยอดบรมบรรพต  เมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2442 
       การบรรจุพระบรมสารีริกธาตุคราวนี้ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระประชวร จึงเสด็จพระราชดำเนินไม่ได้ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้ สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอเจ้าฟ้าอัษฎางค์เดชาวุธ กรมขุนนครราชสีมา เสด็จแทนพระองค์
 
16.00 น. แวะพักระหว่างทาง วัดสิทธารถราชมณเฑียร ที่วัดไทยระหว่างเส้นทาง
 
กินอาหารเย็น  อิ่มแล้วเดินทางต่อ
 
20.00 น. เข้าสู่ที่พัก พักผ่อนให้หายเหนื่อยจากการเดินทาง
             
DAY 09 วันศุกร์ที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2569
        
สาวัตถี-ลักเนา
 
05.00 น. ตื่นนอน
06.00 น.
กินอาหารเช้า  แล้วออกไปสักการะสถานที่สำคัญในเมืองสาวัตถีกัน 

สาวัตถี หรือ ศราวัสตี (Sravasti) สมัยพุทธกาลเป็นเมืองหลวงของแคว้นโกศล มีพระเจ้าปเสนทิโกศลเป็นกษัตริย์ครองเมือง พระพุทธองค์ทรงประทับบำเพ็ญพุทธกิจในเมืองนี้ นานถึง 25 พรรษา ได้ทรงแสดงพระสูตร พระวินัย และ ชาดกที่สำคัญๆ เช่น มงคลสูตร กรณียเมตยสูตร เรื่องนางจิญจมาณวิกา นันทมาณพ โจรองคุลีมาล นางปฏาจารา การเกิดขึ้นแห่งยักษีณี 
 
มูลคันธกุฎี ภายในเชตวันมหาวิหาร ต้นอานันทโพธิ์ ภายในเชตวันมหาวิหาร
 มูลคันธกุฎี ภายในเชตวันมหาวิหาร
และ ต้นอานันทโพธิ์ ภายในเชตวันมหาวิหาร
 

เริ่มต้นด้วยการไปที่ เชตวันมหาวิหาร  พระอารามนี้ท่านอนาถบิณฑิกะคฤหบดี เป็นผู้หาสถานที่เพื่อจะสร้างวัดถวายพระพุทธเจ้า เห็นสวนเจ้าเชตกุมาร เหมาะกว่าที่อื่นๆ ท่านจึงได้เจรจาขอซื้อสวนนี้ เจ้าเชตได้เสนอราคาที่ดินโดยการให้นำทองคำมาปูเรียงจนเต็มบริเวณที่ต้องการซื้อทั้งหมด ท่านจึงให้คนนำเกวียนบรรทุกแผ่นทองคำมาเรียงจนเกือบเต็มบริเวณนั้นทั้งหมด เจ้าเชตเห็นถึงศรัทธาที่แน่วแน่ของท่าน ประสงค์ร่วมทำบุญด้วยจึงมอบที่เหลือนั้นให้ และขอให้สร้างซุ้มประตูไว้ด้วย เมื่อสร้างวัดเสร็จแล้วท่าน อนาถะได้จารึกชื่อเจ้าเชตไว้ที่ซุ้มประตูอันเป็นที่มาของชื่อวัดว่า เชตวันมหาวิหาร  ท่านอนาถบิณฑกะเศรษฐี ได้สร้างวิหาร กุฏิ ห้องประชุม โรงครัว เวจกุฎี ห้องน้ำ บ่อน้ำ เป็นต้น พระพุทธองค์เสด็จประทับจำพรรษา ณ พระเชตวันแห่งนี้ รวมแล้วถึง 19 พรรษา

จากนั้นไปดูที่สถูปเก่าที่เชื่อกันว่าบริเวณนี้คือ บ้านท่านองคุลีมาล และ บ้านอนาถบิณฑิกะเศรษฐี อยู่ในบริเวณพระราชวังของพระเจ้าปเสนทิโกศล เลยพระวิหารเชตวันไปประมาณ 3 กิโลเมตร ปัจจุบันยังมีเขตเมืองสาวัตถีให้เห็นเป็นกำแพงล้อมรอบเมือง และภายในเมืองก็จะมีอาคารสิ่งปลูกสร้างในอดีตที่ถูกฝังไว้ใต้ดินเป็นจำนวนมาก ทางรัฐบาลอินเดียได้ขึ้นทะเบียนไว้เป็นสมบัติของทางการ และกำลังทำการขุดค้นเพื่อหาหลักฐานทางด้านประวัติศาสตร์

11.00 น. กินอาหารกลางวัน
 

เชิญทุกท่านร่วมกันกราบขอบคุณพระธรรมวิทยากร ที่ได้ให้ความรู้ตลอดเวลาที่เดินทางไปสังเวชนียสถานในที่ต่างๆ และกราบขอขมาในสิ่งที่พวกเราได้ล่วงเกิน ต่อพระสงฆ์ทั้งที่ตั้งใจและไม่ได้ตั้งใจ แล้วร่วมกันทำพิธีถวายปัจจัย ทำบุญถวายแก่พระธรรมวิทยากร ผู้ใดที่ประสงค์สมทบปัจจัยใดๆเพิ่มเติมขอเชิญร่วมอนุโมทนาตามกำลังศรัทธา
 
 ทำบุญถวายพระธรรมวิทยากร ตามกำลังศรัทธา 

 

14.00 น. ออกเดินทางมุ่งหน้าสู่ เมืองลักเนา
*ระยะทาง 180 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3-4 ชั่วโมง

18.00 น. ถึงเมืองลักเนา เดินทางเข้าสู่สนามบิน

กินอาหารเย็น 
 "เป็นข้าวกล่อง"  ที่แพ็คมาจากวัดไทย   

 
เที่ยวบิน FD147

Lucknow-ฺDon Muang
  สามารถโหลดกระเป๋าได้หนัก ไม่เกิน 20 กิโลกรัม
เครื่องออก เวลา 23.30 น. (ตามเวลาประเทศอินเดีย)
เครื่องถึง เวลา 04.25 น. (ตามเวลาประเทศไทย)
  * เวลาบิน อาจมีการเปลี่ยนแปลงก่อนเดินทาง
 
23.30 น.   ได้เวลาเครื่องออก มุ่งหน้าสู่ สนามบินดอนเมือง ประเทศไทย
*ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมง 25 นาที
       
DAY 10 วันเสาร์ที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2569
 
ดอนเมือง ประเทศไทย 
 
04.25 น. ถึงสนามบินดอนเมือง  สวัสดีประเทศไทย
      
  
จบโปรแกรมทัวร์-
        
หมายเหตุ- โปรแกรมการเดินทาง อาจเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสมของช่วงเวลา และสถานการณ์เฉพาะหน้า
  
รายการ ทอดผ้าป่า 9 วัด
ร่วมกันทำบุญ ทอดผ้าป่าเพื่อทำนุบำรุงวัด ตามกำลังศรัทธา

   
วัดที่ 1 - วัดไทยพุทธคยา
(เมืองพุทธคยา)

วัดที่ 2 - วัดไทยนาลันทา
(เมืองนาลันทา)

วัดที่ 3 - วัดไทยสะสาราม
(อยู่ระหว่างเส้นทาง พุทธคยา-พาราณสี)

วัดที่ 4 - วัดไทยสารนาถ
(เมืองพาราณสี)

วัดที่ 5 - วัดไทยกุสินาราเฉลิมราชย์
(เมืองกุสินารา)

วัดที่ 6 - วัดไทยลุมพินี
(ประเทศเนปาล)

วัดที่ 7- วัดไทยนวราชรัตนาราม 960
(ชายแดน อินเดีย-เนปาล)

วัดที่ 8 - วัดสิทธารถราชมณเฑียร
(อยู่ระหว่างเส้นทาง ลุมพินี-สาวัตถี)

วัดที่ 9 - วัดไทยเชตวันมหาวิหาร
(เมืองสาวัตถี)

       
ที่พัก


  วัดไทยพุทธคยา  3 คืน  -  พุทธคยา

  วัดไทยสารนาถ  1 คืน  -  พาราณสี

  วัดไทยกุสินาราเฉลิมราชย์  1 คืน  -  กุสินารา

  วัดไทยลุมพินี / วัดไทยรามคาม  2 คืน  - ลุมพินี เนปาล

  โรงแรม Platinum หรือเทียบเท่า  1 คืน  -  สาวัตถี


** กรณีที่
พักวัด จะเป็นห้องพัดลม มีห้องน้ำในตัว อาจจะไม่ได้สะดวกสบายมากนัก พักแยก ชาย-หญิง หรือพักเป็นครอบครัว ตามความเหมาะสม ในแต่ละวัดจำนวนเตียงในห้องพักจะไม่เท่ากัน ส่วนใหญ่พักห้องละ 3-4 ท่าน 

** โรงแรมที่พัก ในเมืองสาวัตถี จัดให้พักในโรงแรมที่ดีที่สุดในเมือง พักห้องละ 2 ท่าน
   

       
ราคาทัวร์
ราคา 3x,xxx บาท
* ยังไม่รวมค่าตั๋วเครื่องบิน
    
  *ราคานี้ ยังไม่รวม ค่าตั๋วเครื่องบิน
     ทุกเส้นทางตามที่ระบุในโปรแกรม

  
   จ่ายเพิ่มค่าตั๋วเครื่องบิน ประมาณ  16,000 - 18,000 บาท++
    จ่ายตามราคาจริง ณ วันที่จอง/วันที่ออกตั๋ว
      จองเร็วได้ตั๋วถูก จองช้าได้ตั๋วแพง

   หมายเหตุ - 
ขอสงวนสิทธิ์ที่จะปรับราคาตามความเหมาะสม หากมีการเปลี่ยนแปลงของ ค่าน้ำมัน และ อัตราแลกเปลี่ยน เนื่องด้วยความผันผวนของสถานการณ์โลก ในปัจจุบัน
   

 

ราคานี้รวม-

วีซ่าอินเดีย
 *ประเภท  e-Tourist VISA 30 Days 

วีซ่าเนปาล *ประเภท  15 Days 

อาหารมื้อหลักทุกมื้อ รวม ชา กาแฟ ของหวาน และผลไม้
ค่าน้ำดื่ม (น้ำเปล่าบรรจุขวด) ไม่จำกัดจำนวน แต่กรุณาดื่มอย่างรู้คุณค่า

ที่พัก วัดไทย พักห้องละ 3-4 ท่าน (หรือแล้วแต่ทางวัดจะจัดให้)
พักแยกชาย-หญิง เป็นห้องพัดลม มีห้องน้ำในตัว

ที่พัก โรงแรม พักห้องละ 2 ท่าน

เงินทำบุญ ค่าธรณีสงฆ์-ค่าห้องพัก-ค่าน้ำค่าไฟ
เงินทำบุญ ค่าอาหาร
เงินทำบุญ พระธรรมวิทยากร

ค่ารถปรับอากาศตลอดเส้นทาง
ค่าบัตรเข้าชมสถานที่ต่างๆ เฉพาะตามที่ระบุในโปรแกรม
ค่าบริการ หัวหน้าทัวร์คนไทย 
ค่าบริการ Escort ท้องถิ่น

ประกันการเดินทาง-  

เงื่อนไข- ครอบคลุมภายใต้ข้อตกลงที่มีไว้กับบริษัทประกันชีวิต 
    


ราคานี้ไม่รวม-

*ค่าตั๋วเครื่องบิน สายการบินตามที่ระบุในโปรแกรม
  ค่าธรรมเนียมน้ำมันและภาษีสนามบิน ไทย-อินเดีย

ค่ารถสามล้อ ระหว่างเดินทางในพุทธคยา
ค่ากล้องถ่ายรูป และ ค่ากล้องวีดีโอ
ค่าทิป escort หรือผู้ช่วยหัวหน้าทัวร์ ชาวอินเดีย
ค่าทิป หัวหน้าทัวร์คนไทย
ค่าทิป คนขับรถ , เด็กรถ , เด็กยกกระเป๋า และทิปอื่นๆ
ค่าใช้จ่ายอื่นๆ นอกเหนือจากที่ระบุไว้ในรายการ



อาหารมื้อเย็น 
ท่านใดถือศีล 8 ไม่กินอาหารเย็น ไม่คืนค่าอาหาร 
 
ค่าธรณีสงฆ์ ค่าอาหาร 
ในการเข้าพักที่วัด ทางเราได้จัดเตรียมเงินทำบุญ ถวายเป็นค่าธรณีสงฆ์ ค่าน้ำค่าไฟ ค่าอาหาร ไว้แล้ว ตามความเหมาะสม ถ้าใครต้องการจะทำบุญเพิ่มก็แล้วแต่ศรัทธา
  

ค่าทิป-  
   
เด็กยกกระเป๋า ควรให้ไม่ต่ำกว่า 20 บาท หรือ 40 รูปี 
    
ทีมงานอินเดีย  (ไกด์ท้องถิ่น คนขับรถ เด็กรถ) 
เผื่อเงินไว้ประมาณ 1,800 รูปี หรือ 900 บาท 
สำหรับ 9 วัน ในอินเดีย 
(ให้ในวันสุดท้าย ของการเดินทาง)


หัวหน้าทัวร์คนไทย 
ตามแต่พอใจ (ไม่บังคับ)
หรือ เผื่อเงินไว้ประมาณ 900 บาท
สำหรับ 9 วัน ในอินเดีย 
(ให้ในวันสุดท้าย ของการเดินทาง)


                  

 การชำระเงิน



1)  จ่ายมัดจำ 5,000 บาท  ทันทีที่จอง   
      *ยึดมัดจำถ้าขอเลิกการเดินทาง


2)  จ่ายค่าตั๋วเครื่องบิน
      ประมาณ (16,000-18,000) บาท  ทันทีที่จอง 
      *ถ้าขอยกเลิกการเดินทาง
       คืน/ไม่คืนเงิน ตามเงื่อนไขของสายการบิน


      (กรุณาสอบถาม ราคาตั๋ว ก่อนโอนเงินจองทัวร์)
 

3)  จ่ายส่วนที่เหลือ 
      2x,xxx บาท  ภายในวันที่
  14 มกราคม 2569
  

    

 เงื่อนไขการให้บริการ


จองล่วงหน้าตามที่กำหนด ชำระเงินตามเงื่อนไขข้างต้น

ขอยกเลิกการเดินทาง ยึดเงินมัดจำ และหักค่าใช้จ่ายตามที่เกิดขึ้นจริง และ/หรือ ขอยกเลิกการเดินทาง น้อยกว่า 30 วัน เก็บค่าใช้จ่ายเต็มจำนวน 

กรณีเกิดการระบาดต่างๆ จนทำให้ไม่สามารถเดินทางได้ ขอสงวนสิทธิ์ในการ เลื่อน/ยกเลิกการเดินทาง ตามแต่สถานการณ์เฉพาะหน้า 

เมื่อท่านออกเดินทางกับคณะแล้ว หากท่านงดการใช้บริการรายการใดรายการหนึ่ง เช่น ไม่เที่ยวบางรายการ ไม่ทานอาหารบางมื้อ หรือไม่เดินทางพร้อมคณะ ถือว่าท่านสละสิทธิ์ ไม่อาจเรียกร้องค่าบริการและเงินมัดจำคืนได้ ไม่ว่ากรณีใดๆ ทั้งสิ้น  กรณีที่การตรวจคนเข้าเมืองทั้งที่ประเทศไทยและต่างประเทศ ปฏิเสธมิให้เดินทางออกหรือเข้าประเทศ หรือ กรณีความล่าช้าจากสายการบิน การประท้วง การนัดหยุดงาน การก่อจลาจล ทางเราขอสงวนสิทธิ์ที่จะไม่คืนค่าบริการไม่ว่ากรณีใดๆ ทั้งสิ้น  เมื่อท่านตกลงชำระเงิน ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน ถือว่าท่านได้ยอมรับเงื่อนไขข้อตกลงต่างๆ ที่ได้ระบุไว้แล้วทั้งหมดานออกเดินทางกับคณะแล้ว หากท่านงดการใช้บริการรายการใดรายการหนึ่ง เช่น ไม่เที่ยวบางรายการ ไม่ทานอาหารบางมื้อ หรือไม่เดินทางพร้อมคณะ ถือว่าท่านสละสิทธิ์ ไม่อาจเรียกร้องค่าบริการและเงินมัดจำคืนได้ ไม่ว่ากรณีใดๆ ทั้งสิ้น  กรณีที่การตรวจคนเข้าเมืองทั้งที่ประเทศไทยและต่างประเทศ ปฏิเสธมิให้เดินทางออกหรือเข้าประเทศ หรือ กรณีความล่าช้าจากสายการบิน การประท้วง การนัดหยุดงาน การก่อจลาจล ทางเราขอสงวนสิทธิ์ที่จะไม่คืนค่าบริการไม่ว่ากรณีใดๆ ทั้งสิ้น  เมื่อท่านตกลงชำระเงิน ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน ถือว่าท่านได้ยอมรับเงื่อนไขข้อตกลงต่างๆ ที่ได้ระบุไว้แล้วทั้งหมด


กรณีเจ็บป่วยระหว่างเดินทาง หรือในขณะที่อยู่ในประเทศอินเดีย เบื้องต้นจะรักษาตามอาการ ทั้งนี้ผู้ร่วมทางต้องดูแลตัวเอง หากมีอาการหนักจะนำส่งโรงพยาบาลที่อินเดีย เพื่อให้เข้ารับการรักษา หากต้องการเดินทางกลับประเทศไทยก่อนกำหนด สามารถทำได้โดยคิดค่าใช้จ่ายตามที่เกิดขึ้นจริง ณ ขณะนั้น

     
ขั้นตอนง่ายๆในการจองทริปกับเรา
1  2  3  4 
คลิกเพื่อจองทริป คลิกตรวจรายชื่อ คลิกเพื่อโอนเงิน คลิกเพื่อส่งเอกสาร
       
บริการของเรา
   
  เตรียมตัวเดินทาง บริการจากทัวร์  
             
 
คลิก..เพื่อดูโปรแกรมการเดินทาง
หรือ ขอโปรแกรมได้ที่  คุณนุ้ย 0816928233
หรือ แจ้งทาง LINE ID : 
@wanramtang
 
               
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
ที่อยู่ แผนที่ วันแรมทาง
บ้านวันแรมทาง
1/60 ซ.อนามัยงามเจริญ 12 แขวงท่าข้าม เขตบางขุนเทียน กรุงเทพ 10150
โทรศัพท์  024054561
มือถือ - ปลา 0898119139 (AIS)
มือถือ - นุ้ย 0816928233 (DTAC)
Email wanramtang@hotmail.com
Line Official ID @wanramtang
 
วันทำงาน วันจันทร์-วันศุกร์ เวลา 09.00-18.00 น.
วันเสาร์ เวลา 09.00-12.00 น.
นอกเวลางาน งดการติดต่อทุกเรื่อง
ถ้าไม่รับสายหรือโทรไม่ติด กรุณาติดต่อทาง Line

        

หรือติดต่อผ่านระบบอัตโนมัติ ด้านล่างนี้

ชื่อ :  *
เบอร์โทรศัพท์ :  *
อีเมล :  *
ชื่อทริปเดินทาง :  *
วันที่เดินทาง :  *
ต้องการ : จองทริป
สอบถาม
หัวข้อที่ต้องการสอบถาม :
รายละเอียด :



โปรแกรม สังเวชนียสถาน

สังเวชนียสถาน (กรุ๊ปส่วนตัว พักโรงแรม)
สังเวชนียสถาน (8-17 พฤศจิกายน 2568)
พาราณสี พุทธคยา (27 ธันวาคม 2567 - 1 มกราคม 2568)
พาราณสี กุสินารา
สังเวชนียสถาน (7-16 ธันวาคม 2567)



ทัวร์อินเดียคุพภาพเยี่ยม
ใบอนุญาตประกอบธุรกิจนำเที่ยว เลขที่ 11/06037
กดติดตาม facebook วันแรมทาง อัพเดททัวร์แอนด์ทราเวล
ติดต่อเรา วันแรมทาง อัพเดททัวร์แอนด์ทราเวล
dot
โหลดเอกสารที่ต้องจัดส่ง เพื่อขอวีซ่า สำหรับผู้จองทัวร์
dot
dot
ดาวโหลด เอกสารที่ต้องจัดส่งเพื่อขอวีซ่า กรณีจ้างทำวีซ่า
dot
โปรแกรมเดินทาง ทัวร์อินเดีย วันแรมทาง อัพเดททัวร์แอนด์ทราเวล
วิธีการจองทัวร์ วันแรมทาง อัพเดทร์ทัวร์แอนด์ทราเวล
dot
ตรวจสอบสถานะการจองทัวร์ วันแรมทาง อัพเดททัวร์แอนด์ทราเวล
dot
dot
วันแรมทาง บริการคุณภาพ โดยผู้เชี่ยวชาญ
dot
รับทำวีซ่าอินเดีย อัพเดททัวร์แอนด์ทราเวล (วันแรมทาง)
รับทำวีซ่าเนปาล อัพเดททัวร์แอนด์ทราเวล (วันแรมทาง)
รับจอง ตั๋วรถไฟอินเดีย อัพเดททัวร์แอนด์ทราเวล (วันแรมทาง)
รับจอง ตั๋วรถบัสอินเดีย อัพเดททัวร์แอนด์ทราเวล (วันแรมทาง)
คำแนะนำเรื่อง อาการแพ้ความสูง Altitude Sickness อาการเวลาอยู่บนพื้นที่สูง Acute Mountain Sickness (AMS)
ลิงค์เว็บไซต์ พยากรณ์อากาศ ที่เชื่อถือได้




Copyright © 2007-2037 สงวนลิขสิทธิ์ภาพและบทความที่จัดทำขึ้นโดยเว็บไซต์ ห้ามลอกโดยเด็ดขาด
ติดต่อเรา
บริษัท อัพเดททัวร์แอนด์ทราเวล จำกัด
เลขที่ 1/60 ซอยอนามัยงามเจริญ 12 แขวงท่าข้าม เขตบางขุนเทียน กรุงเทพ 10150
โทรศัพท์ : 024054561 , 0816928233 (dtac) , 0898119139 (ais)
Email : wanramtang@hotmail.com
Line ID: @wanramtang