 |
|
|
|
บันทึกแรมทาง |
ตอน: ครั้งหนึ่ง ณ หุบเขาสปิติ |
|
|
ทริป สปิติวัลเล่ย์ |
รัฐหิมาจัลประเทศ ประเทศอินเดีย |
1-17 กันยายน 2566 |
|
- บทที่ 3 - |
มุ่งหน้าสู่ ซาราฮาน |
|
เช้าวันถัดมา เป็นวันที่เราต้องออกเดินทางจากเมืองซิมลา (Shimla) มุ่งหน้าสู่เมืองซาราฮาน (Sarahan) เดินทางประมาณ 5 ชั่วโมง |
|
ทริปของพวกเรา ไม่ต้องตื่นกันแต่เช้ามืด ไม่ต้องรีบออกเดินทางไปไหน เรานัดกินอาหารเช้า 07.30 น. เดินออกจากโรงแรม ไปกินอาหารเช้าที่ร้านอาหารใน mall road อากาศยามเช้าดีมาก สดชื่น เดินเพลิน กินเพลิน
|
|
ระหว่างเส้นทาง วิวภูเขาและป่าสนหนาทึบ ภูมิอากาศแถบนี้ค่อนข้างชื้น ช่วงที่เราไปกัน ยังไม่ค่อยหนาวเท่าไร จะรู้สึกหนาวในตอนกลางคืน กับตอนเช้า กลางวันก็สบายๆ |
|
 |
ทิวสนหนาทึบ บริเวณหุบเขา |
|
ก่อนออกจากเขตเมืองซิมลา เราพาทุกคนไปเที่ยวที่ยอดเขา Hattu Peak ยอดเขาที่สูงที่สุดในซิมลา อยู่ที่ความสูงประมาณ 3,400 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล ยอดเขาล้อมรอบด้วยป่าทึบที่มีต้นสน ต้นโอ๊ก และต้นเมเปิล
|
|
บนยอดเขา มีวัดฮินดู เป็นวัดไม้ขนาดไม่ใหญ่มาก ชื่อว่าวัดฮาตูมาตา (Hatu Mata) ภายในประดิษฐาน เทวรูปพระแม่กาลีองค์สีดำ มีชาวบ้านและนักท่องเที่ยวเดินทางมาเพื่อประกอบพิธีกรรมและกราบไหว้บูชา
|
|
ในเขตเทือกเขาสูงใหญ่ ชาวฮินดูแถบรัฐหิมาจัลประเทศ นิยมกราบไหว้บูชา พระแม่กาลี เพื่อให้ปกป้องคุ้มครองจากสิ่งชั่วร้ายสิ่งไม่ดีต่างๆ ว่ากันว่าก่อนที่ชาวบ้านจะมาตั้งรกรากบนภูเขานี้ มักจะอาศัยอยู่กันไม่ได้ เพาะปลูกก็ไม่ได้ มีความกลัวเรื่องอสูร ภูตผีปีศาจต่างๆนานาตามความเชื่อ กษัตริย์หรือผู้ปกครองในยุคนั้น ต้องสร้างวัด มีพราหมณ์ อัญเชิญพระแม่กาลี มาประดิษฐานเพื่อคุ้มครอง พระแม่กาลีให้โชคเรื่องความปลอดภัย ขจัดอุปสรรคต่างๆ พวกเขาจึงมีความสงบสุข จากนั้นก็นับถือกราบไหว้บูชากันเรื่อยมา |
|
 |
 |
วัดฮาตูมาตา (Hatu Mata) บนยอดเขา |
|
ทำไมต้องเป็นพระแม่กาลี ก็เพราะท่านเป็นเทพี ทีมีฤทธานุภาพที่ยิ่งใหญ่ มีอานุภาพของฤทธิ์ที่มากมาย ปราบอสูรร้ายจนพ่ายแพ้ เอาไว้จะเล่าเรื่อง พระแม่กาลี แยกไว้ในอีกบทความหนึ่ง เราจะพาเดินทางไปอีกหลายที่ ซึ่งจะมีเรื่องราวของพระแม่กาลี อีกหลายวัด |
|
ตอนที่เราไปถึง มีเสียงแพะร้อง แอบเดินไปดูใกล้ๆ อุ๊ต๊ะ!!! เห็นชาวบ้านกำลังเตรียมฆ่าแพะบูชายันต์ เคยได้ยินมาว่าการฆ่าสัตว์บูชายันต์ถูกห้ามและยกเลิกไปแล้ว แต่ก็นั่นแหล่ะ วิถีชาวบ้าน ธรรมเนียมนี้ก็ยังคงอยู่ เป็นความเชื่อเป็นความศรัทธาต่อพระเจ้าของเขา เราแค่ดูให้รู้และเข้าใจในสิ่งที่มันเป็น |
|
ตอนนั้นก็เลยพาคณะเดินอ้อมไปอีกทาง เพื่อไหว้สักการะขอพร พระแม่กาลี ให้คณะของเราเดินทางปลอดภัย |
|
 |
 |
พระแม่กาลี วัดฮาตูมาตา (Hatu Mata) |
|
เราอยู่ที่วัดและยอดเขา Hattu Peak ได้ไม่นาน เปล่าหรอก!! ไม่ได้รีบไปไหน แต่ เพราะเราปวดฉี่ !! และไม่มีห้องน้ำแถวนั้นเลย พวกเราเลยต้องพาทุกคนขึ้นรถ ขับลงมาที่ตีนเขา หามุมสงบๆจอดรถ กางเต็นท์ห้องน้ำ ให้สาวๆทำภารกิจฉุกเฉิน บางคนก็หลบหลังต้นสนใหญ่ บางคนก็ลองมาใช้บริการเต็นท์ครั้งแรก ลูกทัวร์ของเราเป็นหญิงล้วน ผู้ชายในคณะจึงมีแค่ไกด์และคนขับรถ ผู้ซึ่งเป็นทุกอย่างให้เราแล้ว พอสาวๆปวดฉี่ หนุ่มๆก็หามุมจอดรถที่วิวสวยๆและปลอดภัย วิ่งดุ๊กดิกไปหยิบเต็นท์จากท้ายรถมากางให้ แล้วก็แอบไปนั่งหลบมุมกันไกลๆ หนุ่มๆของเราน่ารักกันทุกคน |
|
หลังจากแวะกินอาหารกลางวันระหว่างทาง แล้วเดินทางต่อ ขับรถลัดเลาะถนนโค้งไปโค้งมา คณะของเราเดินทางถึงที่พักที่เมืองซาราฮาน (Sarahan) ในช่วงเย็น ให้พอมีเวลาไปเดินเล่นใกล้ที่พัก ก่อนกลับมากินอาหารค่ำที่โรงแรม แล้วแยกย้ายกันเข้านอน |
|
 |
 |
เต้นท์ห้องน้ำ เปิดบริการครั้งแรก |
|
|
|
|