ครั้งหนึ่ง ณ หุบเขาสปิติ (บทที่ 4)
ReadyPlanet.com
dot dot
ครั้งหนึ่ง ณ หุบเขาสปิติ (บทที่ 4)
   
สร้างสรรค์การเดินทางโดย..
  วันแรมทาง wanramtang
  Adventure Explorer
 
เรื่องโดย:  ชนิตา กัลยาณมิตร
ภาพโดย:  สาริศา ชาวบ้านเกาะ
   
บันทึกแรมทาง
ตอน:    ครั้งหนึ่ง ณ หุบเขาสปิติ
  
ทริป สปิติวัลเล่ย์
รัฐหิมาจัลประเทศ ประเทศอินเดีย
1-17 กันยายน 2566
 
- บทที่ 4 -
พระแม่กาลี
 
ปอ่านเจอบทความเกี่ยวกับ พระแม่กาลี เขาเขียนไว้ดีมาก อ่านแล้วเข้าใจง่าย รู้และเข้าใจว่า พระแม่กาลี คือใคร
 
เข้าไปตามอ่านได้ที่ลิงค์นี้นะคะ
https://www.siamganesh.com/kali.html
 
ขออนุญาตคัดลอกมาให้อ่านในนี้ด้วย
พระแม่กาลี เทวีผู้ทรงมหิทธา
***ขอบคุณบทความ*** 
โดย www.siamganesh.com
 
 
พระแม่กาลี คือร่างที่แบ่งภาคมาจากการบำเพ็ญตบะของ พระอุมาเทวี (พระแม่อุมา) เพื่อปราบอสูรตนหนึ่ง นามว่า อสูรทารุณ
 
ความเป็นมามีอยู่ว่า อสูรทารุณ นี้แม้ว่าจะถูกฆ่าสักกี่ครั้งก็ไม่มีวันตาย แล้วที่สำคัญกว่านั้นเมื่อเลือดตกลงพื้นเมื่อใดก็จะทวีขึ้นเรื่อยไปไม่หมดสิ้น ความที่คิดว่ามีอิทธิฤทธิ์มากมาย ฆ่าไม่ตาย จึงทำให้อสูรทารุณเกิดฮึกเหิมในความเก่งกาจของตน จึงนำอิทธิฤทธิ์ ความเก่งกาจมาใช้ในการกลั่นแกล้ง รังแกผู้คน เทวดาทั่วไป สุดท้ายก็คิดจะครอบครองโลกทั้งสาม เมื่อเป็นดังนี้แล้วเหล่าเทวดา นางฟ้า ผู้ทรงศีลทั้งมวล จึงต้องนำเรื่องเข้าเฝ้าพระอิศวร เพื่อหาทางปราบอสูรตนนี้ เหล่าเทวดาทั้งหลาย เมื่อได้ฟังสรรพคุณของอสูร ก็ไม่มีใครกล้าอาสาออกไปสู้รบเลย
 
จนในที่สุด องค์พระศรีมหาอุมาเทวี เทพสตรีแห่งสวรรค์ ได้มีความประสงค์ที่จะออกปราบศัตรูร้าย ซึ่งพระองค์ได้ขอพรต่อองค์พระศิวะผู้เป็นเจ้า เพื่อให้ได้รับชัยชนะในครั้งนี้ แล้วจึงเสด็จเพื่อบำเพ็ญตบะทำพิธีศักดิ์สิทธิ์ ให้มีฤทธิ์อำนาจปราบศัตรูร้ายได้ โดยได้กระทำพิธีในอุทยานเขตแดนป่าหิมพานต์ โดยพระศรีมหาอุมาเทวีได้ทรงมอบหมายให้องค์ขันทกุมาร (หรือ พระสกันทะ ซึ่งเป็นโอรสอีกองค์หนึ่งของพระศิวะและพระแม่อุมาเทวี) รับหน้าที่ดูแลไม่ให้ใครย่างกรายเข้าไปในพิธีได้โดยเด็ดขาด
 
 
เมื่อเวลาผ่านไป พระศิวะ จึงเสด็จเข้าไปในอุทยานเพื่อให้รู้แน่ว่าเกิดเหตุใดขึ้น พระองค์ก็พบพระขันทกุมาร จึงสอบถามพระขันทกุมารว่าพระอุมาเทวีอยู่ที่ใด จะขอเข้าพบ พระขันทกุมารได้ฟังดังนั้น จึงกล่าวตอบไป ด้วยความที่ทรงได้รับคำสั่งจากพระอุมาเทวีก่อนเข้าบำเพ็ญตบะ ว่าห้ามมิให้ใครผู้ใดย่างกรายเข้าสู่บริวณพิธีโดยเด็ดขาด จึงไม่สามารถให้พระศิวะผ่านเข้าไปในพิธีได้ (คล้ายกับกรณีพระพิฆเนศกับพระศิวะ)
 
เมื่อเป็นดังนั้นจึงเกิดการโต้เถียงขึ้น เลยเถิดถึงการปะทะกำลังกัน เหตุการณ์ผ่านไปไม่นานนักก็ถึงเวลาที่พระแม่อุมาเทวีบำเพ็ญตบะเสร็จ จึงได้เสด็จออกมา แต่สิ่งที่ปรากฎกลายเป็นรูปกายที่เปลี่ยนไปจากเดิม เป็นพระแม่กาลี!! โดยองค์พระขันทกุมารเมื่อเห็น พระแม่กาลี ก็ทรงทราบได้ว่านี่คือพระมารดาของตน
 
เมื่อพระแม่อุมาได้ฟังคำจากพระขันทกุมารว่า พระศิวะไม่มีความเกรงใจและจะผ่านเข้าไปในพิธีให้ได้ จึงได้เกิดความโมโห ตาถลนออกนอกเบ้า หน้าตาดุดัน แลบลิ้นยาวน่าเกลียดน่ากลัว ทำปากแบะกว้างเห็นเขี้ยวโง้ว มีเลือดไหลจากมุมปากและตามมือและลำตัว ส่งกลิ่นคาวคลุ้งไปทั่ว ตรงเข้าหาพระศิวะทันทีด้วยความโมโห เมื่อพระศิวะเห็นถึงกับผงะ ตกใจหนีไปอย่างไม่คิดชีวิต
  
 
พระแม่กาลีก็ทรงไล่ตามเรื่อยจนพระศิวะทรงพ้นจากเขตอุทยานไป พระแม่กาลีจึงย้อนกลับไปหาพระขันทกุมาร ด้วยเห็นถึงความซื่อสัตย์ จงรักภักดี ไม่ยอมผิดคำสัตย์ที่พระองค์ทรงมอบหมายให้ถึงแม้นว่าจะเป็นพระบิดาของตนก็ตาม เหตุการณ์นี้จึงเป็นที่พอพระทัยแก่พระแม่กาลีเป็นอย่างยิ่ง
 
จากนั้น พระแม่กาลีจึงรีบเสด็จออกจากอุทยาน เพื่อตามล่าสังหารอสูรทารุณ ซึ่งไม่นานพระแม่กาลีก็ได้เผชิญหน้ากับอสูรทารุณ และด้วยฤทธิ์อำนาจของทั้ง 2 ฝ่าย การต่อสู้ที่ยาวนานจึงเกิดขึ้น
 
จังหวะที่พระแม่กาลีทรงใช้ดาบฟันคออสูรขาด เลือดของอสูรก็หยดลงพื้น อสูรจำนวนมากจึงผุดขึ้นมาจากหยดเลือดเหล่านั้น อสูรที่เพิ่มทวีขึ้นเรื่อยๆตามหยดเลือดของอสูรทารุณ พระแม่กาลีเห็นดังนั้นจึงคิดว่าคงไม่มีวันฆ่าอสูรตนนี้ให้ตายได้เป็นแน่
 
พระแม่กาลีจึงคิดกลอุบายเพื่อเอาชัยชนะในครั้งนี้ให้ได้ โดยการตัดหัวของอสูรพร้อมทั้งดูดกินเลือดอสูรก่อนที่เลือดจะตกลงพื้น เมื่อกินจนหมดสิ้นแล้ว รูปกายของพระแม่กาลีจึงอ้วนใหญ่ ในมือนั้นถือหัวของอสูรที่ตัดร้อยเป็นพวงไว้ อสูรทารุณจึงสิ้นฤทธิ์ลงด้วยเหตุนี้
 
ด้วยความดีพระทัยที่ทรงได้รับชัยชนะในครั้งนี้ พระแม่กาลีจึงเต้นระบำอย่างสำราญหทัยที่สุด จนลืมพระองค์ ทรงยกพระบาทขึ้นหมายจะกระทืบลงพื้นโลกอย่างเต็มแรง!!
 
ชั่วระยะเวลานี้ เหล่าเทวดาทั้งหลายเห็นดังนั้นก็คิดว่าเมื่อพระแม่กาลีกระทืบพระบาทลงพื้น พื้นโลกคงแตกสลายสร้างความเดือดร้อนเป็นแน่แท้ จึงรีบพากันเข้าเฝ้าพระศิวะอย่างเร่งด่วน พระศิวะได้ฟังคำจากเหล่าเทวดาจึงได้ตะหนักว่า พระแม่กาลีที่มีรูปกายน่าเกลียดน่ากลัวนั้น แท้จริงควรจะเกรงใจพระองค์และจดจำพระองค์ได้บ้าง คิดได้ดังนั้นจึงเสด็จไปอย่างรวดเร็วและไปนอนขวางพื้นโลกไว้ พระแม่กาลีก้มลงเห็นพระศิวะนอนขวางอยู่จึงชะงักด้วยความเกรงอกเกรงใจพระสวามี จึงไม่กล้ากระทืบพระบาทลงพื้นดิน และหยุดการกระทำนั้นลง เหล่าเทวดาทั้งหลายจึงโล่งอก พระแม่กาลีแปลงร่างกลับคืนสู่สภาวะปกติ เหตุการณ์จึงจบลงฉะนี้...
     
<<<  บทก่อนหน้า   บทที่ 1   บทถัดไป  >>>
  บทที่ 2  
  บทที่ 3  
  บทที่ 4  
  บทที่ 5  
  บทที่ 6  
  บทที่ 7  
  บทที่ 8  
  บทที่ 9  
  บทที่ 10  
   
 



บันทึกแรมทาง

ครั้งหนึ่ง ณ หุบเขาสปิติ
พุทธคยาเย็นใจ 10-14 ตุลาคม 2567
คำแนะนำเรื่อง อาการแพ้ความสูง (AMS)
พาไปนวดที่ Kelara article
Boarding Pass



ทัวร์อินเดียคุพภาพเยี่ยม
ใบอนุญาตประกอบธุรกิจนำเที่ยว เลขที่ 11/06037
กดติดตาม facebook วันแรมทาง อัพเดททัวร์แอนด์ทราเวล
ติดต่อเรา วันแรมทาง อัพเดททัวร์แอนด์ทราเวล
dot
โหลดเอกสารที่ต้องจัดส่ง เพื่อขอวีซ่า สำหรับผู้จองทัวร์
dot
dot
ดาวโหลด เอกสารที่ต้องจัดส่งเพื่อขอวีซ่า กรณีจ้างทำวีซ่า
dot
โปรแกรมเดินทาง ทัวร์อินเดีย วันแรมทาง อัพเดททัวร์แอนด์ทราเวล
วิธีการจองทัวร์ วันแรมทาง อัพเดทร์ทัวร์แอนด์ทราเวล
dot
ตรวจสอบสถานะการจองทัวร์ วันแรมทาง อัพเดททัวร์แอนด์ทราเวล
dot
dot
วันแรมทาง บริการคุณภาพ โดยผู้เชี่ยวชาญ
dot
รับทำวีซ่าอินเดีย อัพเดททัวร์แอนด์ทราเวล (วันแรมทาง)
รับทำวีซ่าเนปาล อัพเดททัวร์แอนด์ทราเวล (วันแรมทาง)
รับจอง ตั๋วรถไฟอินเดีย อัพเดททัวร์แอนด์ทราเวล (วันแรมทาง)
รับจอง ตั๋วรถบัสอินเดีย อัพเดททัวร์แอนด์ทราเวล (วันแรมทาง)
คำแนะนำเรื่อง อาการแพ้ความสูง Altitude Sickness อาการเวลาอยู่บนพื้นที่สูง Acute Mountain Sickness (AMS)
ลิงค์เว็บไซต์ พยากรณ์อากาศ ที่เชื่อถือได้




Copyright © 2007-2037 สงวนลิขสิทธิ์ภาพและบทความที่จัดทำขึ้นโดยเว็บไซต์ ห้ามลอกโดยเด็ดขาด
ติดต่อเรา
บริษัท อัพเดททัวร์แอนด์ทราเวล จำกัด
เลขที่ 1/60 ซอยอนามัยงามเจริญ 12 แขวงท่าข้าม เขตบางขุนเทียน กรุงเทพ 10150
โทรศัพท์ : 024054561 , 0816928233 (dtac) , 0898119139 (ais)
Email : wanramtang@hotmail.com
Line ID: @wanramtang